11 ก.ค.2567 - ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีการตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาเรื่องปัญหาปลาหมอคางดำ โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล โดยระบุว่า ขณะนี้ปลาหมอคางดำแพร่ระบาด 13 จังหวัด ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่กำลังประกาศขายที่นา ดังนั้นขอถามรัฐบาลถึงต้นตอของการนำปลาสายพันธุ์ชนิดนี้เข้ามาด้วยวิธีการใดบ้าง และผู้นำเข้ามีส่วนรับผิดชอบอย่างไร การแก้ปัญหาของกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง ได้แก้ปัญหานี้อย่างไร ใช้งบประมาณไปเท่าไรและกับค่าอะไรบ้าง นอกจากนี้อยากให้ประกาศให้ชัดว่าจะเอาอย่างไรกับปลาสายพันธุ์นี้ จะกำจัดอย่างเดียวโดยประเทศไทยจะไม่รับรองปลาสายพันธุ์นี้เข้ามาอยู่ใช่หรือไม่ และมีมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแล้วถูกปลาหมอคางดำเข้าไปกัดกินอย่างไร
ด้านนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ ชี้แจงว่า ยืนยันว่ากระทรวงเกษตรฯ จะไม่สนับสนุนให้พี่น้องมีการเลี้ยงเพิ่ม กำจัดอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบการระบาดของปลาสายพันธุ์นี้ในช่วงปี 60 และลามจนถึงตอนนี้ ตนให้กรมประมงตรวจสอบและยืนยันว่าไม่พบหลักฐานของการนำส่งตัวอย่างของปลาสายพันธุ์นี้เข้ามาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เอกสารของกรมประมงมีจำกัด ตนไม่สามารถระบุได้ว่าในปี 60 นั้นมีการส่งมอบตัวอย่างขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจริงแต่ไม่มีหลักฐาน หรืออาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจริงก็ได้ ซึ่งตนอยู่ตรงนี้ก็ต้องเชื่อว่ากรมประมงค้นแล้วและไม่มีหลักฐานว่ารับตัวอย่างมาจริงๆ
นายอรรถกร ชี้แจงต่อว่า ด้วยเทคโนโยลีทุกวันนี้หากเรามีตัวอย่าง เราสามารถนำดีเอ็นเอไปตรวจสอบย้อนกลับได้ เราก็จะสามารถหาผู้ที่ต้นตอและนำมารับผิดชอบต่อไป ดังนั้นถ้าใครมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าใครหรือบริษัทใดเป็นคนทำ เรายินดีทำงานร่วมกับท่านเพื่อแก้ปัญหาต่อไป การตรวจสอบหาต้นทาง เราขาดแค่หลักฐานที่เป็นปลาตายหรือป่วยที่เข้าเงื่อนไขการนำเข้า ณ เวลานั้น แต่เราหาต้นตอไม่เจอ ซึ่งเราพยายามหาต้นตอ หากพิสูจน์ได้จริงๆ ว่าใครทำผิดก็ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายระดับประเทศ ทั้งนี้ เรามีร่างแผนการปฏิบัติการแก้ไขการระบาดของปลาหมอคางดำ โดยเราจะไปประชุมคณะกรรมการฯ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งมีเรามี 5 มาตรการ 13 กิจกรรมย่อย ซึ่งหนึ่งในมาตรการที่กรมประมงเร่งรัด คือการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซมปลาจากสองเอ็นเป็นสี่เอ็น ทำให้โครโมโซมปลาชนิดนี้เปลี่ยน แล้วปล่อยลงทะเลไป เมื่อผสมพันธุ์กันแล้วก็จะทำให้ปลาเป็นหมัน ซึ่งปลาที่จะปรับเปลี่ยนโครโมโซมจะกระโดดลงน้ำภายในสิ้นปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เก็บตกจากงานเสวนา...กรมประมงชี้ปลาหมอคางดำลดลงชัดเจน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการบูรณาการทั่วประเทศ
กรมประมงรายงานสถานการณ์ปลาหมอคางดำจากการสำรวจในพื้นที่ระบาดและพื้นที่กันชนล่าสุด มีความคืบหน้าเชิงบวกจากการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลสำรวจเดือนกันยายน 2568 พบว่าพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดลดลงเหลือ 17 จังหวัด จากเดิม 19 จังหวัด
กรมประมงเดินหน้าปล่อย “ปลานักล่า” ต่อเนื่อง กทม.บูรณาการทุกภาคส่วนคุมเข้ม “ปลาหมอคางดำ”
กรมประมงยังคงเดินหน้ามาตรการควบคุมและจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความหนาแน่น และควบคุมการแพร่กระจาย โดยใช้แนวทางบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน
เกษตรกรปากพนังพลิกวิกฤตเป็นโอกาส! ใช้ปลาหมอคางดำเลี้ยงปูขาว ลดต้นทุน-สร้างรายได้ชุมชน
เกษตรกรในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส มอง “ปลาหมอคางดำ” ซึ่งถูกมองว่าเป็นปลาต่างถิ่นชนิดพันธุ์รุกรานในแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็น “ทรัพยากที่มีมูลค่า” ของชุมชน โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในลุ่มน้ำปากพนังมากกว่า 30 ราย ได้นำปลาหมอคางดำที่จับได้ใช้เป็นอาหารเลี้ยงปูขาว แทนการใช้ปลาทะเลสด ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรจากการเลี้ยงปู พร้อมทั้ง
ชะอำเดินหน้าแผนลดปลาหมอคางดำ ซีพีเอฟหนุนปลานักล่า เสริมโอกาสเกษตรกร
เพชรบุรีเดินหน้าบูรณาการองค์กรส่วนท้องถิ่น ชุมชนและชาวบ้านลดและกำจัดปลาหมอคางดำ ตามแนวทาง “เจอ แจ้ง จับ จบ” จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ทุกเดือนควบคู่กับการปล่อยปลานักล่า
อัยการนนทบุรีมีคำสั่งฟ้อง "ไบโอไทย" มีมูลใช้ภาพเท็จ
วันนี้ 10 ก.ย.68 -- ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการ จังหวัดนนทบุรี ว่า อัยการจังหวัดนนทบุรีได้มีคำสั่งฟ้อง นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการ มูลนิธิชีววิถี หรือ Biothai และมูลนิธิ
ตำรวจสมุทรสงคราม ปิ๊งไอเดีย ฝึกทักษะหมัก ‘น้ำปลาหมอคางดำ’ ช่วยบำบัดคนเสพยา
สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงครามเกิดไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด “ใช้ปัญหาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา” นำปลาหมอคางดำ มาใช้เป็นสื่อกลางในบำบัดและฟื้นฟูผู้เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการ ฝึกทักษะการหมักน้ำปลา เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน รวมถึงต่อยอดเป็นทักษะอาชีพที่ช่วยสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


