รัฐบาลเปิดช่องให้ความช่วยเหลือประชาชน หากเจอปัญหาสังคมช่วงวันหยุดยาว


29 ก.ค.2566 - นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงหยุดยาวนี้ เชื่อว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวกับสมาชิกในครอบครัว โดยสภาหอการค้าไทยประเมินว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มเติมในช่วงวันหยุดดังกล่าวประมาณ 5-7 พันล้านบาท ซึ่งนอกจากผลทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ชิดและมีเวลาคุณภาพร่วมกัน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนเรื่องความปลอดภัยทั้งการเดินทาง การท่องเที่ยว และความปลอดภัยในทรัพย์สิน มากไปกว่านั้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินอื่น เช่น คุ้มคลั่ง มั่วสุม หรือความรุนแรงในครอบครัว ประชานสามารถใช้บริการ Line OA ”ESS Help Me” ซึ่งจะเข้าไปดูแลประชาชน ลดการบาดเจ็บและการสูญเสียชีวิต ที่ผ่านมา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า มีผู้เข้าใช้บริการกว่า 2.6 แสนครั้งต่อเดือน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก กล่าวต่อว่า ระบบLine @ESS Help Me คือความก้าวหน้าระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆได้บูรณาการทำงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาได้ทันถ่วงที ลดการบาดเจ็บและการสูญเสียชีวิต โดยมีผู้เข้าใช้บริการกว่า 2.6 แสนครั้งต่อเดือน พบปัญหาสังคมที่ได้รับแจ้ง เช่น การข่มขู่ทำร้าย กักขังหน่วงเหนี่ยว การล่วงละเมิดทางเพศ คลุ้มคลั่งก่อเหตุ และการมั่วสุมที่อาจนำไปสู่การก่อเหตุร้าย เป็นต้น

ผู้ประสบปัญหาสามารถแจ้งเหตุด่วน ที่ @ESS Help Me ซึ่งจะเป็นเหตุร้ายที่ประสบด้วยตนเองหรือเป็นผู้พบเห็นเหตุ ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ 3 ขั้นตอน คือ 1.ระบุปัญหา 2.ระบุพิกัด และ 3.แจ้งเบอร์โทรติดต่อกลับ จากนั้น ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังกลุ่มไลน์เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าหนึ่งพันสถานี และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึงเครือข่ายในพื้นที่ หลังรับการแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ที่ใกล้จุดเกิดเหตุจะเข้าระงับเหตุทันที นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถติดตามการช่วยเหลือได้แบบ Real Time และนำข้อมูลการแจ้งเหตุมาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเชิงรุกต่อไป โดยระบบ “ESS Help Me” เชื่อมโยงกับระบบ 191 เมื่อมีแจ้งเหตุใหม่ปักหมุดในหน้าจอ ESS ระบบจะปักหมุดในหน้าจอระบบ 191 ทีมีอยู่ในศูนย์วิทยุ 191 จำนวน 77 ศูนย์ทั่วประเทศ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนกว่าสองหมื่นคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพกว่าห้าพันคนร่วมทำงานอย่างเป็นระบบ

“รัฐบาลมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาสังคม ให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เชิญชวนประชาชนแอดไลน์ “@ESSHelpMe” แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ย้ำเตือนประชาชนให้ใช้ระบบแจ้งเหตุตามความเป็นจริง อย่าเข้าใช้ระบบเพื่อก่อกวนเจ้าหน้าที่เพื่อความสนุกสนานหรือคึกคะนอง เพราะนอกจากจะกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จนส่งผลต่อการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีความเดือดร้อนจริงแล้ว การแจ้งเหตุอันเป็นเท็จโดยเจตนา จะถูกตั้งข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้” นางสาวรัชดากล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เผยรัฐบาลผลักดัน นวดไทย-อาหารไทย-สมุนไพรไทย เป็น Soft Power

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกา

เช็กเงื่อนไข 'ครอบครัวอุปถัมภ์' ผู้สูงอายุ รับเดือนละ 3 พัน

'รองโฆษกรัฐบาล' เผยเงื่อนไขคุณสมบัติ 'ครอบครัวอุปถัมภ์' ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 3 พันบาท เริ่มยื่นเรื่องได้ตั้งแต่เดือน พ.ค.

'รัดเกล้า' โชว์ผลสำเร็จ 'สงกรานต์สนามหลวง' รัฐจัดเก็บรายได้เพิ่ม 742 ล้าน

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าภาพรวมการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567 ที่ถนนราชดำเนินกลางและพื้นที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ระหว่าง 11-15 เมษายน 2567

'รัชดา' ทักนายก เพ้อเจ้อ! ตั้งเป้าขายทุเรียน 1 ล้านล้าน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกรัฐบาล และอดีต ส.ส พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัววิจารณ์นายก กับเป้าหมายทุเรียน 1ล้านล้านบาท ในสิบปี

เปิดสาระสำคัญ 11 ข้อ กฎหมายคุ้มครองลูกจ้างทำงานบ้าน ครม.อนุมัติแล้ว

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (9 เม.ย.2567) ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมิให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานบางส่วนแก่นายจ้างซึ่งจ้างลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับการงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย