อย่าหลงประเด็น! เทพไท ตอกหน้ารัฐบาลอิ๊งค์ โพลชี้อยู่ไม่ครบเทอมสูงกว่า 57.71%

28 ต.ค.2567-นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “รัฐบาลอย่าหลงประเด็น:ผลนิด้าโพล” ระบุว่า ผมขออนุญาตวิเคราะห์ ผลนิด้าโพล ประเด็นคำถาม :รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง อยู่ครบเทอมหรือไม่ ผลปรากฎว่า ร้อยละ 41.68 ระบุว่า เชื่อว่าจะไปต่อได้จนครบเทอมในปี 2570 รองลงมา ร้อยละ 19.08 ระบุว่า เชื่อว่าจะไปต่อได้อีกประมาณ 2 ปี (2569) ร้อยละ 16.87 ระบุว่า เชื่อว่าจะไปต่อได้อีกประมาณ 1 ปี (2568) ร้อยละ 11.99 ระบุว่า เชื่อว่าจะไปต่อได้จนเกือบ ๆ ครบเทอมในปี 2570 ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เชื่อว่าจะไปต่อได้ไม่เกินสิ้นปี 2567 และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

จะเห็นได้ว่าประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอม มีเพียง 41.68% ส่วนที่เห็นว่าไม่ครบเทอม แต่แตกต่างกันในเงื่อนไข รวมทั้งสิ้น 57.71% แสดงให้เห็นว่า ประชาชนที่เชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ครบเทอม สูงกว่าความเห็นว่า รัฐบาลอยู่ครบเทอม 16.03%

ส่วนเหตุผลที่ประชาชนคิดว่า รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม มีหลายเหตุผล มีน้ำหนักแตกต่างกันไป แต่ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง จะขอวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ทำให้รัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบเทอม ประมวลมาจากผลนิด้าโพล น่ามาจากเหตุผล 4 ประการ คือ

1.รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสม พรรคการเมืองแต่ละพรรค มีจุดยืนและอุดมการแตกต่างกัน มาจับขั้วกันเป็นรัฐบาล เพราะเงื่อนไขการไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จึงเป็นการรวมตัวกันแบบผลประโยชน์เฉพาะหน้า และเป็นการรวมตัวแบบหลวมๆ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันสูงมาก  เมื่อเกิดความขัดแย้งในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม

2.มีการยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระจำนวนมาก เพื่อให้ตรวจสอบรัฐบาลชุดนี้ว่า กระทำผิดหรือมีการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อมีการยื่นคำร้องหลายฉบับ ก็มีโอกาสพลาดท่า ทำให้รัฐบาลมีความผิดตามคำร้องฉบับใดฉบับหนึ่ง จนทำให้รัฐบาลชุดนี้มีอันเป็นไป เป็นรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมได้

3.เกิดจากผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ที่รัฐบาลชุดนี้หาเสียง ให้คำมั่นสัญญากับประชาชน  มีการโฆษณาชวนเชื่อไว้เยอะ จนประชาชนตั้งความหวังไว้สูง เมื่อรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ประชาชนผิดหวัง ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจ กดดันให้รัฐบาลต้องลาออก จนอายุรัฐบาลไม่ครบเทอม

4.มีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน  เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเคยเกิดขึ้นจากนโยบายประชานิยม ในยุคของรัฐบาลทักษิณมาแล้ว จนประชาชนต้องออกมาชุมนุม เดินขบวนขับไล่ ทำให้รัฐบาลมีอันเป็นไปก่อนครบวาระได้เช่นกัน

จากเหตุผล 4 ข้อนี้ อาจจะมีข้อใดข้อหนึ่ง ที่ทำให้รัฐบาลมีอันเป็นไป ก่อนครบวาระ 4 ปีของรัฐบาลได้

ผมเห็นข่าวโฆษกรัฐบาล ออกมาขอบคุณประชาชน ที่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอมสูง แต่ในข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น รัฐบาลกำลังหลงประเด็น เพราะคะแนนรวมของผู้เห็นว่ารัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมรวมกันแล้วสูงกว่า ที่เห็นว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอม นะครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขึ้น 'รถไฟฟ้า-รถเมล์' ฟรี 7 วัน! รัฐบาลล้วงงบกลางแก้ฝุ่น PM2.5

นายกฯ สั่งคมนาคม ให้ประชาชนขึ้น 'รถไฟฟ้า - รถขสมก.' ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค. แก้ปัญหา PM 2.5 เตรียมชงครม.ใช้งบกลางชดเชย 140 ล้านบาท พร้อมตั้ง 8 จุตรวจจับควันดำ

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'อำนาจนอกระบบของทักษิณ'

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “อำนาจนอกระบบของทักษิณ" มีเนื้อหา ดังนี้

บี้ 'อิ๊งค์' ปกป้อง 'เอกนัฏ' ล่าไอ้โม่งลงขันเปลี่ยนตัว รมว.อุตสาหกรรม

24 ม.ค. 2568 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ปกป้อง เอกนัฏ" โดยระบุว่า ติดตามข่าวการตอบกระทู้ถามสด ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี ถึงการเลือกปฏิบัติในการรับซื้ออ้อยเผาของ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย รู้สึกตกใจกับคำตอบของนายเอกนัฏ ตอนหนึ่งในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีการลงขันจำนวนเงิน 200- 300 ล้านบาท เพื่อย้ายนายเอกนัฎ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการเมืองไทย ที่มีกลุ่มทุนอิทธิพลเหนือการเมือง ใช้เงินลงขันด้วยเงินหลักร้อยล้านบาท เพื่อเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ขอให้กำลังใจนายเอกนัฎ ในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และควรจะเปิดเผยชื่อตัวการลงทุนย้ายนายเอกนัฎออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หากไม่สามารถเปิดเผยชื่อต่อสังคมได้ ก็ควรนำเรื่องนี้ไปเรียนให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือการเมือง สามารถใช้เงินทุนโยกย้ายเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ หากนางสาวแพทองธาร ยังเอาไม่อยู่ เพราะไม่มีอำนาจที่แท้จริง ก็ต้องนำเรื่องนี้ให้ถึงมือของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุด เป็นเจ้าของรัฐบาลตัวจริง และสามารถสั่งการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีได้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง นางสาวแพทองธาร จะต้องปกป้องนายเอกนัฎ เพราะการดำเนินนโยบายห้ามไม่ให้โรงงานน้ำตาลรับซื้ออ้อยเผา เป็นมาตรการป้องกันมลพิษ PM 2.5 ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร แต่ถ้าเมื่อนายเอกนัฎได้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของนางสาวแพทองธารแล้ว แต่ไปสะดุดต่อ นางสาวแพทองธารในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องรับผิดชอบ และสืบหาตัวไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังการลงขัน เพื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีอุตสาหกรรมให้ได้ ขอให้สังคมเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาล เปิดโปงขบวนการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีออกมาให้สังคมรับรู้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลกลุ่มทุนใดๆ ทั้งสิ้น.

ตัดออกเป็นล้าน ‘คลัง’ เผยผู้สูงอายุรับเงินหมื่นเฟส 2 เหลือ 3 ล้านคน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดอัปเดตการตรวจสอบสิทธิโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ 10,000 บาทจากรัฐบาลว่า เบื้องต้นคาดว่า จะมีจำนวนผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท 3.02 ล้านค

รัฐบาลจัดเต็ม! 23 ม.ค. จดทะเบียน 'สมรสเท่าเทียม' ได้ทุกอำเภอ-สถานทูตไทยทั่วโลก

รัฐบาลอำนวยความสะดวกเต็มที่ จดทะเบียน 'สมรสเท่าเทียม' 23 ม.ค. นี้ ทั้ง 878 อำเภอ 50 เขตใน กทม. สถานทูตไทยในต่างประเทศทั่วโลก