สส.ปชน. ชี้มติครม.ส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ เปิดช่องให้กลุ่มทุนสีเทาฟอกเงิน ผ่านทรัพย์สินหรูที่ตีมูลค่าตามใจ โดยไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว
23 เมษายน 2568 - ที่รัฐสภา นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน แถลงว่าจากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์โบราณ โดยเห็นชอบการทบทวนมติครม.เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 เรื่องมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ ตามนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ว่า การทบทวน มติ ครม.ครั้งนี้ เป็นการขยายขอบเขตและปรับเงื่อนไขเพื่อส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจัดแสดงรถคลาสสิกมากขึ้นในประเทศ
ที่สาระสำคัญในการทบทวน คือปรับเงื่อนไขทางภาษีและศุลกากร โดยการยกเลิกการกำหนดพิกัดภาษีสรรพสามิตแบบเดิมที่ผูกไว้กับประเภท(รถกระบะ) แก้ไขนิยามรถยนต์โบราณให้ครอบคลุม รถยนต์และยานยนต์อื่นๆที่ออกแบบเพื่อขนส่งบุคคล รวมถึงรถแข่ง โบราณวัตถุที่มีอายุเกิน 100 ปี พร้อมให้สิทธิคืนภาษีเต็มจำนวน หากรถโบราณนำเข้ามาบูรณะในไทยและส่งออกภายใน 2 ปี จึงตั้งข้อสังเกตว่าการเปิดให้นำเข้ารถโบราณ ภายใต้เงื่อนไขพิเศษลดภาษีและยกเว้นภาษี เมื่อส่งรถออกภายใน 2 ปีนั้น เอื้อต่อผู้มีทุน ไม่ได้สร้างซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริงในระดับประชาชน และซอฟต์พาวเวอร์ดังกล่าวคนไทยมีส่วนร่วมจริงหรือไม่ หรือกลายเป็นการให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มคนที่มีฐานะเพื่อนำรถยนต์มาใช้โชว์เป็นงานอดิเรก
นายนนท์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ควรระวังคือเรื่องการฟอกเงินผ่านการนำเข้า- บูรณะ- ส่งออกรถยนต์โบราณ ภายใต้มติ ครม. ด้วยข้อกำหนดที่ว่า หากนำเข้าบูรณะส่งออกภายใน 2 ปี จะได้รับการคืนภาษีอาจเกิดช่องทางให้กลุ่มทุนใช้รถเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน หากไม่มีระบบติดตามที่รัดกุม ก็อาจเกิดธุรกิจสีเทาที่อาศัยชื่อ “ซอฟต์พาวเวอร์” เป็นฉากหน้า เนื่องจากอาจมีการฟอกเงิน โดยนำเงิน 100 ล้านบาทที่มีแหล่งที่มาไม่โปร่งใส มาซื้อรถบ้านที่ตีมูลค่าได้ตามใจ โดยไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียวจากมาตรการคืนภาษี อีกทั้งกรณีบูรณะ 2 ปี จะเป็นการบูรณะหลอกหรือจริงก็ได้ เพราะรัฐไม่มีระบบตรวจสอบคุณภาพและอาจจะส่งออกไปบริษัทตัวเองในต่างประเทศด้วย
“ดังนั้นขอย้ำว่ามติ ครม. ฉบับนี้ กำลังถูกกลุ่มคนรวยเทาใช้เป็นช่องฟอกเงินผ่านทรัพย์สินหรูที่ตรวจสอบยากของกลุ่มทุนสีเทา ในการเปลี่ยนแปลงเม็ดเงินมืดให้กลายเป็นเงินขาว”นายนนท์ กล่าว
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 เรื่องมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ในหลักการของมาตรฐานภาษีรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ที่ได้มีการกำหนดประเภทของรถยนต์ และอัตราภาษีสรรพสามิต ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) ได้เสนอไปนั้น โดยในครั้งนี้ กระทรวงการคลังได้มีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี ทบทวนมาตราการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากได้มีการปรับปรุง เพิ่มเติมในมาตราการดังกล่าวอันเป็นสาระสำคัญ
โดยมีการเพิ่มเติมคุณสมบัติของรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ให้ครอบคลุมถึงรถยนต์ที่มีอายุเกิน 100 ปี โดยเพิ่มพิกัดอัตราศุลกากร 97.06 โบราณวัตถุที่มีอายุเกิน 100 ปี โดยกำหนดประเภทรถยนต์ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการภาษีรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ได้แก่ รถยนต์ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต 06.01 รถยนต์นั่งและ 06.02 รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน โดยยกเลิกการกําหนดรถยนต์ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต 06.03 รถยนต์กระบะ และได้กำหนดรถยนต์ตามพิกัดอัตราศุลกากร. 87.03 สำหรับรถยนต์และยานยนต์อื่น ๆ ที่ออกแบบสําหรับขนส่งบุคคลเป็นหลัก รวมถึงสเตชันแวกอน และรถแข่ง (ครอบคลุมรถยนต์โบราณที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปี แต่ไม่เกิน 100 ปี) และพิกัดอัตราศุลกากร 97.06 โบราณวัตถุที่มีอายุเกิน 100 ปี จากเดิมกําหนด รถยนต์ตามพิกัตอัตราศุลกากร 87.03 เฉพาะรถยนต์นั่งเท่านั้น
นอกจากนี้ อนุญาตให้รถยนต์โบราณ (Classic Cars) ที่นําเข้ามาและมีการบูรณะภายในประเทศ และส่งออกภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่ได้มีการนําเข้าสําเร็จ มีสิทธิได้รับคืนภาษีสรรพสามิตเต็มจํานวนในกรณีส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายด้วย เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดเต็มศักยภาพและส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
โดยสรุป สาระสำคัญของมาตรการดังกล่าวคือ
1 ปรับปรุงประเภทรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการภาษีรถยนต์โบราณ ซึ่ง รถยนต์ที่สามารถเข้ามาตรการภาษีรถยนต์โบราณได้ คือ รถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสารไม่เกิน 10 คน รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ ที่ออกแบบสำหรับขนส่งบุคคลเป็นหลัก รวมถึง สเตชั่นแวกอน และรถแข่ง (รถกระบะไม่เข้าร่วมมาตรการนี้)
2 กำหนดพิกัดอัตราศุลกากรสำหรับรถยนต์โบราณ แบ่งเป็น 2 พิกัดคือ กรณีรถยนต์โบราณอายุ ตั้งแต่ 30 ปี แต่ไม่เกิน 100 ปี และกรณีรถยนต์โบราณอายุเกิน 100 ปี ซึ่งถือเป็นวัตถุโบราณประเภทหนึ่ง
3 ยกเว้นอากรศุลกากรขาเข้าสำหรับรถยนต์โบราณ ต้องนำเข้าแบบสำเร็จรูปทั้งคัน และต้องมีเอกสารมาแสดง
4 กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับสินค้ารถยนต์โบราณ ในอัตราร้อยละ 45 ของราคาขายปลีก โดยมีเงื่อนไขเช่น มูลค่ารถไม่ต่ำกว่าสองล้านบาท และมีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป โดยนำเข้าแบบสำเร็จรูปทั้งคัน
5 กรณีรถยนต์โบราณที่นำเข้าและมีการบูรณะภายในประเทศและส่งออกภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ได้มีการนำเข้า มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนภาษีสรรพสามิตเต็มจำนวน ในกรณีส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฏหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ไฟเขียวสุราชุมชน จดขนาดกลางได้เลย ตั้งห่างแหล่งน้ำสาธารณะน้อยกว่า 100 เมตรได้
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา (ฉบับที่..) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการผลิตสุรา
'ดีเอสไอ' สอบเส้นเงินต้องสงสัย 1,200 ราย เอี่ยวขบวนการฮั้ว สว.
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมกับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
'ดีเอสไอ' ร่อนหนังสือถึง ปลัดมหาดไทย ขอความร่วมมือปราบฟอกเงิน ฮั้วสว.
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงนามคำสั่ง ด่วนที่สุด ที่ ยธ 0825/1573 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์การประสานการปฏิบัติงานป้องกัน
'อดีตรมว.คลัง' แนะ 'อุ๊งอิ๊ง' หยุดขายฝันคาสิโน เสนอ 'ดูไบโมเดล' พิสูจน์แล้วสำเร็จโดยไม่ต้องมีบ่อน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พปชร. อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีโปรโม
'ดีเอสไอ' ส่งข้อมูลหลักฐานให้ กกต. แล้ว สอบคดีฮั้วเลือก สว.
“ดีเอสไอ" ส่งข้อมูลวิเคราะห์ปมฮั้ว สว.67 ให้ “กกต.” พิจารณาเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งข้อมูลเส้นทางการเงิน สะพัดตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท - พฤติการณ์บุคคล - ผลคะแนนการกาเบอร์ซ้ำกันหลายฉบับ ชี้ อำนาจพิจารณาคดีเลือก สว. เป็นของ กกต. ชงยื่นศาลฎีกานักการเมือง ส่วนคดีฟอกเงินและอั้งยี่ ดีเอสไอรับเป็นหัวเรือ ฟันอาญากลุ่มคนเส้นเงินถึงกัน ตั้งคณะบุคคลร่วมกันจัดฮั้ว
จับกราวรูด! เจ้าของเว็บพนัน-บัญชีม้า-แอดมิน 13 ราย ยึดทรัพย์รวมกว่า 50 ล้าน
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. กก.2 บก.ป.