
สสส.ผนึกนักวิชาการตั้งศูนย์ขับเคลื่อนป้องกันมลพิษอากาศรับวันสิ่งแวดล้อมไทย เร่งพัฒนาองค์ความรู้หนุนมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ให้ตรงจุด
3 ธ.ค.2564 – ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวในพิธีเปิด “ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ” และเสวนาเรียนรู้ “วิถีสุขภาวะกับสิ่งแวดล้อม” เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย 2564 ว่า สสส. ตระหนักถึงปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชากรไทย มุ่งยกระดับความสำคัญของการดำเนินงานลดผลกระทบสุขภาพจากมลพิษสิ่งแวดล้อมให้เป็น 1 ใน 7 เรื่อง ที่กำหนดไว้ในทิศทางและเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2565-2574) ผ่านการขับเคลื่อนทำงานตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับนโยบายเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดย สสส. ได้จัดตั้งศูนย์วิชาการเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศวอ.) โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน ภาควิชาการ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนางานวิชาการที่ตอบโจทย์บริบทของสังคม เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปรับใช้เป็นแนวทางการทำงานเชิงพื้นที่ โดยมีแนวทางการทำงานที่สำคัญ 4 ด้าน ดังนี้ 1.สร้างความรู้ ความเข้าใจในการปกป้องสุขภาวะ และส่งเสริมการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม 2.พัฒนาศักยภาพและขับเคลื่อนชุมชน องค์กร และเครือข่าย เพื่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม 3.พัฒนาระบบบริการและสนับสนุนเครื่องมือป้องกันสุขภาพจากมลพิษสิ่งแวดล้อม และ 4.พัฒนามาตรการ นโยบายสาธารณะ และกฎหมายการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. เน้นขยายผลจากระดับปัจเจกหรือระดับพื้นที่ นำไปสู่การผลักดันนโยบายเพื่อการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ผ่านมา สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการห้องเรียนสู้ฝุ่นในโรงเรียนภาคเหนือ 30 แห่ง มุ่งสร้างความตระหนักและป้องกันปัญหา PM 2.5 ในกลุ่มเด็กและเยาวชน เชื่อมโยงไปสู่ครอบครัว และคนในชุมชน รวมถึงสนับสนุนให้เกิดสภาลมหายใจ 8 จังหวัดภาคเหนือ ขับเคลื่อนงานแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมในระดับภูมิภาค เช่น ลดการเผาภาคเกษตร จัดทำแนวกันไฟชุมชน การจัดตั้งศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศวอ.) ครั้งนี้ ถือเป็นการรวมนักวิชาการเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาองค์ความรู้ พร้อมสื่อสารชี้นำสังคม และสนับสนุนมาตรการ นโยบาย เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างตรงจุด
รศ.วงศ์พันธ์ ลิมปเสนีย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศวอ.) สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า ศวอ. อยู่ระหว่างการพัฒนา “โปรแกรมการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจ” ที่ถือเป็นนวัตกรรมเครื่องมือการบริหารจัดการที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลการสูญเสียด้านสุขภาพ ประเมินการสูญเสียด้านเศรษฐกิจ จัดลำดับความสำคัญแหล่งกำเนิดมลพิษอากาศ นำไปสู่มาตรการจัดการมลพิษอากาศเชิงพื้นที่ อาทิ การควบคุมมลพิษจากการจราจรขนส่ง ผลักดันมาตรการกำหนดพื้นที่มลพิษต่ำ โดยส่งเสริมการใช้รถมลพิษต่ำ รถไฟฟ้า รวมถึงการดัดแปลงรถเก่าเป็นรถไฟฟ้า การควบคุมมลพิษจากการเผาในที่โล่ง ผลักดันมาตรการลดการเผาป่าและเผาในที่โล่ง โดยส่งเสริมการใช้รถตัดอ้อย และวิธีไถกลบ
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจข้อมูลจากศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศวอ.) สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ccas.or.th/ และเฟซบุ๊กแฟนเพจ “รู้ทันฝุ่น” www.facebook.com/CCAS.EEAT


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สสส. ผนึกกำลัง 10 หน่วยงาน 100 ภาคี เตรียมจัดงานThailand National PM 2.5 Forum #2 เปลี่ยนระบบ เชื่อมข้อมูล ขับเคลื่อนอากาศสะอาด
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 2 (Thailand National PM2.5 Forum #2)
“เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ 1 ปีบัสนร.ไฟไหม้
กิจกรรม “เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อยกระดับมาตรฐาน “รถรับส่ง-คนขับ” สร้างการเรียนรู้ ป้องกันเหตุซ้ำรอย
“พลังรัก–ศรัทธา"ร่วมวางรากฐานใหม่ สู่ประเทศไทยปลอดภัยจากยาเสพติด
ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังของสังคมไทยมานานนับทศวรรษ และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความเสี่ยงรอบด้าน
“12.12 สายชอปปิ้งต้องระวัง” สสส.-ม.อ. เปิดเวทีสะท้อนปัญหา “ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย” ในไทย เผยผลตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไร้คุณภาพผ่านแพลตฟอร์ม “TaWai for Health”
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์
83% คนไทยเหงา! สังคมโดดเดี่ยวพุ่งสูง ขับเคลื่อนเปลี่ยนประเทศด้วยพลังการรับฟัง
ในวันที่สังคมไทยเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีเกือบตลอด 24 ชั่วโมง กลับเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึก “เหงา” มากที่สุดในชีวิต

