'แสตมป์' รับเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่กรณี ยืนยันโดนข่มขู่ด้วย ม.112 จริง!

ทำเอาวงการบันเทิงปั่นป่วนอยู่หลายวันสำหรับประเด็นที่นักร้องหนุ่ม แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และภรรยาถูกคุกคามโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งและมีการโดนข่มขู่ใช้อิทธิพล จนแสตมป์ได้พูดบนเวทีถึงประเด็นนี้เมื่อหลายวันก่อนทำให้ศิลปินหลายท่านถูกดึงเข้าไปในดราม่าของเรื่องนี้

ล่าสุดเจ้าตัวไม่ปล่อยให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ โพสต์ขอโทษที่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดที่เป็นต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเคยมีความสัมพันธ์กับคู่กรณีในอดีตจริงแต่ได้จบความสัมพันธ์ไปแล้ว และได้ละเว้นประเด็นนี้ไว้ในเรื่องเล่าจนคนเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงการโดนคุกคามจากแฟนคลับ (ซาแซง) แต่ยังยืนยันว่าตนและครอบครัวโดนคุกคามและข่มขู่ด้วยคดีทางการเมืองจริง

"ผมขอโทษทุกคนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด ที่ผมพูดบนเวทีในวันที่ 15 มกราคม ไม่ครบทุกประเด็น ทำให้เกิดความเสียหายออกไปในวงกว้าง ทั้งกับตัวบุคคลและวงดนตรีต่างๆ มากมาย

เป็นความผิดพลาดที่สุดของผม ที่ผมเลือกเว้นประเด็นที่เป็นสาเหตุตั้งต้นที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดที่หลายคนกำลังเดือดร้อนอยู่นี้ นั่นคือ การนอกใจภรรยาของผมเอง

ผมมีเจตนาที่จะใช้เวทีนั้นเป็นสื่อกลางส่งสารไปยังคนจำนวนหนึ่ง เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า ภรรยาของผมเดือดร้อนและมีความกังวลจากเรื่องอะไรบ้าง และแจ้งให้คนจำนวนนึงทราบเกี่ยวกับผลของศาลที่แท้จริงที่เราเข้าใจว่าถูกบิดเบือนในสังคมอยู่ในขณะนั้น จึงใช้วิธีการเล่าแบบไม่ได้ระบุชื่อตัวบุคคล หลีกเลี่ยงประเด็นที่เป็นสาเหตุแท้จริง

แต่สิ่งที่ผมคิดน้อยมากเกินไปและผิดพลาดที่สุดก็คือ ผมไม่ได้คิดไปถึงเลยว่าจะมีคนขุดคุ้ยมาเปิดเผยในที่สาธารณะ ว่าตัวละครที่ผมเล่าไปจะเป็นใครบ้างในชีวิตจริง จนมีคนเดือดร้อนกันเป็นวงกว้างได้ขนาดที่เป็นอยู่นี้

ผมขอโทษน้องๆวง Tilly birds เติร์ด บิลลี่ ไมโล และทีมงาน ที่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนมาอย่างยาวนาน จากปัญหาที่ผมสร้างขึ้นมาเองในครอบครัว และทำให้พวกเขาถูกเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง ผมขอโทษน้องๆจริงๆครับ สิ่งที่เราสู้รบกันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าผมซื่อสัตย์ต่อภรรยาผมตั้งแต่ต้น

ผมขอโทษ คุณโอม Cocktail ที่มีการพาดพิงถึงในเรื่องเล่าของผม จนพลาดวันสำคัญในชีวิตไป
ผมขอโทษนักร้องนักดนตรีทุกคน หรือใครก็ตาม ทีมงาน โบกี้ไลอ้อน วิว โทนี่ วง moving and cut วงมีน พี่จี๊บ LOVEiS และทุกๆคนที่ติดร่างแหไปจากการเล่าเรื่องของผม

ผมขอโทษคู่กรณีของผมและภรรยา และครอบครัวของพวกเขา ผมยอมรับว่าเคยมีความสัมพันธ์กับแจมในอดีตจริง และได้จบไปแล้ว และได้ละเว้นประเด็นนี้ไว้ในเรื่องเล่า จนคนเข้าใจผิด เอาใจช่วยผมไปในเรื่องที่ผมบิดเบือนว่าแจมเป็นเพียงแฟนคลับที่มาติดตาม

เรื่องของการคุกคามและข่มขู่ด้วยคดีทางการเมือง ผมยังยืนยันว่าเคยเกิดขึ้นจริง หากแต่ปัจจุบันได้หยุดลงไปแล้ว และผมได้เล่าเรื่องเหล่านี้เพื่อให้หน่วยงานต่างๆมาคุ้มครองดูแล

เรื่องของคดีความ ผมฟ้องแกปกับแจมในคดีร่วมกันหมิ่นประมาท แยกเป็นแพ่งและอาญา รวม 3 คดี ผมถอนฟ้องให้ทั้งหมดเนื่องจากถูกข่มขู่ด้วย ม.112 ซึ่งมีพยานวัตถุเป็นแชท ส่วนภรรยาผมฟ้องคดีมือที่สาม และจบลงด้วยการได้รับค่าชดใช้หนึ่งล้านบาทจากแจม

ผมขอโทษแฟนเพลงและทุกคนในสังคม ที่ผมได้มีการทำตัวในสิ่งที่ไม่เหมาะสมลงไป ผมขอสัญญาว่าต่อจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและครองสติอย่างดีที่สุด

ที่สำคัญที่สุด ผมขอโทษนิว ภรรยาของผมและครอบครัว และขอบคุณที่ยังให้โอกาสผมในการเริ่มต้นใหม่

ผมขอโทษทุกคนจริงๆครับ ผมขอน้อมรับทุกความผิดที่เกิดขึ้นครับ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนครับ #แสตมป์อภิวัชร์"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สภาสูงคาดพยานกลับคำให้การคดีฮั้วเพราะการสอบสวนไม่มืออาชีพ!

'ฉัตรวรรษ' เผยพยานกลับคำให้การ 'คดีฮั้ว สว.' หลังอ้างถูกข่มขู่ซัดทอด 'ภท.' ชี้ อยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจของผู้สอบสวน หากทำถูกต้องเป็นธรรม-มืออาชีพ ก็ไม่มีแบบนี้

ด่วน! ศาลสั่งจำคุก 'สส.ลูกเกด' 4 ปี ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ดูหมิ่นสถาบัน

ศาลอาญาสั่งจำคุก 4 ปีลูกเกด สส.ปชน.ดูหมิ่นสถาบัน ศาลปรานีลดโทษ 1ใน 3 เหลือจำ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ทนายเตรียม ยื่นประกัน ระหว่างอุทธรณ์

'โตโต้' รอด! ศาลอาญายกฟ้อง คดี 'ม.112-พ.ร.บ.คอมพ์ฯ' ยันไม่ฟ้องกลับ แต่ขอให้เป็นบทเรียนสังคม

นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคประชาชน เดินทางมาที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก กรณีศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา ในคดีดูหมิ่นสถาบันฯ ห

พรุ่งนี้ปล่อยตัว! 'อัญชัญ ปรีเลิศ' สิ้นสุดการติดคุกคดี ม.112 นาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน

เพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยว่า พรุ่งนี้ ! ปล่อยตัว “อัญชัญ ปรีเลิศ” สิ้นสุดการคุมขังคดี ม.112 นาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน

เมื่อฝนซา พายุใหญ่ยังตั้งเค้า: คดีทักษิณกับชะตากรรมการเมืองไทย

การรอดพ้นจากคดี 112 ของ ทักษิณ ชินวัตร อาจคล้ายฝนที่ขาดเม็ดลงชั่วขณะ แต่ขอบฟ้ายังเต็มไปด้วยเงามืดของ พายุใหญ่—คดีบังคับโทษในศาลฎีกาฯ ที่รออยู่เบื้องหน้า มิใช่เพียงการตัดสินชะตาชายคนหนึ่ง หากคือการวัดพลังและรอยร้าวของการเมืองไทยทั้งผืน ที่ไม่เคยสมานได้ตลอดกว่าสองทศวรรษ