ยื่นจม.เปิดผนึก จี้สหรัฐทบทวนใช้สถานกงสุลฯเชียงใหม่ เป็นฐานปฏิบัติการ

‘ทนายนกเขา’ นำกลุ่มประชาชนคนไทย ยื่นจม.เปิดผนึก เรียกร้อง ‘ไบเดน’ทบทวนการใช้ประโยชน์ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯที่จ.เชียงใหม่เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบมิตรประเทศของไทย

25 เม.ย.2565- นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกกลุ่มประชาชนคนไทย ถึงนายโจเซฟ อาร์. ไบเดน จูเนียร์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ผ่านสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ เรื่อง ทบทวนการใช้ประโยชน์ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ไม่ให้ส่งผลกระทบมิตรประเทศของไทย

จดหมายระบุว่า จากกรณีที่นายฌอน เค.โอนีลล์ กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ แถลงถึงโครงการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐแห่งใหม่ ที่ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ว่า เริ่มทำการก่อสร้างแล้วบนพื้นที่ขนาด 16 ไร่ ติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ซึ่งตามแผนจะก่อสร้างเสร็จสิ้นในปีพ.ศ. 2566 โดยโครงการก่อสร้างดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุน 284 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 8,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (White House) เผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐอเมริกา” (INDO-PACIFIC STRATEGY OF THE UNITED STATES) โดยระบุถึงประเทศไทยว่า เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในฐานะพันธมิตรของสหรัฐฯ ณ จุดศูนย์กลางอาเซียน  จึงทำให้โครงการสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐแห่งใหม่ ถูกจับตาและวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นกลไกสำคัญของยุทธศาสตร์ดังกล่าว

เมื่อผนวกกับความเคลื่อนไหวของสหรัฐในการฝึกซ้อมรบ “คอบร้าโกลด์ 2022” ที่ผ่านมา  ยังทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างยิ่งว่า สหรัฐฯใช้ห้วงโอกาสนั้นนำอุปกรณ์จารกรรมที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง ระบบควบคุมปฏิบัติการอากาศยานไร้คนขับ หรือ Unmanned Aerial Vehicle : UAV และระบบควบคุมขีปนาวุธเข้ามาในประเทศไทย ด้วยเหตุที่ในสถานกงสุลใหญ่ อยู่ห่างเพียง 300 กิโลเมตรจากชายแดนจีน และยังใกล้กับเมียนมาและลาว ด้วยเหตุนี้การเสริมขีดความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองจากพื้นที่ภาคเหนือของไทยให้กับสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ เชียงใหม่ จึงสอดคล้องกับการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงของสหรัฐ เพื่อหวังสกัดและคานดุลอำนาจกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นมิตรประเทศของไทย ที่สำคัญเมื่อเกิดสถานการณ์ความไม่มั่นคงในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หรือพม่า ที่มีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลเมียนมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและจีน กับบรรดาชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา จนทำให้ไทยต้องแบกรับภาระหนักเรื่องผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะแถบจังหวัดชายแดนภาคเหนือของไทย

“กลุ่มประชาชนคนไทยขอย้ำว่า ข้อห่วงกังวลที่มีต่อการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ มิใช่ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย เมื่อประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ที่เชียงใหม่เมื่อ 72 ปีที่ผ่านมา เริ่มแรกถูกใช้เป็นสถานีข่าวกรองเพื่อปฏิบัติการร่วมกับกองพล 93 ก๊กมินตั๋ง หรือพรรคคณะชาติของจีน ที่อพยพออกจากประเทศจีนไปยังรัฐฉาน ทางตะวันออกของเมียนมาในปีพ.ศ. 2493 หลังพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองในจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากนี้สหรัฐเคยใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ในการสอดแนมและจารกรรมมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ในสมัยสงครามเวียดนาม เช่น กรณีค่ายรามสูรในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งกองทัพสหรัฐได้มาตั้งสถานีเรดาร์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวทางทหารของฝ่ายตรงข้าม โดยค่ายแห่งนี้ติดตั้งเครื่องมือสื่อสารและการข่าวทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ค่ายรามสูรจึงทำหน้าที่เป็นสถานีข่าวกรองทางทหารสำหรับการสื่อสารระหว่างสหรัฐอเมริกากับหน่วยข่าวกรองต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ดังนั้นเมื่อทบทวนบทเรียนจากอดีต จึงทำให้กลุ่มประชาชนคนไทย ต้องจับตาความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯในภาคเหนือของผืนแผ่นดินไทย เพื่อไม่ให้จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยว ด้านวัฒนธรรม สำหรับประชาชนชาวไทยและชาวโลก  ทั้งยังเป็นพื้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้าโขง กลับกลายเป็นพื้นที่ความขัดแย้งไร้ความปลอดภัย และอาจเกิดการเผชิญหน้ากับมิตรประเทศของไทย”

กลุ่มประชาชนคนไทย จึงขอเรียกร้องมายังท่าน เพื่อส่งผ่านความปรารถนาดี สื่อสารข้อเท็จจริงและความมุ่งมั่นต่อการสร้างสันติภาพในภูมิภาคนี้มายังรัฐบาลและประชาชนของสหรัฐอเมริกาว่า 1.พิจารณาทบทวนการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ เชียงใหม่ ให้ปลอดจากการก่อสร้างในลักษณะที่เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายอาวุธยุทโธปกรณ์ และควบคุมปฏิบัติการทางทหาร หรือกองกำลังติดอาวุธ  รวมถึงการเป็นฐานปฏิบัติการของสำนักข่าวกรองกลาง หรือ ซีไอเอ

2.ราชอาณาจักรไทย เป็นประเทศที่ต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับทุกประเทศในมิติแห่งการสร้างสรรค์ ร่วมกันพัฒนาเพื่อความผาสุกของประชาชน เพื่อความมั่นคงของภูมิภาค และสันติภาพของโลก หากการดำเนินนโยบายเพื่อความมั่นคงของสหรัฐ  แต่สร้างความเสี่ยงภัยให้กับประชาชนไทย และสร้างความเคลือบแคลงจากจีน การก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ เชียงใหม่ จึงควรทบทวนเพื่อมิให้เกิดเงื่อนไขการเผชิญหน้ากับมิตรประเทศของไทย 3.สถานการณ์ความไม่มั่นคงในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นเรื่องภายในของเมียนมา ซึ่งสหรัฐควรเคารพจุดยืนในความเป็นกลางของไทย และบรรทัดฐานอาเซียนต่อการไม่แทรกแซงกิจการภายในของเมียนมา 4.ขอให้สหรัฐอเมริกายุติการส่งยุทโธปกรณ์หรือกองกำลังผ่านชายแดนไทยไปยังเมียนมา เพื่อขจัดความเสี่ยงภัยที่จะลุกลามไปสู่สงครามตัวแทนในอนาคต

กลุ่มประชาชนคนไทย ขอยืนยันว่า ประชาชนชาวไทยยังคงความเป็นมิตรกับสหรัฐฯ ที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 200 ปี นับเป็นหุ้นส่วนเก่าแก่ทางด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือหลากหลายด้าน เพื่อพัฒนาความมั่นคง ความเจริญของประเทศ และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ตลอดจนในช่วง 72 ปีที่ผ่านมาของการก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ เชียงใหม่ ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในพื้นที่ทางภาคเหนือร่วมกัน โดยต่างยึดถือหลักคุณธรรม เคารพยอมรับความมีอธิปไตย ให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างจริงใจ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผวาฮีตสโตรก! 'สาธารณสุขเชียงใหม่' เตือน ปชช. 25 อำเภอ

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า อากาศในช่วงนี้อุณหภูมิสูงร้อนอบอ้าวจากอิทธิพลความกดอากาศต่อเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน

พายุฤดูร้อนถล่ม 4 จังหวัดภาคเหนือ บ้านเรือนเสียหาย ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มเพียบ

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับรายงานจาก สอต.พะเยา สอต.เชียงใหม่ สอต.แพร่ และ สอต.เชียงราย เกี่ยวกับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน วาตภัย เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 19 เม.ย.67 ในพื้นที่ ดังนี้

วธ.เปิดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง ชวนสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาฉลองมรดกโลก

15 เม.ย.2567 - สงกรานต์เชียงใหม่คึกคัก กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่

'ทักษิณ' เล่นน้ำสงกรานต์หน้าห้างเมญ่า ลั่นจะให้ 'อิ๊งค์' ทำเชียงใหม่บูมอีกครั้ง

'ทักษิณ' ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์กับ ปชช. หน้าห้างเมญ่า บ่นเสียดายเศรษฐกิจแย่ลงเยอะ ต้องเร่งฟื้นฟู-อัดนโยบาย ลั่นจะให้ 'อิ๊งค์' ทำ 'เชียงใหม่' กลับมาเป็นที่ยอมรับอีกครั้งให้ได้