เลือกตั้งซ่อม 'นักวิชาการ' วิเคราะห์ 4 เบอร์ โอกาสคว้าเก้าอี้ ส.ส.กทม. เขต 9

เลือกตั้งซ่อม

30 ม.ค.2565 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ เลือกตั้งซ่อม ส.ส.กรุงเทพ เขต 9 ผ่าน เฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้แล้วจะได้รู้กันว่า ชาวหลักสี่ กทม. จะเลือกใครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนคุณ สิระ เจนจาคะ

หากจะให้ประเมินความเป็นไปได้จากสภาพการณ์ล่าสุด ผู้สมัครที่จะมีโอกาสได้รับเลือกมากว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ในทัศนะของผมมี 4 คนคือ

หมายเลข 1 คุณ พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ พรรคไทยภักดี หมายเลข 2 คุณ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า หมายเลข 3 คุณ สุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย หมายเลข 7 สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ

สำหรับหมายเลข 6 คือคุณ กรุณพล เทียนสุวรรณ จากพรรรคก้าวไกล โอกาสที่จะชนะมีน้อยกว่า 4 คนแรก เหตุผลเพราะประชาชนจำนวนมากที่เคยศรัทธาพรรคอนาคตใหม่เมื่อตั้งพรรคใหม่ๆ แต่เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตรย์ เมื่อได้เห็นเจตนาที่แท้จริงของคนในพรรคนี้แล้ว แน่นอนว่าจะเปลี่ยนใจไปลงคะแนนให้พรรคอื่นที่ไม่แตะต้องสถาบัน และในขณะที่ฐานเสียงเดิมหดหายไป คะแนนเสียงจากคนใหม่ๆก็แทบจะไม่มีเพิ่มขึ้น ดังนั้นค่อนข้างแน่ว่าคะแนนเสียงที่พรรคก้าวไกลจะได้รับครั้งนี้จะลดลงจากครั้งที่แล้ว ซึ่งจะเป็นเช่นเดียวกับการเลือกตั้งช่อมที่ ชุมพร และสงขลา

ลองมาดูผู้สมัครที่มีโอกาสสูงทั้ง 4 คน

หมายเลข 1 คุณ พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัตชต์ เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน แต่คนที่เชื่อมั่นในตัวคุณหมอ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ซึ่งขณะนี้ทำงานหนักมาก น่าจะให้ความสนใจมาลงคะแนนให้ พรรคไทยภักดีแม้อาจได้เสียงจากฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ แต่คะแนนเสียงส่วนนี้ จะไม่มาที่พรรคไทยภักดีพรรคเดียว แต่จะมีส่วนหนึ่งแตกไปที่พรรคกล้า ซึ่งหัวหน้าพรรค คุณกรณ์ จาติกวณิช ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกัน

การประกาศจุดยืนว่า สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะทำให้กลุ่มคนที่ยังเหนียวแน่นกับพลเอก ประยุทธ์ แต่ไม่เอาพรรคพลังประชารัฐให้ความสนใจพรรคนี้

แม้คุณหมอวรงค์จะทำงานหนักและพรรคไทยภักดีจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าจะได้ส่วนแบ่งคะแนนเสียงที่เคยเป็นของพรรคประชาธิปัตย์สักกี่เสียง โอกาสชนะจะเป็นเท่าใดจึงอยู่ที่ว่า จะมีคนมาลงคะแนนเสียงทั้งหมดครั้งนี้มากน้อยเพียงใด หากมีคนมาลงคะแนนเสียงนอกเหนือจากฐานเสียงเดิมของพรรคการเมืองแต่ละพรรคเป็นจำนวนมาก หมายเลข 1 จะชนะได้ก็ต่อเมื่อคนในกลุ่มด้งกล่าวนี้เทคะแนนให้

หมายเลข 2 คุณ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดีเป็นนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักกันดี จากพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหัวหน้าพรรคก็เป็นนักการเมืองที่หลายคนฝากความหวังไว้ แต่เนื่องจากมีพรรคไทยภักดีเป็นคู่แข่ง ดังนั้นฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์จะแบ่งเป็น 2 ส่วนระหว่างพรรคกล้ากับพรรคไทยภักดี

การประกาศจุดยืนว่าไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการโฟกัสที่กลุ่มคนที่ไม่เอาคุณทักษิณ แต่ก็ผิดหวังกับพลเอก ประยุทธ์ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งอาจได้ผลก็ได้ แต่ก็เป็นเงื่อนไขเดียวกันกับพรรคไทยภักดี คือหากจะชนะได้จะต้องมีคนมาลงคะแนนเสียงเป็นจำนวนมาก และคนเหล่านั้นเทคะแนนมาที่พรรคกล้า

หมายเลข 3 คุณสุรชาติ เทียนทอง การที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจลงมาสนับสนุนเต็มที่ ทำให้ฐานเสียงเดิมของพรรคซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเพียงแพ้คุณ สิระ เจนจาคะ จากพรรคพลังประชารัฐไปเพียงประมาณ 3 พันคะแนนจะยังคงอยู่ ไม่มีการแตกไปไหน และคนที่นิยมพรรคเพื่อไทยเพราะนิยมคุณทักษิณก็ยังคงเหนียวแน่น ไม่ปันใจไปพรรคอื่นแน่ แม้หัวหน้าพรรคคนใหม่จะทำให้เสียรังวัดไปบ้างก็ตาม ดังนั้นหากคนมาลงคะแนนเสียงทั้งหมดครั้งนี้มีไม่มาก คิดว่าไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐจะชนะ แต่หมายเลข 3 นี่แหละจะชนะการเลือกตั้ง

หมายเลข 7 คุณสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ลงสมัครเป็นตัวแทนคุณสิระ เจนจาคะ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ชนะการเลือกตั้งไปอย่างเฉียดฉิว เพราะคนที่ไม่เอาคุณทักษิณ เทคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐ เพราะเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐและพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้นที่มีโอกาสเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ เพื่อไม่ให้คุณทักษิณกลับมามีอำนาจอีก

อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งครั้งนี้ สภาพการณ์แตกต่างออกไป ผู้คนที่เสื่อมศรัทธา และผิดหวังในพรรคพลังประชารัฐเป็นมีจำนวนมาก แม้ครั้งนี้จะพยายามจะเน้นย้ำว่า สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่คนที่ผิดหวังกับพลเอกประยุทธ์ และต้องการทางเลือกใหม่ก็มีไม่น้อย อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ หากพรรคพลังประชารัฐแพ้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเสถียรภาพรัฐบาลจะย่ำแย่ลงกว่านี้ หากพรรคที่ชนะคือพรรคไทยภักดีหรือพรรคกล้า เพราะจะอย่างไรทั้ง 2 พรรคนี้จะไม่เอาคุณทักษิณและไม่ไปร่วมกับฝ่ายค้านอยู่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้คะแนนเสียงที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐได้รับน่าจะน้อยลงกกว่าครั้งที่แล้ว ส่วนจะชนะหรือไม่บอกได้ยาก ขึ้นอยู่กับว่าฐานเสียงเดิมจะเหลืออยู่เท่าใด และพลังบริสุทธิ์จะเทคะแนนให้ใคร

แม้ไม่อาจบอกแบบฟันธงได้ว่า ใครจะเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะมีตัวแปรที่สำคัญคือ จำนวนคนที่จะมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และคนส่วนใหญ่ที่เป็นพลังบริสุทธิ์นี้จะเทคะแนนไปให้ผู้สมัครคนใด แต่ ณ ปัจจุบันต้องยอมรับว่า คุณ สุรชาติ เทียนทอง น่าจะมีโอกาสมากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ แม้จะยังไม่แน่นักก็ตาม

ทั้งหมดข้างต้น เป็นการวิเคราะห์จากมุมมองของผมคนเดียว ซึ่งอาจแตกต่างจากคนอื่น เราต้องรอดูตอนค่ำวันนี้ว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จริงๆจะออกมาเป็นอย่างไร

น่าสนใจและน่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะนั่นจะเป็นต้วบ่งชี้และเป็นตัวแปรทางการเมืองที่สำคัญ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)

กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ

เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน