'ธรรมศาสตร์' คว้าแชมป์ระดับโลก!ด้วยผลงานพัฒนาสภาพแวดล้อม 'รังสิตโมเดล'


“ธรรมศาสตร์” คว้ารางวัลชนะเลิศระดับนานาชาติ “The winner of universal Design Competition” จากผลงาน “รังสิตโมเดล” งานออกแบบเพื่อคนทั้งมวล ภายใต้แนวคิดการมีส่วนร่วมของชุมชนและการนำงานวิจัยมาบูรณาการกับบริการทางสังคม

9 มิ.ย.2565 - “รังสิตโมเดล” ผลงานของหน่วยวิจัยและออกแบบเพื่อคนทั้งมวล คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จากประเทศไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศ “The winner of universal Design Competition” ประจำปี 2565 ประเภท Expert จากสถาบัน Institute of universal design ประเทศเยอรมนี ในฐานะผลงานที่สร้างแรงขับเคลื่อนและเป็นประโยชน์ต่อคนทุกกลุ่มได้จริง โดยการแข่งขันดังกล่าวเป็นรายการแข่งขันที่มีมายาวนานกว่า 10 ปี และในปี 2565 มีตัวแทนประเทศเข้าร่วมกว่า 10 ประเทศ อาทิ เยอรมนี อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ

รศ.ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์รังสิตด้านกายภาพ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ผลงานนี้เป็นการนำงานบริการสังคมมาถอดบทเรียนเป็นโมเดลการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุ หรือที่เรียกว่า “รังสิตโมเดล” โดยเน้นการออกแบบด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม ผ่านแผน กลไก และการปฏิบัติ ด้านกายภาพ ตั้งแต่บ้าน ระบบขนส่งมวลชน ไปจนพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่เทศบาลนครรังสิต

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการดำเนินการกว่า 15 ปี เกิดผลกระทบในการปรับบ้าน 178 หลัง ตลอดจนการปรับพื้นที่สาธารณะ และการนำไปสู่การกำหนดเป็นนโยบายของเทศบาลนครรังสิต และถ่ายทอดรับไปปฏิบัติในองค์กรปกครองท้องถิ่นอื่นๆ ตลอดจนเผยแพร่ในระดับนานาชาติ

ในส่วนของจุดเริ่มต้นรังสิตโมเดล มาจากงานบริการวิชาการสู่สังคมเมื่อปี 2550 โดยได้ลงพื้นที่เทศบาลนครรังสิตเพื่อดำเนินการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ด้วยการใช้แนวคิดที่ว่า พื้นที่ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางจะต้องรองรับการใช้งานผู้คนได้ทุกกลุ่ม จากนั้นได้นำแนวคิดเรื่องการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (universal design) เข้ามาประยุกต์ใช้ ทั้งในระดับนโยบายไปจนถึงการปฏิบัติจริง จนในปี 2555-2556 สามารถถอดบทเรียนจากแนวคิดดังกล่าวออกมาเป็นรังสิตโมเดล และในปี 2557 นำเสนอในงาน The 5th International Conference for Universal Design ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้รับรางวัลผลงานวิชาการดีเด่นระดับดีมาก ในการสัมมนาวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ ครั้งที่ 9 ประเทศไทย

สำหรับ “รังสิตโมเดล” คือการออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อคนทั้งมวล โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ ฯลฯ โดยเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชุมชนนั้นๆ ตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหา การออกแบบ การแก้ไข การก่อสร้าง ไปจนถึงการประเมินผลและผลตอบรับเพื่อนำไปปรับปรุงต่อ ช่วงกระบวนการมีส่วนร่วมจะทำให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ไม่คิดแทน และทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของต่องานที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการช่วยกันดูแลรักษาในระยะยาว

สำหรับกระบวนการมีส่วนร่วมที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย 4 ภาคีหลักในการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ ได้แก่ เจ้าของพื้นที่ (Owner) ผู้ที่จะไปใช้งาน (User) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. (Local government) และ หน่วยงานสนับสนุน (Support) เช่น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ฯลฯ โดยรังสิตโมเดลถือเป็นการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 11 เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities) ในการทำให้เมืองน่าอยู่มากยิ่งขึ้น และเป้าหมายที่ 10 ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequality) โดยช่วยให้คนมีความเท่าเทียมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

ทั้งนี้ จากการคำนวณบทบาททางสถิติของรังสิตโมเดลและหน่วยวิจัยที่ผ่านมา พบว่ามีที่อยู่อาศัยที่ได้รับการปรับปรุงจำนวน 178 หลัง และการอบรมจากหน่วยวิจัยมีคนที่ได้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า 1 แสนคน รวมถึงการออกแบบบ้านตัวอย่างอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรอีกจำนวน 2 หลัง และมีผลกระทบต่อสังคมโดยสามารถประเมินผลตอบแทนทางสังคม (Social Return on Investment: SROI) จากการดำเนินโครงการในพื้นที่ พบว่า การบูรณาการงบประมาณที่ได้ลงทุนไป 1 บาท จะได้ผลตอบแทนทางสังคมกลับมา 10.04 บาท

รศ.ดร.ชุมเขต กล่าวอีกว่า ในปี 2561 คณะสถาปัตยกรรมและการผังเมือง อนุมัติให้จัดตั้งหน่วยวิจัยและออกแบบเพื่อคนทั้งมวล โดยเป็นการนำงานวิจัยมาบูรณาการกับการบริการสังคมที่ชัดเจนขึ้น ทำให้สามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมบนฐานของงานวิชาการและงานวิจัย รวมไปถึงแก้ไขปัญหาชุมชนท้องถิ่นอย่างจริงจัง เกิดเป็นผลงานวิจัยเชิงพื้นที่ มากกว่า 5 เรื่อง นำไปสู่การต่อยอดและขยายผลต่อไป

“ปัจจุบันพื้นที่ท้องถิ่นใกล้เคียงมีการรับรังสิตโมเดลไปเป็นแนวคิดเรื่องการออกแบบในการวางแผนนโยบายเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ” รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์รังสิตด้านกายภาพ มธ. กล่าว

รศ.ดร.ชุมเขต กล่าวว่า ต้องขอบคุณ มธ. ที่เปิดพื้นที่ รวมถึงมีกลไกสนับสนุนการทำงานเช่น ด้านงบประมาณ บุคลากร พื้นที่ ฯลฯ ซึ่งเมื่อใดที่มหาวิทยาลัยดูแลบุคลากรได้ดี บุคลากรจะสามารถขับเคลื่อนหรือส่งต่อสิ่งดีๆ ให้ชุมชนและสังคมต่อได้

“เรื่องของสภาพแวดล้อมไม่ใช่แค่เรื่องของอาคารสถานที่ แต่เป็นเรื่องของคน เมื่อเราเข้าใจคน เราจะเข้าใจงาน นั่นคือวิธีการแก้ปัญหาขั้นแรก ซึ่งมิติของคนที่จะทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ต้องมีทั้งเรื่องของสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมเคลื่อนไปพร้อมกัน” รศ.ดร.ชุมเขต กล่าว

รศ.ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผ่าข้อเสนอ 'นักวิชาการ มธ.' ตรวจแถว! กสทช. เปิดประมูลคลื่นความถี่ จี้ออกมาตรการคุม 'ผู้มีอำนาจเหนือตลาด'

นักวิชาการธรรมศาสตร์ จับตา “กสทช.” เปิดประมูลคลื่นสากล 6 ย่านความถี่ ทั้งที่มีแนวโน้มผู้ประกอบการเข้าร่วมเพียงแค่ 2 ราย ตั้งคำถามคลื่นกระจุกอยู่กับรายใหญ่และการประมูลแข่งขันกันน้อย เหตุบางคลื่นยังไม่หมดสัญญาแต่เปิดช่องให้ประมูลล่วงหน้าได้ แนะควรกำหนดราคาตั้งต้นประมูลให้ใกล้เคียงราคาประเมิน ไม่ต้องลดเพื่อสร้างแรงจูงใจเหมือนในอดีต ชงคลอดแพกเกจดูแลผู้บริโภค จี้มาตรการกำกับ “ผู้มีอำนาจเหนือตลาด” พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ MVNO รายเล็ก เพิ่มทางเลือกประชาชน

นักวิชาการ มธ. เห็นด้วย 'หวยเกษียณ' แนะเพิ่มเงินรางวัลจูงใจ ปชช.เก็บออม หนุนเปิดให้ถอนเงินได้เมื่อจำเป็น

  นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยโครงการ ‘หวยเกษียณ’ เพื่อให้ ปชช. มีเงินออม แต่ ‘เงินรางวัล’ ยังไม่จูงใจเมื่อเทียบสลากรางวัลอื่นๆแนะเพิ่มเงินรางวัลจูงใจ-ปรับเงื่อนไขให้ถอนเงินได้เมื่อจำเป็น ชี้เพื่อประสิทธิภาพ-ความโปร่งใส ควรเพิ่มสัดส่วนภาคประชาสังคมเป็น ‘บอร์ดกองทุน กอช.’

The Return of Trump กับชะตากรรมอาเซียน! 3 นักวิชาการมธ. ชำแหละเกมมหาอำนาจ

ท่ามกลางกระแสการกลับมาของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ สู่ทำเนียบขาว 3 นักวิชาการ มธ.วิเคราะห์ผลกระทบที่อาเซียนต้องเผชิญ เมื่อสหรัฐฯ เดินหน้าปรับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก บทบาทของอาเซียนกำลังลดลงหรือเป็นโอกาสต่อรอง

นักวิชาการมธ. เตือน 'รถบัส 2 ชั้น' วิ่งระยะไกลเสี่ยงอุบัติเหตุกว่ารถชั้นเดียว 7 เท่า

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชี้ รถบัส 2 ชั้น เสี่ยงอุบัติเหตุกว่ารถชั้นเดียวถึง 7 เท่า เสี่ยงตายมากกว่า 10 เท่า จึงไม่เหมาะสมวิ่งทางไกล-ทางคดเคี้ยว-ลาดชัน เหตุผู้โดยสารอยู่ข้างบน ส่งผลให้ ‘จุดศูนย์ถ่วง’ ไม่สมดุล ระบุ ต่างประเทศใช้แค่เป็นรถชมเมืองเท่านั้น เสนอแก้ปัญหาเบื้องต้น กำหนดโซนให้รถ 2 ชั้น วิ่งได้จำกัด