หยุดแชร์บทความเชียร์ 'ทักษิณ' แอบอ้างเขียนโดย 'เปลว สีเงิน' ตรวจสอบแล้วเป็นข้อเขียนของ 'ไพศาล พืชมงคล'

23 เม.ย.2566- มีรายงานข่าวว่าตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการแชร์บทความเรื่อง ไหนว่าไม่โกง! ระบุผู้เขียนเป็น เปลว สีเงิน จากไทยโพสต์ ในโลกโซเชียล อย่างกว้างขวาง โดยมีเนื้อหาบางส่วนระบุว่า


…….ในกระบวนการแบ่งแยกประชาชน ใช้กลยุทธ์สำคัญต่อเนื่องมากว่าสิบปีแล้ว คือใช้กลยุทธ์ “ทุกปัญหาด่าทักษิณ” เพื่อโบ้ยความผิดและความรับผิดชอบทั้งหลายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยยกเอาเรื่องเก่าในอดีตขึ้นมากล่าวหา จึงทำให้เกิดการแตกแยกอย่างใหญ่หลวง ในขณะเดียวกันสารพัดปัญหาในบ้านเมืองกลับไม่ได้รับการแก้ไข

มีกรณีมากหลายที่กล่าวหาว่าโกง แต่ผลที่สุดเมื่อศาลตัดสินคดีศาลได้พิพากษายกฟ้อง แต่ก็ไม่เคยที่จะสรุปความแต่หนหลังว่าเป็นอย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำกล่าวขอโทษ

หนักเข้าก็สำคัญผิดคิดว่าไม่มีการโกงบ้านกินเมืองใด ๆ เกิดขึ้นในยุคสมัยปัจจุบัน โดยลืมไปว่าแม้ในบทพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ได้แสดงต้นเหตุแห่งวิกฤตของประเทศไทยไว้สี่ประการว่าเกิดจากการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎร

ซึ่งแสดงว่าก่อนและขณะเวลา 2560 มีเหตุแห่งวิกฤตเหล่านี้ดำรงอยู่ในบ้านเมือง ควรที่คนทั้งหลายโดยเฉพาะผู้มีอำนาจหน้าที่จะได้สนองพระราชปรารภนั้นแก้ไขปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองโดยแก้ไขต้นเหตุของปัญหาที่เหตุสี่ประการนั้นเสีย แต่กลับไม่นำพา ไม่น้อมรับพระราชปรารภใส่เกล้า คงเดินหน้า “ทุกปัญหาด่าทักษิณ” ต่อไป

ด่าไปด่ามาโดยหาได้คำนึงถึงความรู้สึกที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศประสบอยู่ว่าเป็นประการใด ก็เกิดเหตุการณ์น่าตกใจขึ้นในบ้านเมือง นั่นก็คือกระแสแลนด์สไลด์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งภาคใต้ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ แต่วันนี้แตกเป็นเสี่ยง

บรรดา IO ทั้งหลายซึ่งมีข่าวคราวเป็นระยะว่าได้ใช้เงินลับ หรือเงินสีเทา หรือเงินสีดำจัดตั้งเป็นขบวนการสร้างความแตกแยกในชาติ กล่าวหาใส่ร้ายฝ่ายตรงกันข้าม ก็ลำพองจนลืมมองความเป็นจริงในปัจจุบัน โหมโฆษณาชวนเชื่อว่ายุคนี้สมัยนี้ไม่มีการโกง ทุกอย่างบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีฝ้าราคีให้ติเตียนได้……..


บทความที่มีการแชร์โดยอ้างว่า เปลว สีเงิน นี้ นำมาสู่ความเข้าใจผิด และสร้างความเสียหายให้กับ เปลว สีเงิน และไทยโพสต์ อย่างมาก

จากการตรวจสอบโดยกองบรรณาธิการไทยโพสต์ พบว่าบทความเรื่อง ไหนว่าไม่โกง! นั้น ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 22 เมษายน และเว็บไซต์แนวหน้า ชื่อคอลัมน์ “บ้านเกิดเมืองนอน” เขียนโดย “สิริอัญญา” หรือนายไพศาล พืชมงคล นั่นเอง

สำหรับ บทความที่เขียนโดย เปลว สีเงิน และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 22 เม.ย.และเว็บไซต์ไทยโพสต์ นั้น มีชื่อเรื่องว่า ‘ร่อนไปตามลมร้อน’

เนื้อหา ระบุว่า………….


ปลาทูแม่กลอง “ของแท้” ต้อง “หน้างอ-คอหัก”

แต่ “แม่กลอง” ใช่ว่ามีดีเฉพาะปลาทูในทะเล

“ลิ้นจี่” ในสวนก็มี!

หน้านี้ เป็นหน้าลิ้นจี่ ถ้าใครไปทางอัมพวา-บางคณฑี มองไปทางไหน จะเห็นแดงครึ่ดไปหมด

แดงทั้งลิ้นจี่เต็มต้น แดงทั้งทองเต็มเนื้อ-เต็มตัวเจ้าของสวน

“สมุทรสงคราม” เป็นจังหวัดที่แปลก

ลุ่มน้ำแม่กลองเดียวกัน มีทั้งน้ำทะเล “เค็มปี๋” ที่ตัวเมือง แต่ “จืดสนิท” ที่อัมพวา-บางคณฑี

จังหวัดเดียว ๓ อำเภอ มีครบทั้ง น้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำจืด จึงมีทั้งปลาทู หอยหลอดในทะเล มีทั้งลิ้นจี่ ส้มโอ มะพร้าวในสวน

นา ก็มี…….

แต่เป็น “นาเกลือ”!

“ตลาดร่มหุบ” บนรางรถไฟที่สถานีแม่กลอง ชื่อเสียงโด่งดัง กลบสวน-กลบทะเล จนปลาทู “งอน”

หน้าถึงได้ “งอ” ไงล่ะ!

ที่คุยนี่ ไม่ใช่อะไรหรอก “แม่กลอง” บ้านผมเอง วัน-สองวันนี้ จึงมี FC ที่แม่กลอง-ราชบุรี หักลิ้นจี่มาฝากให้ชิมหลายท่าน

ผมมัวแต่ซมไข้ ไอ จาม เลยไม่ได้ออกไปรับ ท่านก็เขียนโน้ตฝากไว้

คุณฉันทนา เป็นลิ้่นจี่ย่านวัดเพลง ราชบุรี คุณกรรณิการ์ จากอัมพวา อีกท่านไม่ฝากโน้ต ฝากแต่ลิ้นจี่ ผมก็ยะถา สัพพี ให้ทุกท่านด้วย

คนแม่กลองน่ารัก-ใจดีอย่างนี้แหละ แถมปากกับใจตรงกัน ชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด ประเภท “ปากหวาน-ก้นเปรี้ยว”

นั่นไม่ใช่คนแม่กลอง!

คิดจะไปสมัคร ส.ส.ที่แม่กลองกะเขาบ้าง แต่ติดอยู่ ๓ อย่าง อย่างแรก จากมา ๕๐ กว่าปี บ้านช่องก็ไม่มีแล้ว

อย่างที่สอง แก่เกินแกงแล้ว

อย่างที่สาม สมุทรสงคราม มี ส.ส.คนเดียว

ฉะนั้น ลงไปก็สู้เจ๊ “รังสิมา รอดรัศมี” ไม่ได้ เพราะเธอเป็นบุคลิกคนแม่กลองแท้ คือเสแสร้ง-ดัดจริตไม่เป็น คนแม่กลองถึงเลือกเป็น ส.ส.ต่อเนื่องมาหลายสมัยไงล่ะ

ปีนี้ เธอไปอยู่กับลุงตู่……

สวมเสื้อ “รวมไทยสร้างชาติ” คนแม่กลองต้องเอาชาติบ้านเมืองนะ แม่กลองเป็นเมืองราชนิกุล อย่าให้เสียชื่อลูกหลวงพ่อบ้านแหลมเชียว

เลือกรังสิมา X เบอร์ ๔ เลือกลุงตู่เป็นนายกฯ X เบอร์ ๒๒ พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าใจตรงกันนะ

ไหนๆ ก็คุยนอกเรื่องมาแล้ว ขอคุยให้จบความก็แล้วกัน

จากวันขึ้นสำนักงานใหม่ ๑๐ เมษา.

ผมเคลียร์ซองเงินทำบุญที่ค้าง รวบรวมได้อีก ๑๓,๕๐๐ บาท

โอนเข้าบัญชี “วัดป่านาคำน้อยเพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” เรียบร้อยแล้ว

พิพิธภัณฑ์กรรมฐานฯ จะมีพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้าง ที่วัดป่านาคำน้อย ของ “หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก” ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ เมษายน ๒๕๖๖ ที่จะถึงนี้

และพร้อมกันนี้ จะมีพิธีถวายมุทิตาสักการะหลวงพ่อ ซึ่งมีอายุครบ ๗๘ ปี ด้วย

-วันพุธที่ ๒๖ เม.ย.๖๖

๑๙.๐๐ น. ทำวัตรเย็น ฟังพระธรรมเทศนา

๒๐.๐๐ น. เจริญพุทธมนต์

-วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ เม.ย.๖๖

๐๗.๓๐ น. พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาต ถวายภัตตาหาร

๑๑.๐๙ น. พิธีวางศิลาฤกษ์ ณ วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี

สามารถร่วมทำบุญได้ที่

-ธ.ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี วัดนาคำน้อย เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เลขบัญชี 409-571221-8

-ธ.กรุงเทพ ชื่อบัญชี วัดนาคำน้อย เพื่อสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เลขบัญชี 768-7-78959-9

จองโรงทาน

คุณสงัด : 08-6224-3444

คุณนัท : 08-3994-6616

ไลน์แอดออฟฟิเชียลวัดป่านาคำน้อย

เมื่อเอ่ยเรื่องนี้ ก็จำได้ว่า เมื่อวันที่หลวงพ่ออินทร์ถวายเมตตามาเจริญพระพุทธมนต์วันขึ้นสำนักงานใหม่ไทยโพสต์

คุณหน่อย “ธารทิพย์ ศิรินุพงศ์” ผอ.สำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจฯ มากราบหลวงพ่อ

และเรียนหลวงพ่อ ว่า……..

“คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี” ประธานกรรมการบริหารกับประธานไทยเบฟเวอเรจ ขอปวารณาว่า

การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระธุดงคกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นนี้ ขาดปัจจัยเท่าไหร่ คุณฐาปน มีจิตศรัทธาในส่วนนั้นทั้งหมด

ทุกคนในที่นั้น เมื่อได้ฟัง ต่างสาธุกับคุณฐาปนพร้อมกัน

นอกจากคุณหน่อย ตัวแทนคุณฐาปนแล้ว

“คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา” ซึ่งอายุท่าน ๙๐ แล้ว และบุตรสาว “คุณกัญจนา ศิลปอาชา” ที่ได้มานมัสการหลวงพ่อ

ก็กล่าวปวารณา ขอรับในส่วนนอกเหนือจากที่คุณฐาปนรับเป็นเจ้าภาพไปแล้ว

ทุกคนได้ยิน ต่างปลาบปลื้ม และกล่าวสาธุกับคุณหญิงแจ่มใสและคุณกัญจนา

ผมซึ่งนั่งอยู่ด้วย ก็พลอยได้รับกระแสอานิสงส์ทั้งของคุณฐาปน และคุณหญิงแจ่มใส พร้อมครอบครัว จนตัวและหัวใจพองไปด้วย

ลูกศิษย์-ลูกหาหลวงพ่อ ท่านใดจะไปวันงาน ต้องรีบจองตั๋วเรือบินนะ

ส่วนท่านที่จะขับรถไปเอง น่าจะใช้เวลาเดินทางล่วงหน้า

ไม่ใช่อะไรหรอก อากาศช่วงนี้ร้อนจัด จะได้ขับไป-แวะไปเรื่อยๆ ไงล่ะ

แต่ร้อนขนาดนี้ ลุงป้อม “พลเอกประวิตร” บ่ยั่น

เหมาโบกี้รถไฟไปเปิดเวทีปราศรัยที่โคราชวันนี้ เชื่อแล้วว่า “ใจบันดาลแรง” ท่านจริงๆ

“โคราช” นี่ นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว เป็นจังหวัดเดียวที่มี ส.ส.มากที่สุด ถึง ๑๖ คน!

“ทุกพรรค” ลงสกรัม ชนิดไม่เกรงใจ “พรรคเจ้าถิ่น” คือพรรค “ชาติพัฒนากล้า” ของคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กันเลย

ครอบครัวคุณสุวัจน์กับผมเหมือนญาติสนิท

รู้จักกันมาเนิ่นนาน วันครบรอบปีไทยโพสต์ทีไร คุณสุวัจน์ต้องแบกไก่ย่างท่าช้างกับข้าวเหนียวนุ่มอร่อยส่งมาให้ทุกปี

มาเมื่อ ๑๐ เมษา. ผมก็ชะเง้อรอไก่ย่างคุณสุวัจน์ ก็ไม่เห็นมาซักที จะโทรไปตัดพ้อ อ้อ…ก็มานึกขึ้นได้ เป็นช่วงเลือกตั้ง

ขืนเอาไก่ย่างมา…..

เจอ “ยุบพรรค” ข้อหา “ติดสินบน” แน่!

คุณพ่อคุณสุวัจน์คือ “คุณพ่อวิศว์ ลิปตพัลลภ” ผมศรัทธาท่านมาก “เสมาธรรมจักร” ณ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ที่พุทธมณฑล ดังเห็นทุกวันนี้

“ป๋าเปรม” กับ “คุณพ่อวิศว์” นี่แหละ ๒ แรงศรัทธาแก่กล้าในพระพุทธศาสนา มีจิตปรารถนา สร้างถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อเป็นหมุดหมายของพุทธมณฑล

หินเสมาธรรมจักรนั้น เป็นหินแกรนิต แล้วจะหาจากที่ไหน และถ้าพบ จะนำมาอย่างไร เพราะต้องเป็นขนาดใหญ่มาก?

คุณพ่อวิศว์นี่แหละ …….

ดั้นด้นไปถึงชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ ซึ่งขณะนั้น ทุรกันดาร เป็นเส้นทางป่า

เสาะหาหินแกรนิตขนาดใหญ่จนพบ และเพียรพยายามเลื่อยตัดจากหน้าผา นานกว่า ๖ เดือน เพื่อให้ได้ขนาด ๕X๖ เมตร

จากป่าลึกแม่สอด …..

จะนำหินแกรนิตที่มีน้ำหนัก ๑๐๒,๐๐๐ กิโลกรัม ไปยังพุทธมณฑล นครปฐม ได้อย่างไร?

ถ้าบรรทุกรถ ใหญ่-หนักขนาดนั้่น ข้ามสะพานก็พัง!

แล้วจะทำยังไง?

คุณพ่อวิศว์ ลำเลียงหินแกรนิตหนักกว่าแสนกิโลกรัมด้วยวิธีของท่านมาทางบก ๗๒๒ กม.ชะลอมาทางน้ำอีก ๒๔๐ กม.

รวมระยะทางทั้งสิ้น ๙๖๒ กิโลเมตร

ใช้ระยะเวลา ๑ เดือน

หินนั้น จึงมาถึงพุทธมณฑล สู่การแกะสลักเป็น “เสมาธรรมจักร” ดังเห็นตระหง่านงาม สมนามพุทธมณฑล ดังทุกวันนี้

นี่แหละคือ คุณพ่อของ “คุณสุวัจน์”

ด้วยคุณงามความดีที่คุณพ่อวิศว์ทำอุทิศเพื่อบ้านเมือง เพื่อพระพุทธศาสนาอเนกอนันต์ โดยมิประสงค์ประกาศชื่อ-ประกาศนาม นั้น

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๙ จึงพระราชทานนาม “ลิปตพัลลภ” ให้คุณพ่อวิศว์ เป็นต้นสกุล “ลิปตพัลลภ”

อืมมม….

จากทีแรก ว่าวันนี้ ไม่รู้จะคุยอะไร พอคุยก็ไปเรื่อย ยังไงก็ฝากพรรคชาติพัฒนากล้า ของคุณสุวัจน์ กับพี่น้องชาวโคราชด้วยละกัน

คุณสุวัจน์กตัญญูโคราชมาตลอด

ก็หวังว่าพี่น้องโคราชจะเอ็นดูพรรคชาติพัฒนากล้าของคุณสุวัจน์นะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พรพระ-พรนักโทษ'

หมู่นี้..... "คนห่มเหลือง" ประพฤติผิดพระวินัยสงฆ์ ต้อง "อาบัติปาราชิก" ข้อ "เสพเมถุน" ถี่มาก!

เศรษฐา "นายกฯ ฮูดินี"

"ชีวิตที่มีหมานำ" ก็อย่างนี้แหละครับ "หัวหน้าคอก" เมื่อพักคุก ก็ไปขลุกเชียงใหม่

'เมษา....พระมาเตือน'

เรา...."ประเทศไทย"! "ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์" เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม