2 ธ.ค. 2565 – นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) แจ้งขอปรับขึ้นค่าโดยสาร ว่า กรุงเทพมหานครได้พิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันนี้แล้วเห็นว่า การปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อประชาชน และเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนในการเดินทางเป็นอย่างมาก ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีรายได้ทางอื่นซึ่งนอกเหนือจากรายได้จากค่าโดยสารเพื่อมาชดเชย อาทิ รายได้จากการประกอบพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณชั้นจำหน่ายตั๋ว รายได้จากการโฆษณา รายได้จากการอนุญาตให้เอกชนก่อสร้างทางยกระดับเพื่อเชื่อมต่อกับสถานีและอาคารบุคคลภายนอก ซึ่งรายได้ดังกล่าวสามารถนำมาช่วยสนับสนุนรายจ่ายจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มีหนังสือขอความร่วมมือให้บริษัทฯ ทบทวนและชะลอการปรับ “ค่าโดยสารที่เรียกเก็บ” ออกไปก่อน
ทั้งนี้ บริษัท BTSC ได้แจ้งการขอปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็นการขอปรับขึ้น “ค่าโดยสารที่เรียกเก็บ” ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดตามสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชนระหว่าง กรุงเทพมหานครกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (สัญญาสัมปทานฯ) ข้อ 13.2 ได้ระบุว่าค่าโดยสารที่เรียกเก็บ จะต้องไม่เกินไปกว่าเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุดที่อาจเรียกเก็บได้ ซึ่งบริษัทฯ จะต้องแจ้งให้ กทม. และประชาชนทั่วไปทราบเป็นลายลักษณ์อักษรถึงค่าโดยสารที่เรียกเก็บล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนวันที่ค่าโดยสารใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุดที่อาจเรียกเก็บได้เมื่อเดือนเม.ย. 2565 อยู่ที่ 21.52 – 64.53 บาท
อนึ่ง บริษัท BTSC ได้เคยมีหนังสือแจ้งกรุงเทพมหานครเมื่อเดือน ส.ค. 2565 เพื่อขอปรับขึ้นค่าโดยสารจาก 16 – 44 บาทเป็น 17 – 47 บาท ซึ่งการขอปรับค่าโดยสารดังกล่าวไม่เกินเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุด แต่กรุงเทพมหานครในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ขอให้บริษัทฯ ชะลอการปรับค่าโดยสารออกไปก่อน โดยขอให้บริษัทคำนึงถึงความเดือดร้อนและภาระของประชาชนโดยรวม และขอให้ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นในการขอปรับ “ค่าโดยสารที่เรียกเก็บ”
ต่อมาบริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งกรุงเทพมหานครอีกครั้งในเดือน พ.ย. 2565 ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นว่าบริษัทฯ มีรายจ่ายจากการดำเนินโครงการที่เพิ่มสูงขึ้นและได้หารือกับผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (กองทุนฯ) และมีความเห็นตรงกันว่า เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน บริษัทฯ จึงยินดีที่จะชะลอการปรับ “ค่าโดยสารที่เรียกเก็บ” ไปจนถึงสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2565 และจะบังคับใช้อัตรา “ค่าโดยสารที่เรียกเก็บ” ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป ซึ่งค่าโดยสารใหม่ที่จะเรียกเก็บนั้นอยู่ในอัตรา 17 – 47 บาท ซึ่งไม่เกินเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุดที่อาจเรียกเก็บได้ตามสัญญาสัมปทาน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พยากรณ์อากาศ 24 ชม. ทั่วประเทศอากาศร้อนถึงร้อนจัด ‘กทม.’ สูงสุด 42 องศาฯ
พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน
'เทศกาลกีฬากรุงเทพ' ตลอดเดือนพฤษภาคม ส่งเสริมสุขภาพ-ออกกำลังกาย
กรุงเทพมหานคร จัดงาน “เทศกาลกีฬากรุงเทพ” ตลอดเดือนพฤษภาคม ชูนโยบายการส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเพื่อให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยมีสุขภาวะที่ดี เมื่อวันเสาร์ที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงว่าในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
กทม.แนะเรื่องดัชนีความร้อนระดับไหนมีผลต่อร่างกาย
เพจกรุงเทพมหานคร โพสต์เนื้อหาพร้อมกราฟฟิก
กทม.แจ้งเตือนค่าความร้อนอยู่ในเกณฑ์อันตรายมาก! งดกิจกรรมกลางแจ้งเด็ดขาด
เพจกรุงเทพมหานคร โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหาสั้นๆ
กรมอุตุฯ เปิดสถิติพื้นที่ร้อนสุด ‘เมืองกาญจน์’ 42 องศาฯ ‘กทม.’ ไร้วี่แววฝนตก
กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยข้อมูลอุณหภูมิสูงสุดบริเวณประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67
น่าห่วง! สถานการณ์ฝุ่นละออง 7 วันข้างหน้า ‘กทม.-ปริมณฑล’ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
คาดการสถานการณ์ฝุ่นละออง 7วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 22 เม.ย. - 28 เม.ย. 2567 พื้นที่กทม.และปริมณฑล