ศบค.ปรับพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 7 จังหวัด ระทึกอีก 1 สัปดาห์ไทยมี 3 ทางแยก

ศบค.ปรับระดับโซนสีพื้นที่ใหม่ สีแดงเข้มเหลือ 7 จว. เพิ่มสีฟ้า 4 จว. กทม.-กระบี่-พังงา-ภูเก็ต ไฟเขียวกิน-ดื่มในร้านได้ ให้จว.เข้มมาตรการ เริ่ม 1 พ.ย.นี้ ผุด ระบบ Test and Go เข้าไทยไม่กักตัว แค่รอผลตรวจ RT-PCR 1 วัน วอน ปชช.การ์ดอย่าตก เผยอีก 1 สัปดาห์ประเทศไทยถึงทางสามแยก

29 ต.ค.2564 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่าผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร

ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ปรับจาก 23 จังหวัด เป็น 7 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จาก 30 จังหวัด เป็น 38 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 24 จังหวัด เป็น 23 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 5 จังหวัด ได้แก่ นครพนม น่าน บึงกาฬ มุกดาหาร และสกลนคร และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 4 จังหวัด ได้แก่ กทม. กระบี่ พังงา และภูเก็ต

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ที่ปรึกษา ศบค.ได้แสดงความห่วงใยในประเด็นมาตรการที่ต้องออกมากำกับอย่างเต็มที่ เพราะพื้นที่สีฟ้ามีลักษณะคล้ายพื้นที่สีเขียว สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ โดยเฉพาะเรื่องดื่มสุราและเครื่องแอลกอฮอล์ จะปล่อยให้เกิดขึ้นโดยวิถีปกติไม่ได้ เนื่องจากเป็นเหตุของการติดเชื้อและการแพร่ระบาด โดยเฉพาะ กทม.มีความซับซ้อนในเชิงของการจัดการและควบคุมโรค ผอ.ศบค.จึงสั่งการให้ กทม. นำข้อกังวลดังกล่าวไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในบ่ายวันเดียวกัน (29 ต.ค.) เพื่อออกมาตรการเฉพาะในเรื่องการดื่มสุราและแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ประชุม ศบค.บอกว่าลักษณะองค์กร สถานประกอบการ สมาคมที่มีส่วนรับผิดชอบในการเปิดด้านนี้ขอให้มามีส่วนร่วมในการร่วมกันรับผิดชอบในการดำเนินการกิจการ กิจกรรมให้กลับมาเหมือนเดิม เมื่อมีภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดต้องรับผิดชอบร่วมกันในการกระทำในอนาคตอย่างไร

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 แบบบูรณาการตามระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรที่จะมีผลในวันที่ 1 พ.ย. ได้แก่ พื้นที่สีแดงเข้ม ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น, ห้ามออกนอกเคหสถานการณ์ 23.00 – 23.00 น., เวิร์ก ฟอร์ม โฮม อย่างน้อย 50% ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และสามารถปรับเพิ่มได้ตามความเหมาะสม, ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน, สถานศึกษาทุกระดับ โรงเรียนกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่จัดการเรียนการสอน หรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากโดยผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และมีมาตรการกำกับอย่างเคร่งครัด

สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุ เปิดดำเนินการแบบไปกลับได้โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด, สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามปกติแต่ไม่เกิน 22.00 น. และต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าชม ผู้เข้าร่วมแข่งขัน สำหรับกีฬาในร่มต้องไม่มีผู้ชม ส่วนกีฬากลางแจ้งมีผู้ชมได้ไม่เกิน 25% และต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ การแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ลักษณะเดียวให้จำกัดผู้เข้าชม และห้ามบริโภค โดยพื้นที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้ 50% พื้นที่เปิดโล่ง ให้ 75%, ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ในลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม จัดประชุมได้ไม่เกิน 500 คน และให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ เพื่อไม่ให้แออัด, ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซิตี้มอลล์ ให้เปิดตามเวลาปกติ แต่ไม่เกิน 22.00 น. งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ปิดบริการตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก และสวนน้ำ, ร้านสะดวกซื้อ ตลาด และตลาดนัด เปิดบริการได้ตามปกติ แต่ไม่เกิน 22.00 น. กรณีเปิดบริการเครื่องสวนสนุก ให้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่อื่นที่มีร้านอาหารให้บริโภคในร้านได้ แต่จำกัดลูกค้า โดยร้านที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้ 50% ร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ให้ 75% และกำหนดเกณฑ์ผู้ให้และผู้รับบริการ ซึ่งเปิดเวลาตามปกติได้แต่ไม่เกิน 22.00 น. ยังคงให้งดจำหน่ายสุราและงดดื่มในร้าน, ร้านเสริมสวย ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม ร้านสัก ให้เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ ยกเว้น การใช้ไอน้ำ และไม่เกิน 22.00 น.

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการในพื้นที่สีแดง ไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน, เวิร์ก ฟอร์ม โฮม ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ดำเนินการตามความเหมาะสม, ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 200 คน, สถานศึกษาทุกระดับ โรงเรียนกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่จัดการเรียนการสอน หรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากโดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุ เปิดดำเนินการตามปกติ, สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามปกติแต่ไม่เกิน 23.00 น. และต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าชม ผู้เข้าร่วมแข่งขัน สำหรับกีฬาในร่ม ผู้ชมไม่เกิน 25% กีฬากลางแจ้งไม่เกิน 50% กรณีแข่งขันกีฬาให้แจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ การแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ลักษณะเดียวให้จำกัดผู้เข้าชม โดยพื้นที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้ 75% ส่วนพื้นที่เปิดโล่งให้กำหนดตามขนาดพื้นที่, ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ในลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม สามารถจัดการประชุม จัดมหกรรมด้านกีฬา จัดแสดงสินค้า (ไม่มีการชิมอาหาร) ผู้เข้าชมไม่เกิน 500 คน ตามขนาดพื้นที่

ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซิตี้มอลล์ ให้เปิดตามเวลาปกติ แต่งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เปิดบริการตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม แต่ยังไม่เปิดสวนสนุก และสวนน้ำ, ร้านสะดวกซื้อ ตลาด และตลาดนัด เปิดบริการได้ตามปกติ, ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่อื่นที่มีร้านอาหารให้บริโภคในร้านได้ เปิดตามเวลาปกติ แต่ไม่เกิน 23.00 น. และยังงดจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน, ร้านเสริมสวย ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม ร้านสัก ให้เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ แต่ไม่เกิน 23.00 น.

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนมาตรการในพื้นที่สีส้ม ไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน, เวิร์ก ฟอร์ม โฮม ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ดำเนินการตามความเหมาะสม, ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 500 คน, สถานศึกษาทุกระดับ โรงเรียนกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด, สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุ เปิดดำเนินการตามปกติ, สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามปกติ แต่จำกัดจำนวนผู้เข้าชม สำหรับกีฬาในร่ม ผู้ชมไม่เกิน 50% กีฬากลางแจ้งไม่เกิน 75%, โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ การแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ลักษณะเดียว เปิดได้ตามปกติ โดยจำนวนผู้ชมตามที่มาตรการกำหนด

ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ในลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม สามารถจัดการประชุม จัดมหกรรมด้านกีฬา จัดแสดงสินค้า (ให้ชิมอาหารได้) และจัดงานอื่นๆ ได้ไม่เกิน 1,000 คน, ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซิตี้มอลล์ เปิดบริการได้ตามปกติ เปิดสวนสนุก และสวนน้ำ เฉพาะพื้นที่เปิดโล่ง, ร้านสะดวกซื้อ ตลาด และตลาดนัด เปิดบริการได้ตามปกติ, ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่อื่นที่มีร้านอาหารให้บริโภคในร้านได้ เปิดตามเวลาปกติ แต่ยังงดจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณากำหนดเวลาปิดตามสถานการณ์ของพื้นที่, ร้านเสริมสวย ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม ร้านสัก ให้เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ แต่ไม่เกิน 24.00 น.

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการในพื้นที่สีเหลือง ไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน, เวิร์ก ฟอร์ม โฮม ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ดำเนินการตามความเหมาะสม, ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 1,000 คน, สถานศึกษาทุกระดับ โรงเรียนกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด, สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุ เปิดดำเนินการได้ตามปกติ, สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามปกติ จัดการแข่งขันโดยจำกัดจำนวนผู้เข้าชม สำหรับกีฬาในร่ม ผู้ชมไม่เกิน 75% กีฬากลางแจ้งผู้ชมตามความจุของสนามและมาตรการเว้นระยะห่าง

โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ การแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ลักษณะเดียว เปิดได้ตามปกติ โดยจำนวนผู้ชมตามที่มาตรการกำหนด, ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ในลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม จัดงานได้ตามความเหมาะสม, ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซิตี้มอลล์ เปิดบริการได้ตามปกติ, ร้านสะดวกซื้อ ตลาด และตลาดนัด เปิดบริการได้ตามปกติ, ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่อื่นที่มีร้านอาหารให้บริโภคในร้านได้ เปิดตามเวลาปกติ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณากำหนดเวลาปิดตามสถานการณ์ของพื้นที่, ร้านเสริมสวย ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม ร้านสัก ให้เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะที่มาตรการในพื้นที่สีฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวนั้น ไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน, เวิร์ก ฟอร์ม โฮม ให้หน่วยงานรัฐและเอกชนดำเนินการตามความเหมาะสม, สามารถจัดการรวมกลุ่มได้ตามความเหมาะสม, สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ, สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดบริการและจัดการแข่งขันได้ตามปกติ ตามมาตรการที่กำหนด, โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ การแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ลักษณะเดียวกัน เปิดดำเนินการตามปกติ จำนวนผู้ชมตามมาตรการที่กำหนด

ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม สามารถจัดงานได้ตามความเหมาสม, ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซิตี้มอลล์ เปิดบริการได้ตามปกติ, ร้านสะดวกซื้อ ตลาด ตลาดนัด เปิดบริการได้ตามปกติ, ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า หรือสถานที่อื่นที่มีร้านอาหาร สามารถบริโภคในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกทม. พิจารณากำหนดเวลาปิดตามสถานการณ์พื้นที่ได้, ร้านเสริมสวย ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม ร้านสัก เปิดบริการได้ตามปกติ

“ส่วนที่ถามกันมากว่า พื้นที่สีฟ้าซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว สามารถจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหารได้หรือไม่นั้น ที่ไม่ได้ระบุลงไปในชาร์ต เพราะละไว้ในฐานที่เข้าใจ โดยใน 4 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวนั้น แต่ละจังหวัดต้องมีมาตรการที่เข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ซับซ้อน ทางผู้ว่าฯกทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประชุมกันเพื่อกำหนดมาตรการอีกครั้ง เพราะ 4 จังหวัดนี้มีมาตรการเท่ากับระดับพื้นที่สีเขียว”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศ จากเดิมที่มี 2 รูปแบบ คือการเข้ามาแล้วต้องกักตัวในสถานที่กักตัวต่างๆ กลุ่มนี้เดินทางมาจากประเทศใดก็ได้ โดยกลุ่มที่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ จะยังคงต้องกักตัว 7 วัน แต่สำหรับผู้ไม่ได้รับวัคซีน หากมาทางอากาศ หรือน้ำ ต้องกักตัว 10 วัน ขณะที่เดินทางเข้ามาทางบกต้องกักตัว 14 วัน

และต้องตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าประเทศ และเมื่อเข้ามาแล้ว ต้องตรวจอีก 2 ครั้ง ในวันแรกและวันที่ 6, 7 หรือ 8, 9 กลุ่มที่ 2 ผู้เดินทางเข้าแซนด์ บ็อกซ์ หรือพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว กลุ่มนี้เดินทางมาจากประเทศใดก็ได้ โดยพำนักในพื้นที่แซนด์ บ็อกซ์ 7 วัน ต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนดเป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทาง

ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มากับผู้ปกครอง และกลุ่มที่ 3 ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. คือ Test and Go (เทส แอนด์ โก) เดินทางมาทางอากาศโดยไม่ต้องกักตัว สามารถไปเที่ยวได้ทุกพื้นที่ คนกลุ่มนี้ต้องมาจากประเทศที่กำหนด และพำนักในประเทศนั้นเป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 21 วัน ก่อนเดินทาง ยกเว้นผู้ที่เดินทางไปจากประเทศไทย เมื่อมาถึงประเทศไทย ต้องพำนักเพื่อรอผลการตรวจ RT-PCR เป็นเวลา 1 วัน ใน AQ หรือหรือพำนักในโรงแรมที่มีมาตรฐาน(SHA -มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว) โดยคนกลุ่มนี้ต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนดอย่างน้อย 14 วัน ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่มากับผู้ปกครอง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้ กระบวนการขั้นตอนสำหรับผู้เดินทางเข้ามา ในรูปแบบแซนด์ บ็อกซ์ และเทส แอนด์ โก นั้นจะมีผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่แสดงผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง มีประกันโควิด-19 มีหลักฐานการจ่ายค่าที่พัก และลงทะเบียนบันทึกข้อมูลในแอปพิเคชั่นไทยแลนด์พลัส เมื่อเดินทางมาถึง สำหรับกลุ่มแซนด์ บ็อกซ์ ต้องตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR และพำนักในพื้นที่แซนด์ บ็อกซ์ เป็นเวลา 7 วัน ขณะที่กลุ่ม เทส แอนด์ โก ต้องรอผลตรวจในที่พักที่ได้รับการรับรอง 1 วัน หากไม่พบเชื้อจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปไหนก็ได้ แต่ถ้าพบเชื้อต้องเข้ารักษาตัว โดยทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับชุดตรวจ ATK เพื่อตรวจด้วยตัวเองในวันที่ 6,7 และบันทึกข้อมูลในหมอชนะ หากผลเป็นลบก็สามารถท่องเที่ยวต่อไปได้ แต่ถ้าติดเชื้อก็ต้องเข้ารักษาตัวในระบบ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเป็นวิธีเพื่อดึงคนจากหลายปะเทศเข้ามา โดยรมว.คมนาคม แจ้งว่า ปัจจุบันมีการจองตั๋วเครื่องบินิเดินทาวเข้าประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-15 พ.ย.แล้ว จาก 15 ประเทศ จำนวน 10,919 คนและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

“เราคาดหวังว่าการเปิดประเทศนี้จะทำให้เศรษฐกิจ สังคม ก้าวหน้าไปพร้อมกับการอยูร่วมกับโควิดให้ได้ โดยมีการพยากรณ์จากกระทรวงสาธารณสุขว่า หลังเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. ประมาณ 1 สัปดาหฺ์ จะมีทางแยกไป 3 ทาง โดยทางแยกที่เราอยากให้เป็นคือประชาชนการ์ดไม่ตก ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เราจะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อไปได้ ทางแยกที่สองคือการ์ดตกเล็กน้อยตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจขยับขึ้นมา แต่ถ้าการ์ดตกมาก ไม่คำนึงเรื่องอื่นๆเลย ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจสูงเป็นหมื่น หรือหลายหมื่น สัปดาห์หน้าจะเริ่มเปิดประเทศ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เราจะรู้กำหนดชีวิต ถ้าเราผ่านไปได้ เราจะนำเม็ดเงินและความเป็นอยู่ที่เป็นสุขกลับมาคืนสู่ชีวิตวิถีใหม่ ที่เราต้องการ จึงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่าน” โฆษกศบค.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โควิดสงกรานต์พุ่ง! ไทยติดเชื้อรอบสัปดาห์ 849 ราย

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 7 - 13 เมษายน 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 849 ราย

โควิดยังพุ่ง! ไทยติดเชื้อรอบสัปดาห์ 728 ราย ผู้สูงอายุดับ 2 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่

โควิดพุ่ง! ไทยติดเชื้อใหม่รอบสัปดาห์ 630 ราย ดับเพิ่ม 5 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 630 ราย

ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 501 ราย ดับเพิ่ม 4 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 501 ราย

ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 446 ราย ดับเพิ่ม 3 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 446 ราย