28 ม.ค. 2568 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ฟซบุ๊กว่าคำกล่าวของอ.เจษฎ์ โทณะวณิก ในวันที่ไปร่วมกับคปท.ในการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า
“ถ้าประชาธิปไตยมันชั่วแบบนี้ ก็เลิกประชาธิปไตยไปเถอะครับ” ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ทั้งจากสื่อบางสื่อ และจากคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตยหลายคน โดยไม่พยายามทำความเข้าใจเลยว่า บริบทที่ทำให้อ.เจษฎ์พูดเช่นนั้น คืออะไร
นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2475 มาถึงปัจจุบันเข้าปีที่ 93 แล้ว คุณภาพนักการเมืองในทุกด้านที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาโดยเฉลี่ยนับวันจะต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านมาตรฐานทางจริยธรรม
หากระบอบประชาธิปไตยดีจริงสำหรับประเทศไทย ทำไมจึงมีคนในตระกูลชินวัตร หรือเกี่ยวดองกับตระกูลชินวัตรจึงได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 4 คน น้องสาวคุณทักษิณซึ่งไม่ประสีประสาทางการเมือง ใช้เวลาเพียง 49 วันหลังการเปิดตัวก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ลูกสาวคุณทักษิณที่ไม่เคยผ่านการบริหารองค์กรใดๆมาเลยในชีวิต อย่าว่าแต่บริหารประเทศ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพียงเพราะเป็นลูกสาวคุณทักษิณ ซึ่งความรอบรู้ในเรื่องเศรษฐกิจ การวางตัว วุฒิภาวะเหมาะสมหรือไม่ที่จะบริหารประเทศ ก็เป็นที่ประจักษ์กันแล้วโดยทั่วไป
หากระบอบประชาธิปไตยดีจริงสำหรับประเทศไทย ทำไมเราจึงได้รัฐบาลที่ต้องเดินตามแนวทางและทำตามคำสั่งของคนที่เคยเป็นนักโทษในคดีทุจริตคอร์รัปชันอย่างเคร่งครัด แม้ว่าแนวทางดังกล่าว วิญญูชน และนักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการชั้นนำของประเทศ และผู้ที่มีใจเป็นธรรมออกมาคัดค้านเพราะเห็นว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง รัฐบาลชุดนี้ก็ยังคงดึงดัน และผลักดันต่อไป
Dr Hanns-Hermann Hoppe นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมัน-อเมริกัน ผู้เขียนหนังสือชื่อ
Democracy - The God That Failed ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 มีความเห็นว่า รัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งให้เข้ามาบริหารประเทศตามวิถีทางประชาธิปไตย มักไม่ค่อยทำอะไรที่จะต้องรอเวลานานก่อนที่จะเห็นผล เป้าหมายหลักมักไม่ใช่การพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน แต่เป้าหมายหลักคือ ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป สิ่งใดเห็นผลในระยะสั้นที่จะทำให้ชนะเลือกตั้งครั้งหน้า จึงอยู่ในลำดับความสำคัญเหนือกว่าสิ่งที่ใช้เวลาเกิน 4 ปีจึงจะเห็นผล
ด้วยเหตุนี้ นโยบายประชานิยมซึ่งเกิดผลทันทีต่อประชาชนจึงเป็นนโยบายยอดนิยมของพรรคการเมืองในยุคนี้ ซึ่งพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคแรกที่นำมาใช้ในการหาเสียงจนได้เป็นรัฐาล และเมื่อเป็นรัฐบาล พรรคไทยรักไทยก็ทำได้จริงตามที่หาเสียงไว้ และประชาชนก็ได้รับผลทันที แต่นโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทย ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียต่อประเทศที่ตามมา เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ต่อเนื่องมาเป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ในรัฐบาลเพื่อไทยในปัจจุบัน นโยบายนี้ ประชาชนเห็นผลทันทีและชื่นชอบอย่างยิ่ง แต่ผลเสียคือ โรงพยาบาลของรัฐต้องประสบกับภาวะขาดทุนกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ล่าช้าและไม่เพียงพอ ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อระบบการรักษาพยาบาลในระยะยาว แต่เรื่องนี้ผู้ลงคะแนนเสียงในประเทศเราไม่ค่อยใส่ใจ สนใจเพียงว่าตัวเองได้อะไรบ้างเท่านั้น
ล่าสุดรัฐบาลชุดปัจจุบันพยายามจะเอาใจกลุ่ม LBGTQ ด้วยการให้สามารถขอรับฮอร์โมนเพศฟรีได้ ฮอร์โมนในที่นี้ ไม่ใช่เพื่อการรักษา แต่เพื่อการปรับร่างกายให้เปลี่ยนเพศสภาพเป็นแบบที่ต้องการ แน่นอนว่าเป็นที่ถูกใจคนกลุ่มนี้ แต่เท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่เท่าเทียมกัน หรือนี่ไม่ใช่เป็นการใช้เงินงบประมาณที่มาจากภาษีของผู้เสียภาษีทุกคนมาใช้หาเสียงกับคนกลุ่มเดียว
ในประเทศเรา การเลือกตั้งทุกครั้ง ทุกระดับ ทั้งระดับ อบต อบจ และระดับประเทศ พรรคการเมือง และผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องใช้เงินเพื่อให้ได้คะแนนเสียง และใช้เงินเป็นจำนวนที่มากจนน่าตกใจ ไม่เว้นแม้แต่การเลือกตั้งระดับกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดท่านหนึ่ง ท่านให้ความเห็นว่า ระบบการเลือกกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ออกแบบไว้ตั่งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ซึ่งไม่ใช่เป็นการเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกร่วมกันโดยพูดคุยถามความเห็นจากลูกบ้านต่างๆ จะให้ยกมือสนับสนุนกันแบบเปิดเผยก็ได้ หรือจะให้หย่อนบัตรเลือกก็ได้ แต่ข้อสำคัญก็คือ ไม่ต้องหาเสียง แต่ใช้วิธีร่วมประชุมพูดคุยตกลงกัน ดังนั้นจึงไม่มีการซื้อเสียง และไม่เคยมีปัญหา แต่ปัจจุบันเป็นการเลือกตั้งเต็มรูปแบบ การซื้อเสียงจึงเกิดขึ้น
ตั้งแต่ประเทศเรามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นต้นมา การทุจริต คอร์รัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบัน การทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นในทุกระดับและเกิดเป็นวงกว้าง จนการเรียกรับเงินจากประชาขนที่มาติดต่อขออนุญาตในเรื่องต่างๆจากส่วนราชการ กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นที่ยอมรับจากประชาชนว่า เพื่อให้ได้รับความสะดวก ก็ต้องจ่ายเงิน
นักรัฐศาสตร์อาวุโสและมีชื่อเสียงมากท่านหนึ่ง(ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม) ให้ความเห็นว่า ตราบใดที่นักการเมืองยังต้องซื้อเสียงเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง การทุจริตคอร์รัปชันไม่มีทางหมดไปได้ คำพูดดังกล่าวข้างต้นของอ.เจษฎ์ จึงไม่ใช่เป็นการต่อต้านประชาธิปไตยอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นคำพูดที่แสดงถึงความหมดหวังต่อระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ในประเทศไทยต่างหาก
จะว่าไปผมก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.นิว' เผยจิตวิญญาณประชาธิปไตยที่เรียกว่า 'ในหลวง' ทรงอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกวิกฤต
ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก จิตวิญญาณประชาธิปไตยที่เรียกว่า "ในหลวง" มีเนื้อหาดังนี้
'ก่อแก้ว' เปิดศึก 'ช่อ' ปลุกผีอนุรักษนิยมสร้างความเสียหายให้ฝ่ายประชาธิปไตย
นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้น.ส.พรรณิการ์ วานิช ว่าพวกคุณไปปลุก “ผีอ
2553 จากรัฐบาลที่ถูกบีบด้วยอาวุธ สู่ประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังเลือกจำ
เหตุการณ์ในรั้ว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อกลุ่มนิสิตบางส่วนชูป้ายว่า “สลายการชุมนุม 53 คนสั่งฆ่าอยู่นี่” ระหว่างที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี มาบรรยายพิเศษให้หลักสูตรปริญญาเอกสาขานโยบายสาธารณะ
จาก 'คนขายหมู' ถึงมติวุฒิสภา บทเรียนประชาธิปไตยและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
มติของวุฒิสภา 130 ต่อ 26 เสียง ให้ส่งเรื่องของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ไปยัง ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
ในประเทศที่เสรีภาพดังขึ้นทุกวัน แต่เสียงของมารยาทเบาลงเรื่อย ๆ
แผ่นดินไทยในยุคนี้เต็มไปด้วยเสียงของการแสดงออก ใคร ๆ ก็พูดได้ คิดได้ โพสต์ได้ และเชื่อว่าการส่งเสียงของตนคือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย
'กนก วงษ์ตระหง่าน' ชี้ 5 ความจริงของประเทศ โจทย์การเมืองที่ต้องแก้ไขด่วน
กนก วงษ์ตระหง่าน อดีตรองประธานคณะที่ปรึกษาขับเคลื่อนนโยบาย อดีตรมว.การพัฒนาสังคมฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง 5 ความจริงของประเทศที่ต้องแก้ไขด่วน

