30 ม.ค.2565 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ เลือกตั้งซ่อม ส.ส.กรุงเทพ เขต 9 ผ่าน เฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้แล้วจะได้รู้กันว่า ชาวหลักสี่ กทม. จะเลือกใครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนคุณ สิระ เจนจาคะ
หากจะให้ประเมินความเป็นไปได้จากสภาพการณ์ล่าสุด ผู้สมัครที่จะมีโอกาสได้รับเลือกมากว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ในทัศนะของผมมี 4 คนคือ
หมายเลข 1 คุณ พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ พรรคไทยภักดี หมายเลข 2 คุณ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า หมายเลข 3 คุณ สุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย หมายเลข 7 สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ
สำหรับหมายเลข 6 คือคุณ กรุณพล เทียนสุวรรณ จากพรรรคก้าวไกล โอกาสที่จะชนะมีน้อยกว่า 4 คนแรก เหตุผลเพราะประชาชนจำนวนมากที่เคยศรัทธาพรรคอนาคตใหม่เมื่อตั้งพรรคใหม่ๆ แต่เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตรย์ เมื่อได้เห็นเจตนาที่แท้จริงของคนในพรรคนี้แล้ว แน่นอนว่าจะเปลี่ยนใจไปลงคะแนนให้พรรคอื่นที่ไม่แตะต้องสถาบัน และในขณะที่ฐานเสียงเดิมหดหายไป คะแนนเสียงจากคนใหม่ๆก็แทบจะไม่มีเพิ่มขึ้น ดังนั้นค่อนข้างแน่ว่าคะแนนเสียงที่พรรคก้าวไกลจะได้รับครั้งนี้จะลดลงจากครั้งที่แล้ว ซึ่งจะเป็นเช่นเดียวกับการเลือกตั้งช่อมที่ ชุมพร และสงขลา
ลองมาดูผู้สมัครที่มีโอกาสสูงทั้ง 4 คน
หมายเลข 1 คุณ พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัตชต์ เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน แต่คนที่เชื่อมั่นในตัวคุณหมอ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ซึ่งขณะนี้ทำงานหนักมาก น่าจะให้ความสนใจมาลงคะแนนให้ พรรคไทยภักดีแม้อาจได้เสียงจากฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ แต่คะแนนเสียงส่วนนี้ จะไม่มาที่พรรคไทยภักดีพรรคเดียว แต่จะมีส่วนหนึ่งแตกไปที่พรรคกล้า ซึ่งหัวหน้าพรรค คุณกรณ์ จาติกวณิช ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกัน
การประกาศจุดยืนว่า สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะทำให้กลุ่มคนที่ยังเหนียวแน่นกับพลเอก ประยุทธ์ แต่ไม่เอาพรรคพลังประชารัฐให้ความสนใจพรรคนี้
แม้คุณหมอวรงค์จะทำงานหนักและพรรคไทยภักดีจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าจะได้ส่วนแบ่งคะแนนเสียงที่เคยเป็นของพรรคประชาธิปัตย์สักกี่เสียง โอกาสชนะจะเป็นเท่าใดจึงอยู่ที่ว่า จะมีคนมาลงคะแนนเสียงทั้งหมดครั้งนี้มากน้อยเพียงใด หากมีคนมาลงคะแนนเสียงนอกเหนือจากฐานเสียงเดิมของพรรคการเมืองแต่ละพรรคเป็นจำนวนมาก หมายเลข 1 จะชนะได้ก็ต่อเมื่อคนในกลุ่มด้งกล่าวนี้เทคะแนนให้
หมายเลข 2 คุณ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดีเป็นนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักกันดี จากพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหัวหน้าพรรคก็เป็นนักการเมืองที่หลายคนฝากความหวังไว้ แต่เนื่องจากมีพรรคไทยภักดีเป็นคู่แข่ง ดังนั้นฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์จะแบ่งเป็น 2 ส่วนระหว่างพรรคกล้ากับพรรคไทยภักดี
การประกาศจุดยืนว่าไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการโฟกัสที่กลุ่มคนที่ไม่เอาคุณทักษิณ แต่ก็ผิดหวังกับพลเอก ประยุทธ์ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งอาจได้ผลก็ได้ แต่ก็เป็นเงื่อนไขเดียวกันกับพรรคไทยภักดี คือหากจะชนะได้จะต้องมีคนมาลงคะแนนเสียงเป็นจำนวนมาก และคนเหล่านั้นเทคะแนนมาที่พรรคกล้า
หมายเลข 3 คุณสุรชาติ เทียนทอง การที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจลงมาสนับสนุนเต็มที่ ทำให้ฐานเสียงเดิมของพรรคซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเพียงแพ้คุณ สิระ เจนจาคะ จากพรรคพลังประชารัฐไปเพียงประมาณ 3 พันคะแนนจะยังคงอยู่ ไม่มีการแตกไปไหน และคนที่นิยมพรรคเพื่อไทยเพราะนิยมคุณทักษิณก็ยังคงเหนียวแน่น ไม่ปันใจไปพรรคอื่นแน่ แม้หัวหน้าพรรคคนใหม่จะทำให้เสียรังวัดไปบ้างก็ตาม ดังนั้นหากคนมาลงคะแนนเสียงทั้งหมดครั้งนี้มีไม่มาก คิดว่าไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐจะชนะ แต่หมายเลข 3 นี่แหละจะชนะการเลือกตั้ง
หมายเลข 7 คุณสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ลงสมัครเป็นตัวแทนคุณสิระ เจนจาคะ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ชนะการเลือกตั้งไปอย่างเฉียดฉิว เพราะคนที่ไม่เอาคุณทักษิณ เทคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐ เพราะเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐและพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้นที่มีโอกาสเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ เพื่อไม่ให้คุณทักษิณกลับมามีอำนาจอีก
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งครั้งนี้ สภาพการณ์แตกต่างออกไป ผู้คนที่เสื่อมศรัทธา และผิดหวังในพรรคพลังประชารัฐเป็นมีจำนวนมาก แม้ครั้งนี้จะพยายามจะเน้นย้ำว่า สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่คนที่ผิดหวังกับพลเอกประยุทธ์ และต้องการทางเลือกใหม่ก็มีไม่น้อย อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ หากพรรคพลังประชารัฐแพ้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเสถียรภาพรัฐบาลจะย่ำแย่ลงกว่านี้ หากพรรคที่ชนะคือพรรคไทยภักดีหรือพรรคกล้า เพราะจะอย่างไรทั้ง 2 พรรคนี้จะไม่เอาคุณทักษิณและไม่ไปร่วมกับฝ่ายค้านอยู่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้คะแนนเสียงที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐได้รับน่าจะน้อยลงกกว่าครั้งที่แล้ว ส่วนจะชนะหรือไม่บอกได้ยาก ขึ้นอยู่กับว่าฐานเสียงเดิมจะเหลืออยู่เท่าใด และพลังบริสุทธิ์จะเทคะแนนให้ใคร
แม้ไม่อาจบอกแบบฟันธงได้ว่า ใครจะเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะมีตัวแปรที่สำคัญคือ จำนวนคนที่จะมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และคนส่วนใหญ่ที่เป็นพลังบริสุทธิ์นี้จะเทคะแนนไปให้ผู้สมัครคนใด แต่ ณ ปัจจุบันต้องยอมรับว่า คุณ สุรชาติ เทียนทอง น่าจะมีโอกาสมากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ แม้จะยังไม่แน่นักก็ตาม
ทั้งหมดข้างต้น เป็นการวิเคราะห์จากมุมมองของผมคนเดียว ซึ่งอาจแตกต่างจากคนอื่น เราต้องรอดูตอนค่ำวันนี้ว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จริงๆจะออกมาเป็นอย่างไร
น่าสนใจและน่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะนั่นจะเป็นต้วบ่งชี้และเป็นตัวแปรทางการเมืองที่สำคัญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กกต.อวยคณะก้าวหน้า ‘ธีรยุทธ’ชงปมเลือกสว.
“อิทธิพร” เปิดติวเข้มเลือกตั้งสภาสูง ย้ำอย่าพยายามฝ่าฝืนกฎหมายเพราะโทษหนัก
ประธาน กกต. แจงความคืบหน้าเลือก สว. ชุดใหม่
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าของระเบียบ และประกาศกกต. เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า เสร็จไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยมี 1 ฉบับที่ส่งไปแล้ว และอยู่ระหว่างการ
'ไอติม' ถาม กกต.เมื่อไหร่ระเบียบ-ประกาศเรื่องเลือก สว.จึงจะเสร็จ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.)
วุฒิสภา นัดถกรายงานเสนอ กกต. แก้กฎหมายเลือกตั้ง-พรรค ใช้โซเชียลหาเสียง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมในวันที่ 9 เม.ย. โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจ คือ การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.
'ธนกร' ติง 'ชัยธวัช' พูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค
“ธนกร” ติง “ชัยธวัช” เป็นถึงทนายควรดูข้อกม.ให้ชัด อย่าพูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค มอง ตั้งใจลดทอนความเชื่อมั่นปชช.ต่อศาล ถาม มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ชี้ ใครทำผิดต้องยอมรับ ขออย่าก้าวล่วง
ไปอีกพรรค กกต.ประกาศให้สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่อง พรรคพลังไทรุ่งเรืองสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง