ทร.ระดมเฮลิคอปเตอร์–เรือ ขจัดคราบน้ำมัน ไม่ให้กระทบอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า

ทร.ระดมเฮลิคอปเตอร์–เรือจากภาครัฐและภาคเอกชน สกัด-ขจัดคราบน้ำมัน ไม่ให้กระทบอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า

28 ม.ค. 2565- พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เเถลงในช่วงเช้าถึงความคืบหน้าเรื่องการเร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยองว่า ตามที่กองทัพเรือได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ หรือ ศอปน.ทร. เนื่องจากเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลของบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) มีน้ำมันดิบรั่วไหล จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริเวณอ.มาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อเวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ทิศทางของคราบน้ำมันได้เคลื่อนที่ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ และกระจายตัวเข้าหาฝั่ง ปัจจุบันห่างจากชายฝั่ง 4.7 ไมล์ทะเล คาดว่าถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า ต.เพ อ.เมือง จ.ระยองในช่วงบ่ายวันนี้ (28 ม.ค.)

ด้านน.ท.อนุสรณ์ คล้ายมงคล หัวหน้าสนับสนุนปฏิบัติการ กองปฏิบัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า บทบาทหน้าที่กองทัพเรือในการขจัดคราบน้ำมันในครั้งนี้ เกิดจากแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ ได้กำหนดให้กองทัพเรือเป็นหน่วยปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน กรณีที่มีน้ำมันรั่วไหลเกินกว่า 20 ตันขึ้นไป และอยู่นอกเขตท่าเรือที่กรมเจ้าท่ารับผิดชอบ เหตุการณ์ครั้งนี้เมื่อกองทัพเรือได้รับแจ้งจึงได้จัดตั้งศอปน.ทร. และจัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 หรือ ศคปน.ทรภ.1 ที่มีกำลังพลจากกองทัพเรือ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนและกลยุทธ์ในการขจัดคราบน้ำมันในพื้นที่ปฏิบติการ

โดยมีการจัดอากาศยานขึ้นบินตรวจสอบคราบน้ำมันในพื้นที่ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย จัดเรือหลวงแสมสาร เรือภาคเอกชนและกรมเจ้าท่า รวมแล้ว 10 ลำ เพื่อพ่นสารเคมีขจัดคราบน้ำมันในพื้นที่ที่เกิดคราบน้ำมันขึ้น และจัดเฮลิคอปเตอร์ติดตั้งเครื่องพ่นสารเคมีขจัดคราบน้ำมันด้วย โดยที่ผ่านมาดำเนินการพ่นแล้ว 3 เที่ยวบิน จำนวน 2,400 ลิตร รวมถึงปล่อยทุ่นล้อมกักน้ำมันไม่ให้คราบน้ำมันเคลื่อนตัวเข้าไปในพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า รวมทั้งจัดเรือต. 237 และเรือต.207 เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบคราบน้ำมัน ซึ่งได้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำแล้วพบว่ายังไม่พบการปนเปื้อนของคราบน้ำมัน นอกจากนี้ยังได้ประสานผู้เชี่ยวชาญจากประเทศมาเลเซียในการโปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมันจากเครื่องบินลำเลียงซี-130 แต่ทั้งนี้ยังต้องรอการพิจารณาจากผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีผลกระทบต่อประชาชน

น.ท.อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า การดำเนินการในช่วงเช้าวันนี้ ศคปน.ทรภ.1ได้จัดอากาศยานขึ้นบินตรวจสอบการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมัน และจัดเรือเฝ้าติดตามการเคลื่อนที่ต่อเนื่อง รวมทั้งระดมเรือจากภาครัฐและเอกชนพ่นสารขจัดคราบน้ำมันแบบเรียงหน้ากระดาน เพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันมทิศทางเคลื่อนที่เข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า อีกทั้งยังได้ประสานบริษัทเอสพีอาร์ซี มาบตาพุด และศรชล.จ.ระยอง เตรียมวางบูมปิดกั้นป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันเข้าสู่ชายฝั่ง รวมทั้งเตรียมการเก็บคราบน้ำมันกรณีคราบน้ำมันเคลื่อนตัวขึ้นสู่ชายฝั่ง

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลขาฯอีอีซี ดึงเอกชนลงทุนหวังจ้างงานฟื้น

เลขา 'อีอีซี' ลงพื้นที่ตรวจงาน 2 โครงการสำคัญสนามบิน“อู่ตะเภาฯ – ท่าเรือมาบตาพุด” เร่งเครื่องเดินหน้าโครงการลุยดึงเอกชนร่วมลงทุน หวังสร้างการลงทุนในพื้นที่ให้เกิดการจ้างงาน

เรือหลวงสุโขทัย จมลงใต้ผิวน้ำแล้ว หลังน้ำเข้าเรือจำนวนมาก

ความคืบหน้าเหตุเรือหลวง (ร.ล.) สุโขทัย ประสบเหตุพายุคลื่นลมแรงกลางทะเลอ่าวไทย บริเวณพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รล. สุโขทัย จนเรือเอียงช่วงค่ำวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา

อึ้ง! ทัพเรือปิดเงียบตัดสินใจใช้เครื่องยนต์เรือดำน้ำของประเทศไหน

ทัพเรืออุบผลสรุปใช้เครื่องยนต์จีนใส่เรือดำน้ำไทย อ้างรอ คกก.โครงการจัดหาเรือดำน้ำเคาะ โยนเผือกร้อน ผบ.ทร.คนใหม่ตัดสินใจ สะพัด! คนในกรมอู่ฯ อึดอัดไม่อยากใช้

'ทัพเรือ' ยันความพร้อมช่วยเหลือหากสถานการณ์น้ำในเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือเตรียมความพร้อมกำลังพล อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอันเนื่องจากฝนตกหนัก และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น