GISTDA พบจุดความร้อน 521 จุด PM2.5 สีแดง 11 จังหวัด สีส้ม 40 จังหวัด

24 ม.ค. 2568- GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
รายงานจุดความร้อนด้วยข้อมูลจากดาวเทียม
ประเทศไทยวานนี้พบจุดความร้อน 521 จุด

กระทรวง อว. โดย GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ VIIRS และจากข้อมูลดาวเทียมดวงอื่นๆ ของเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 พบว่าประเทศไทยมีจุดความร้อนรวม 521 จุด ทั้งนี้ ข้อมูลจากดาวเทียมระบุว่าจุดความร้อนในประเทศไทยเกิดขึ้นในพื้นที่เกษตร 178 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 109 จุด พื้นที่เขต สปก. 108 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 63 จุด พื้นที่ชุมชนและพื้นที่อื่นๆ 59 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด
.
ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบมากที่สุดที่ #กัมพูชา 923 จุด #เวียดนาม 363 จุด #พม่า 273 จุด #ลาว 269 จุด #มาเลเซีย 5 จุด
.
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ GISTDA ยังคงติดตาม วิเคราะห์ และรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
.
รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมง
รู้แล้ว สวมแมสป้องกันและหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตราย
ค่าฝุ่น PM2.5 รอบ 4 โมงเย็น จากดาวเทียม ยังคงกระจุกตัวอยู่โซนภาคกลาง

กระทรวง อว. โดย GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” รอบเวลา 16.00 น. ของวันที่ 23 มกราคม 2568 พบว่าทุกเขตของกรุงเทพมหานครมีค่าฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดงซึ่งเกิน 100 ไมโครกรัม 36 เขต โดยค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดในรอบเวลานี้เท่ากัน 2 เขต คือ #บางรัก และ #สัมพันธวงศ์ 103.6 ไมโครกรัม

ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง 11 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพบค่า PM2.5 เริ่มผลกระทบต่อสุขภาพในระดับสีส้มกว่า 40 จังหวัด กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค

แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีแดง ส่วนภาพรวมของประเทศยังมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้ม โดยเฉพาะภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

รู้ค่าฝุ่น PM2.5 ทุกๆ ชั่วโมงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" เพียงพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ใน App Store สำหรับระบบ iOS และ Google Play สำหรับระบบ Android ได้แล้ววันนี้

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กทม. เดินหน้ายกระดับมาตรการเชิงรุก แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ พร้อมความร่วมมือระดับโลก

การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ องค์กรระหว่างประเทศ และเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งวันนี้ได้มาร่วมงานเปิดโครงการ Breathe Cities ในกรุงเทพมหานครด้วย โดยต้องขอขอบคุณทุกๆ หน่วยงานที่มาช่วยกัน และความสำคัญของเวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการ Breathe Cities ในครั้งนี้คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเมืองต่างๆ ทั่วโลก เพื่อจะได้นำประสบการณ์ และการดำเนินการที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศไปปรับใช้ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายของเมืองต่างๆ ทั่วโลกที่จะดำเนินการลดมลพิษทางอากาศร่วมกัน

ฮีโร่กลางทุ่งนา: หยุด PM2.5 ผลิตข้าวพรีเมียมกลางกรุง

ในวันที่คนเมืองเงยหน้ามองฟ้าแล้วเจอม่านหมอกฝุ่นแทนเมฆสีขาว มีชาวนาไทยกลุ่มหนึ่งในย่านหนองจอกกำลังลุกขึ้นมาทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ "หยุดการเผานา เพื่อช่วยกรองอากาศให้คนทั้งประเทศ"

'ลำพูน วอริเออร์' เปิดตัว'The Air Pollution Jersey' เสื้อบอลแจ้งค่าฝุ่น PM2.5

ลำพูน วอริเออร์ สโมสรฟุตบอลไทยลีก ร่วมกับสภาลมหายใจภาคเหนือ เปิดตัวเสื้อแข่งคอลเลกชันพิเศษ ‘The Air Pollution Jersey’ หรือ ‘เสื้อบอลแจ้งค่าฝุ่น’ ซึ่งเป็นแคมเปญที่ต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนในภาคเหนือ โดยเฉพาะนักฟุตบอลที่ต้องใช้ชีวิตและแข่งขันกลางแจ้งตลอดทั้งฤดูกาล