'ผู้ว่าฯชัชชาติ' เข้าพบผู้ว่าฯหมูป่า ถกแก้น้ำท่วมแบบไร้รอยต่อ ชมยังสมาร์ทเหมือนเดิม

20 ก.ย.2565 - ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการหารือร่วมกับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ว่า วันนี้(20 ก.ย.) เป็นโอกาสที่ดี ที่พบกับนายณรงค์ศักดิ์ และถือโอกาสเข้าเยี่ยม รวมถึงการหารือและการประสานความร่วมมือต่างๆ เพราะตนถือว่าตนเป็นผู้ว่าฯน้องใหม่ นายณรงค์ศักดิ์ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์เยอะ และได้ข้อมูลหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ ได้มีการคุยกันเรื่องภาพรวมเรื่องการร่วมมือกัน เพราะอยากให้มีการคุยกันระหว่างจังหวัดปริมณฑลทั้งหมด และกทม.พร้อมเป็นเจ้าภาพช่วยประสานงานให้ แต่ตอนนี้คุยกันเป็น 2 ต่อ 2 ก่อนเพื่อให้ได้รายละเอียด รวมถึงเรื่องปัญหาน้ำ เพราะจริงๆแล้วจังหวัดปทุมธานีได้มีการวางแผนไว้อย่างละเอียดอยู่แล้ว

แต่ปัญหาหลายอย่างที่เห็นคือการบริหารจัดการน้ำต้องมีการคุยกันให้ดี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน มาประสานงานทำให้การทำงานสะดวกขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วปัจจุบัน กรมชลประทานคือหน้าที่เหมือนเป็นโอเปอเรเตอร์ แต่จะมีคนที่กำกับดูแลในรูปแบบอื่น เช่น คณะกรรมการลุ่มน้ำ หรือคณะกรรมการน้ำจังหวัด ซึ่งต้องมีการหารือกันถึงการปล่อยน้ำต่างๆ และในขณะเดียวกันจังหวัดก็ต้องเป็นผู้ควบคุมกฎระเบียบต่างๆด้วย และหากมีการคุยกันอย่างละเอียดขึ้น เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาต่างๆได้

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ในแง่ของการปฏิบัติงานต้องคุยกันอย่างละเอียด อาจจะมีการเจอกันเดือนละครั้งอย่างไม่เป็นทางการเพื่อมานั่งคุยปัญหาต่างๆ เพราะฉะนั้นเรื่องน้ำ นายณรงค์ศักดิ์ กังวลว่าเดือนต.ค. จะมาหนักอีก ก็จะต้องเตรียมรับมือ ทั้งเรื่องการพร่องน้ำ เตรียมประตูน้ำต่างๆ และแผนรับมือ และเรื่องถัดมาคือเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งนายณรงค์ศักดิ์ มีประสบการณ์ทั้งที่จังหวัดลำปาง และที่จังหวัดเชียงราย ที่มีการเผาชีวมวล จึงได้ขอคำแนะนำ เพราะกทม.มีบางจุด เช่น หนองจอก มีนบุรี ที่ยังมีการทำเกษตรกรรมอยู่ จึงได้ขอความร่วมมือทั้งในแง่ของจราจร รถที่วิ่งระหว่างจังหวัดนิคมอุตสาหกรรม และเรื่องการเผาชีวมวล ซึ่งคงจะมีความร่วมมือกันอย่างเข้มข้นขึ้นในช่วงฤดูฝุ่น ต่อมาเป็นเรื่องการจราจรติดขัด ที่มีจุดวิกฤต 2 เป็นจุดเชื่อมต่อ ซึ่งต้องคงร่วมมือกันในแง่การประสานเรื่องการควบคุมจราจร และเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียยวที่มีสถานีที่ปทุมธานี

“อีกเรื่องคือเรื่องผังเมือง เพราะเป็นจังหวัดที่มีความต่อเนื่องกัน ก็ให้ทีมงานคุยกันเพื่อให้ผังเมืองไม่มีความไม่ต่อเนื่อง เช่น ความเป็นผังเมืองที่สีต่อเนื่องกัน การพัฒนาเมืองจะได้เป็นแบบไร้รอยต่อ แต่หากผังไม่มีความต่อเนื่องกัน คงต้องให้ทีมงานหารือร่วมกันเพื่อให้ผังเมืองเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งนี้ อนาคตคงประสานงานร่วมมือกันได้ละเอียดขึ้น โดยเฉพาะทีมงานระดับปฏิบัติการ ” นายชัชชาติ กล่าว

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณนายชัชชาติ และทีมงาน ที่ได้กรุณามาเยี่ยมจวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีในวันนี้(20 ก.ย.) ซึ่งเราได้พูดคุยกันหลายเรื่อง แต่คำสำคัญที่สุดคือคำว่า ไร้รอยต่อ ซึ่งเราจะเห็นว่าหลายๆเรื่องจะมองว่ากทม.เป็นท้องถิ่น และจะมองว่าจังหวัดเป็นภูมิภาค จึงไม่ได้คุยกัน แต่วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่นายชัชชาติ มาเยี่ยมเยียนและหารือ อย่างเรื่องน้ำ ได้มีความเป็นห่วงตรงกันว่าเดือนต.ค. น้ำทะเลจะหนุนสูงที่สุด และโดยทุกปี โดยเฉลี่ยประเทศไทยมีพายุเข้าประมาณ 2 ลูก แต่ปีนี้ยังไม่เข้า ซึ่งกลัวว่าหากน้ำทะเลหนุนสูงเดือนต.ค. และพายุเข้า 1-2 ลูก ในเดือนเดียวกันก็จะเหนื่อย เพราะฉะนั้นมีข้อตกลงกันว่า นายชัชชาติ จะรับเป็นเจ้าภาพ ในการพูดคุยกับทีมงานจังหวัดข้างเคียงทั้งหมดในการให้ไร้รอยต่อในการประสานงาน ทั้งการดูแลการผันน้ำ การปล่อยน้ำ การช่วยกันอย่างไร ที่ไม่ให้กระทบต่อที่ใดที่หนึ่งเป็นพิเศษ และเมื่อหัวคุยกันเรียบร้อย ลูกทีมสามารถคุยกันเองในการปฏิบัติได้จะทำให้งานสะดวกขึ้น

“ผมคิดว่าการไร้รอยต่อทุกจังหวัด จะเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่า การทำงานในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค หรือส่วนท้องถิ่น ทุกฝ่ายจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไร้รอยต่อเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าได้มีการเคลียร์ใจเรื่องการสื่อสารระหว่าง 2 จังหวัดหรือไม่ เพราะเคยเกิดดราม่าเรื่องการสั่งน้ำ นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนไม่เห็นว่าจะมีดราม่า ตนว่าฝ่ายปฏิบัติก็ดีตลอด อาจจะมีคนที่เข้าใจผิด แต่ตนว่าจริงๆแล้วเราพยายามชี้แจง ไม่มีอะไร ซึ่งช่วยเหลือ อลุ่มอล่วยซึ่งกันและกัน ไม่มีประเด็นอะไร

เมื่อถามว่า ได้มีการถอดบทเรียนปัญหาจากน้ำท่วมหนักครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนว่าปัญหาในส่วนของกทม. ตัวคลองรังสิตอาจจะมีปัญหาและฝนตกหนักจริงๆ รวมถึงมีน้ำไหลมาจำนวนมาก ซึ่งตัวสำคัญคือคลองรังสิต ที่เป็นตัวตัดน้ำ แต่หากตัดน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ก็จะเบาทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งต้องหารือร่วมกับกรมชลประทานต่อไปด้วย

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของจังหวัดปทุมธานี ได้มีการเตรียมการและถอดบทเรียน ซึ่งฝนตกในพื้นที่เยอะมากประมาณ 142 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง ซึ่งปริมาณน้ำที่ฝนตกมากกว่ากว๊านพะเยากว๊านหนึ่ง และเครื่องสูบน้ำ 20 เครื่อง ใช้ได้แค่ 11 เครื่อง และน้ำไหลจากแม่น้ำนครนายก ซึ่งเราคงต้องถอดบทเรียน โดยต้องประสานทางกทม. และกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตอนนี้ได้มีการเคลียร์พื้นที่และต้องพร่องน้ำ เพิ่มระบบสูบน้ำเข้าไปในระบบอีก ซึ่งคิดว่าจะรับมือได้ในเดือนต.ค ที่น้ำคาดว่าจะมาอีก

นายชัชชาติ กล่าวว่า ทางกทม.ก็ไม่ต่างกัน ซึ่งปริมาณฝนปีนี้มีจำนวนมากเฉลี่ย 1,640 มิลลิเมตร โดยค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1,680 มิลลิเมตร เกือบเกินค่าเฉลี่ยทั้งปี โดยเฉพาะเดือนก.ย.จึงเป็นบทเรียนว่าฝนเปลี่ยนไปแล้ว จากสภาพภูมิอากาศโลก จึงต้องถอดบทเรียนและเตรียมตัวเผื่อเหตุการณ์ในเดือนต.ค.

เมื่อถามว่า การที่มาเจอของ 2 ผู้ว่าฯ จะให้เป็นต้นแบบของผู้ว่าฯที่มีการเชื่อมกันหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนคิดว่าในแต่ละจังหวัดคงจะมีการทำงาน แต่บังเอิญว่าผู้ว่าฯกทม.อาจจะแตกต่างเพราะเราไม่ได้อยู่ในมหาดไทย เหมือนกับผู้ว่าฯปทุมธานี แต่ที่ผ่านมาเหมือนกทม.เป็นหน่วยพิเศษ ตนจึงคิดว่าหน้าที่เราต้องพยายามมาเรียน หารือบ่อยขึ้นและสร้างความไร้รอยต่อ ซึ่งคิดว่าผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดคงจะหารือกันอยู่แล้ว เพราะเป็นเนื้อเดียวกันในส่วนของมหาดไทย ในแง่ของการทำงาน ทั้งนี้ จะไปเจอผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดปริมณฑลด้วย แต่ตอนนี้จุดวิกฤตเรื่องน้ำอยู่ที่ปทุมธานี ซึ่งวันนี้(20 ก.ย.) ที่ได้คุยถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้น ทั้งเรื่องน้ำ เรื่องฝุ่น เพราะนายณรงค์ศักดิ์ มีประสบการณ์เยอะมาก และประสบความสำเร็จด้วย ตนก็ต้องถอดบทเรียน และเรียนรู้จากนายณรงค์ศักดิ์

“เดี๋ยวผมจะเป็นเจ้าภาพเชิญทั้ง 5 จังหวัดมาคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ สบายๆ เพราะไม่เป็นทางการก็ดี ถ้าเป็นทางการมีวาระ เสียเวลา ” นายชัชชาติ กล่าว

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า เราจะเอาประสบการณ์ของแต่ละคนมาแบ่งปันกัน เราไม่อายที่เรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์ ตนก็ได้เรียนรู้จากนายชัชชาติ ซึ่งการที่ได้มาพูดคุยแบบนี้คือการคุยกันอย่างไร้รอยต่อ โดยสามารถบรรลุเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายชัชชาติให้กำลังใจนายณรงค์ศักดิ์ หลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างไรบ้าง นายชัชชาติ ระบุว่า ท่านยังสมาร์ท และชาร์ปเหมือนเดิม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สงกรานต์'รางน้ำ' พิกัดใหม่เล่นน้ำสุดฉ่ำ

สงกรานต์กรุงเทพฯ จุดเล่นน้ำสงกรานต์ยอดฮิตที่มีคนไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างคับคั่งเป็นประจำทุกปี คนจะนึกถึงถนนข้าวสาร เขตพระนคร หนึ่งในย่านท่องเที่ยวและจัดงานเล่นน้ำสงกรานต์ยอดนิยมเสมอมาของกรุงเทพฯ  รองลงมาสงกรานต์สีลมซึ่งปิดถนนให้เล่นน้ำสงกรานต์กันตลอดเส้นสีลม ยังมีพื้นที่ของคนกลุ่มความหลากหลายทางเพศ LGBTQ ที่จัดประกวดเทพีสงกรานต์ เดินขบวนพาเหรด การแสดงศิลป

กทม.เนรมิตเมือง 15 นาทีเป็นจริง สร้างพื้นที่สีเขียวอิ่มเอมใจทั่วกรุง

กทม.ทวีความรุนแรง เมืองจมฝุ่น การจราจรติดขัด ขาดแหล่งอาหาร สำรวจคนกรุงเผชิญรถติดเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง หรือใน 1 ปีชีวิตติดหนึบอยู่บนรถเท่ากับ

ศิลปะกลางแจ้งย่านเก่า หนุนกรุงเทพฯ เมืองที่ดีที่สุด

กรุงเทพฯ ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก หลังนิตยสารท่องเที่ยวชื่อดัง DestinAsian ประกาศให้กรุงเทพฯ คว้าอันดับ 1 เมืองที่ดีที่สุด (Best Cities 2024)  ในประเภทเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว (Destination) ในเอเชียแปซิฟิก