มาตามฤดูกาล! 'เหวง' ปลุก จับคณะรัฐประหารที่ยังคงมีชีวิตอยู่ มารับโทษฐานกบฏ ประหารชีวิตให้หมด

ต้องนำตัวคณะรัฐประหารที่ชนะ สองชุดที่ยังคงมีชีวิตอยู่ คือชุดคมช. คปค. และชุดคสช. มารับโทษตามประมวลอาญา มาตรา113 ฐานกบฏ คือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตให้ได้

23 พ.ค.2566- นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำนปช. โพสต์เฟซบุ๊ค : ในวาระครบรอบ 9 ปีรัฐประหาร ว่า ผมเป็นผู้รับผิดชอบเวทีอักษะ ในวันยึดอำนาจ 22 พ.ค. 57

ผมทราบจากทีวีว่า ประยุทธ์ประกาศยึดอำนาจ ผมรีบวิ่งไปเต็นท์นักข่าว เพื่อแถลงต่อต้านการยึดอำนาจ ยังไม่ทันถึงเต็นท์ เสียงปืนดังสนั่นนับร้อย ๆ นัด ดังมาจากทางถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ผมก็ยังวิ่งไปทิศเสียงปืน เพื่อจะไปบอกทหารให้หยุดยิง เพราะคนเสื้อแดงไม่มีอาวุธปืนและอาวุธอื่น ๆ เลย และมุ่งมั่นสันติวิธีเท่านั้น

แต่ผู้หวังดีบอกว่าห้ามไป เพราะมันฆ่าทิ้งแน่นอนไม่มีประโยชน์ ผมเลยหันกลับวิ่งไปบันไดเวที เพื่อบอกให้ประชาชนที่เหลือจำนวนกว่าพันกลับบ้าน ทหารกรูกันเข้ามาจำนวนหลายสิบ พร้อม M16 จ่อพร้อมยิงประปรายวิ่งเข้ามา

ผมบอกพวกเขาว่า ผมจะไปบอกให้ประชาชนกลับบ้าน พวกทหารประชิดจะจับผม
แต่ผู้พันบอกให้ปล่อยผมขึ้นเวที เมื่อขึ้นเวที ผมพุ่งเข้าไปหาไมค์ ทหารตะครุบไมค์ก่อนผม ผมยื้อยุดฉุดกระชากกับทหารและตะโกนบอกทหารว่าอย่ายิง ๆ ๆ อย่าพุ่งปลายกระบอกปืนไปหาประชาชน เพราะพวกเราไม่มีปืนไม่มีอาวุธ

ผมขอไมค์เพื่อบอกประชาชนกลับบ้าน ผู้พันเข้าใจและยอมให้ไมค์ผม
ผมจึงบอกประชาชนว่า ขอให้กลับบ้านกันเถอะครับ ทหารยึดครองพื้นที่ทั้งหมด
พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมากแล้ว และขอให้ทหารทุกคนอย่ายิง ๆ ๆ ๆ อย่าเอา M16 จ่อใส่ประชาชน แต่ทหารไม่ยอมทำตาม ผมจึงบอกให้ผู้พัน สั่งทหารเอาปืนลง ไม่งั้นจะเกิดเหตุยิงประชาชนตาย ผู้พันเข้าใจ จึงสั่งให้ทหารทุกคนลดอาวุธลง และห้ามทำร้ายประชาชน

หลังจากนั้น ทหารก็เอาผมไปขังครับ ขังครับ ไม่ใช่ควบคุมตัว ที่คุกทหารมทบ.11
ที่เล่าขานกันว่าขังนักโทษทหารที่มีโทษหนัก เป็นคุกใกล้คอกหมูของเกษตรกรเลี้ยงหมูชาวนครปฐมจำนวนมาก ผมก็เลยต้องหายใจเอาขี้หมูเข้าปอดประมาณร่วมอาทิตย์

ในวันยึดอำนาจ มีประชาชนบริเวณใกล้เคียงประมาณ 3000 – 4,000 คน กำลังลงจากรถบัสภายในวัดพุทธมณฑลและเตรียมเข้าพื้นที่ถนนอักษะ เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงสิ้นเชิง พวกเขาจึงเดินทางกลับบ้าน

บทเรียนที่สำคัญที่สุดของประเทศนี้ก็คือ หากคณะทหารที่ยึดอำนาจสำเร็จ ไม่ถูกนำตัวไปลงโทษตามประมวลอาญา มาตรา 113 ในความผิดฐานกบฏมีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตสักหนึ่งคนหรือหนึ่งคณะ พวกอนุรักษ์จารีตอำนาจนิยมก็จะย่ามใจ ทำการยึดอำนาจตลอดไปชั่วกัลปาวสาน เพราะเมื่อชนะพวกเขาเป็นรัฏฐาธิปัตย์ครองอำนาจ ปกครองประเทศตามอำเภอใจคอรัปชั่นโกงกินกันสบายใจเฉิบและเขียนรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทำประชามติกำมะลอสืบทอดการเป็นประเทศประชาธิปไตยปลอม ๆ เผด็จการจริงๆไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ต้องนำตัวคณะรัฐประหารที่ชนะ สองชุดที่ยังคงมีชีวิตอยู่ คือชุดคมช. คปค. และชุดคสช. มารับโทษตามประมวลอาญา มาตรา113 ฐานกบฏ คือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตให้ได้ การยึดอำนาจจึงจะยุติได้โดยสิ้นเชิงในประเทศนี้

การไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่ายึดอำนายรัฐประหาร ออกพรก.นิรโทษกรรมไม่ได้นั้น ไม่มีประโยชน์ ไร้ค่าสิ้นเชิง เพราะรัฐธรรมนูญ 2517 ได้เขียนไว้แล้ว

แต่พวกทรราชย์ก็ก่อกรณี 6ตุลา19 ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ 2517 ทิ้งอย่างสะใจ หลังจากนั้นก็มีการยึดอำนาจรัฐประหารต่อ ๆ กันมาอีก 5 ครั้ง

พวกเราจะทำอย่างไรดีครับ?

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิธา' ตีหน้าเศร้าแจงดราม่าไปงานศพพ่อไม่ทัน แต่ปิดปากเงียบ กุเรื่องถูกคณะรัฐประหารอายัดบัญชี

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาอธิบายหนึ่งในเหตุการณ์บีบหัวใจผมที่สุดในชีวิต นั่นคือการสูญเสียคุณพ่ออันเป็นที่รักอย่างกระทันหัน

'เอ็ดดี้' ฟาดนางงาม! เป็นหงส์หรือนกยูงอวดสวยได้ แต่อย่าอวดฉลาด จะกลายเป็นอวดโง่เสียมากกว่า

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ "สมาชิกวุฒิสภาเป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" มีรายละเอียดดังนี้

'จตุพร' ฉะสำนักข่าวธิดา-เหวง เสนอข่าวเยี่ยงโจร ปากอ้างปชต.แต่บิดเบือนเล่นงานให้เสียหาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำหนิพฤติกรรมเสนอข่าวของสำนักข่าว ยูดี

ประหารชีวิตสถานเดียว อดีต ส.จ.ราชบุรี สังหาร 'ครูนงค์' ผู้สมัครนายกเล็กดอนทราย

ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1211/2564 ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ครอบครัวผู้ถูกยิงเสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง เป็นโจทก์ร่วมที่ 1-4 ยื่นฟ้องนายวันชาติ เนียมรักษา อดีตตำรวจและอดีตกำนันตำบลดอนทรายรวมถึง สจ.ราชบุรี