นักวิชาการ มธ. ห่วงแม้น้ำหาดใหญ่ลด แต่ความเครียดยังพุ่ง เสนอเร่งดูแลสุขภาพจิตและเฝ้าระวัง 3 กลุ่มเสี่ยง ชี้คนเสพข่าวหนักอาจเข้าสู่ภาวะ Survival Guilt ขณะเดียวกัน “ธรรมศาสตร์” ร่วมวุฒิสภาและหลายหน่วยงาน ตั้งฐานข้อมูลน้ำท่วมระดับประเทศ ช่วยเตือนภัยและวางนโยบายรับมือภัยพิบัติให้แม่นยำขึ้น
1 ธันวาคม 2568 - รศ. ดร.ชานนท์ โกมลมาลย์ อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะเริ่มลดระดับลงแต่ระดับความเครียดยังอยู่ในระยะวิกฤต มาตรการเร่งด่วนที่ควรดำเนินการทันทีคือการให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภัย โดยภาครัฐและเอกชนต้องมีการออกแบบระบบการบูรณาการดูแลสุขภาพจิตให้ประชาชนในช่วงวิกฤต ประกอบด้วย 1. ด่านหน้า 2. หน่วยรองรับการส่งต่อ 3. นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ทีมแพทย์
ทั้งนี้ เริ่มจากหน่วยที่ 1 คือเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ซึ่งก็คืออาสาสมัครผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแจกถุงยังชีพ ที่เห็นถึงความเสี่ยงทางสุขภาพจิตของประชาชนผ่านการแสดงออกในขณะปฏิสัมพันธ์ด้วย เช่น มีสัญญาณซึมเศร้า เหม่อลอย หากพบให้รีบประสานไปยังหน่วยที่ 2 คือหน่วยรองรับการส่งต่อ ซึ่งอาจเป็นสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือกองสาธารณสุขขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล ฯลฯ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หากพบว่ามีโอกาสฆ่าตัวตาย ต้องมีระบบ Fast Track ไปยังหน่วยที่ 3 คือนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ทีมแพทย์
“การดูแลผู้ประสบภัยต้องมีการจัดการฐานข้อมูลแยกออกมาจากน้ำ โดยต้องแบ่งระดับออกเป็น แดง เหลือง เขียว ตามความเร่งด่วนที่ต้องการรับความช่วยเหลือ รวมทั้งในพื้นที่ศูนย์พักพิงก็ควรมีการจัดลำดับความเร่งด่วนด้วยเช่นกัน” รศ. ดร.ชานนท์ กล่าว
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพจิต สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ที่ยังติดค้างรอความช่วยเหลืออยู่ เป็นกลุ่มที่ได้รับความสูญเสียที่รวดเร็วและรุนแรง ยังคงมีความตื่นตระหนกและช็อก แม้ว่าระดับน้ำจะลดลงแล้ว กลุ่มที่ 2 ประชากรกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ผู้พิการ เด็กเล็ก ฯลฯ โดยคนกลุ่มนี้จะมีความรู้สึกเปราะบางในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเป็นพิเศษ หรือมากกว่าคนปกติ กลุ่มที่ 3 กลุ่มผู้ที่ใช้ชีวิตในศูนย์พักพิงร่วมกัน ซึ่งในระยะแรกอาจยังไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าเวลานานไปมีโอกาสที่จะเครียด เพราะเริ่มมีความต้องการอื่นๆ เพิ่ม เช่น อยากกลับไปดูบ้าน มีการรวมกลุ่มต่อรองเพื่อรับของบริจาค เกิดความสับสน สุดท้ายอาจเกิดเป็นความโกลาหลขึ้น
“ยังมีกลุ่มคนที่เสี่ยงจากความกังวลจากการมองเห็นความไม่แน่นอนในอนาคตอีก เช่น รถที่ถูกน้ำท่วมไปแล้วแต่ยังผ่อนไม่หมดจะทำอย่างไร บ้าน เฟอร์นิเจอร์ สวนยาง ที่เสียหายนั้นจะฟื้นฟูอย่างไร หนี้สินที่เพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วมจะจัดการอย่างไร ฯลฯ คนกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะดาวน์ไปถึงขั้นซึมเศร้าหรือมีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายสูงมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดกับทุกราย เพียงแต่บางรายล้มไปแล้วลุกขึ้นมาได้ยาก หรือล้มไปแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาเลย แบบนี้จะเสี่ยงในระยะยาวและต้องฟื้นฟูกันหนักมาก” รศ. ดร.ชานนท์ กล่าว
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวอีกว่า นอกจากผู้ประสบภัยในพื้นที่แล้ว ยังมีประชาชนอีกกลุ่มที่ตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า Survivol Guilt หรือความรู้สึกผิดที่ตัวเองรอดในขณะที่คนอื่นไม่รอด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่เสพสื่อมากๆ ควบคู่กับการรับรู้ถึงบาดแผลผู้ประสบภัย คนกลุ่มนี้จะเกิดความรู้สึกเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงและรอดชีวิตออกมาได้ จะมีภาวะความเห็นอกเห็นใจที่สูงเกินพอดี ตรงนี้มีข้อแนะนำคือเลือกเสพสื่ออย่างมีสติ และเปลี่ยนความรู้สึกผิดเป็น Action ในการช่วยเหลือ เช่น ช่วยทำถุงยังชีพ ช่วยขนของขึ้นรถบริจาค หรือบริจาคให้กับโรงพยาบาล ผู้ประสบภัย ฯลฯ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและความรู้สึกผิดตรงนี้ได้
ผศ. ดร.วสิศ ลิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมข้อมูล วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้สะท้อนถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 ประเด็น ได้แก่ 1. ระบบแจ้งเตือนภัยในปัจจุบัน เช่น Cell Broadcast ซึ่งแม้จะเป็นเครื่องมือที่ตั้งใจช่วยให้ทุกคนได้รับข้อมูลเตือนภัยอย่างรวดเร็ว แต่จำเป็นต้องปรับให้มีความแม่นยำและระบุพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม 2. การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ที่แม้จะมีมาตรการขั้นตอนการปฏิบัติการในสถานการณ์น้ำท่วม (SOP) แต่อาจต้องเพิ่มการสื่อสารกับชุมชน การซ้อมรับสถานการณ์ และการติดตามการนำไปใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แผนทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น 3. การเยียวยา ที่ทำการเยียวยาโดยไม่เข้าใจสถานการณ์
สำหรับความล้มเหลวทั้งหมดนี้ ส่วนสำคัญเป็นเพราะขาดข้อมูลที่เป็นระบบ ซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ทำงานร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน และอนุกรรมาธิการภัยพิบัติแห่งชาติ ดำเนินการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ อาทิ ข้อมูลปริมาณน้ำท่วมของแต่ละพื้นที่ รายชื่อผู้อพยพตามศูนย์พักพิง 7,000 คน คำร้องเรียนจากผู้ประสบภัยกว่า 2 หมื่นคำร้องเรียน ฯลฯ นับตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 2568 เป็นต้นมา และต่อเนื่องไปถึงหลังสถานการณ์คลี่คลายลง 3 สัปดาห์ เพื่อวิเคราะห์ต้นตอปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ พร้อมกับสนับสนุนให้เกิดข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ทั้งเรื่องการเตือนภัยที่เฉพาะเจาะจง การปรับปรุง SOP ใหม่ ตลอดจนการเยียวยาที่ตรงตามความต้องการของประชาชน เพื่อป้องกันการใช้งบประมาณสูญเปล่า
ผศ. ดร.วสิศ กล่าวว่า ประเทศไทยมีโครงการรวบรวมข้อมูลในภาพรวมขนาดใหญ่เช่นนี้อยู่ แต่เมื่อเกิดเหตุนั้น ข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถตอบโจทย์สถานการณ์ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาจะเป็นแบบต่างคนต่างเก็บ แต่การทำงานของธรรมศาสตร์ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากอนุกรรมาธิการฯ วุฒิสภา ที่ทำให้เข้าถึงข้อมูลจากหลายแหล่งได้อย่างสะดวก รวมทั้งทราฟฟี่ ฟองดูว์ (Traffy Fondue) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) มูลนิธิกระจกเงา กรมชลประทาน ฯลฯ ทำให้เข้าถึงข้อมูลจากหลายแหล่งได้สะดวก รวมถึงทีมงานที่มาช่วยทั้งเจ้าหน้าที่ทีมวิจัยจากภาคเอกชน และนักศึกษาจากหลักสูตรวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมข้อมูล วิทยาลัยสหวิทยาการ มธ. ที่ได้ช่วยพัฒนาระบบ
ทั้งนี้จึงนำไปสู่การจัดทำข้อมูลที่เป็นระบบ ครบถ้วน และครอบคลุมทุกมิติมากที่สุดเพื่อวิเคราะห์ต้นตอปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ พร้อมกับสนับสนุนให้เกิดข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ตามแนวทาง Sendai Framework และ CBDRM เพื่อที่ในอนาคตพื้นที่เหล่านั้นจะได้มีการจัดการที่ดีขึ้น ลดความสูญเสียของชีวิตและความเสียหายต่างๆ ทางทรัพย์สิน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะถูกนำไปพัฒนาระบบประมวลผลโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเปิดเผยให้สาธารณะได้ใช้งานเพื่อรับมือภัยพิบัติ ฝุ่น PM 2.5 ไปจนถึงภัยแล้ง ไฟป่า และดินสไลด์ ในอนาคตต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผบ.ตร. ยกย่องหัวใจตำรวจภาคใต้ เสียสละช่วยเหลือประชาชน แม้ตนเองเป็นผู้ประสบภัย
ผบ.ตร. ยกย่องหัวใจตำรวจภาคใต้ "ผู้เสียสละ" เร่งช่วยเหลือประชาชน แม้ตนเองเป็นผู้ประสบภัย ย้ำ "ตำรวจคือครอบครัวเดียวกัน" พร้อมดูแลสวัสดิการเต็มที่
'แม่ทัพกุ้ง' ลงใต้ ให้กำลังใจชาวหาดใหญ่ เยี่ยมเจ้าหน้าที่จิตอาสาเร่งฟื้นฟูเมือง
"แม่ทัพกุ้ง" อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ลงใต้ส่งกำลังใจให้ชาวคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังประสบอุทกภัยครั้งใหญ่
ปภ. รายงานยังมีน้ำท่วมภาคใต้ 7 จังหวัด เร่งระบายน้ำพื้นที่น้ำท่วมขังและเยียวยาผู้ประสบภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสรุปสถานการณ์ยังมีอุทกภัยภาคใต้ 7 จังหวัด ปภ. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งฟื้นฟูทำความสะอาด กำจัดขยะ ในพื้นที่น้ำลดและเร่งระบายน้ำและเยียวยาผู้ประสบภัย
โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม สำเร็จแล้ว 4.9 พันล้าน 5 แสนครัวเรือน
'ภราดร' เผยยอดโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ช่วง 1-4 ธ.ค. โอนสำเร็จแล้ว 548,126 ครัวเรือน วงเงินรวม 4.9 พันล้านบาท
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้


