การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นศึกซักฟอกธรรมดา แต่เป็นการเปิดเกมการเมืองที่มีเดิมพันทั้งอำนาจ, ศักดิ์ศรี, และการทวงบัญชีแค้นที่สะสมจากอดีต
แม้พรรคประชาชนจะเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือบทบาทสำคัญของพรรคฝ่ายค้านอันดับสองอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งนำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” ที่ตัดสินใจก้าวออกมาเป็น “ขุนพลเอก” นำทัพสู้ศึกซักฟอกด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ภาพที่คุ้นตานัก เพราะ “บิ๊กป้อม” มักหลีกเลี่ยงการออกหน้าชนและมักตอบคำถามนักข่าวด้วยวลีคลาสสิก “ไม่รู้ๆ” แต่สำหรับศึกซักฟอกครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะ “รู้” และพร้อม “เปิดไพ่” สำคัญที่สามารถพลิกเกมการเมืองได้
พรรคพลังประชารัฐได้รับเวลาการอภิปรายทั้งหมด 2 ชั่วโมง โดยมี พล.อ.ประวิตร นำทีมอภิปรายร่วมกับ ส.ส. อีก 6 คน โดยมีประเด็นหลักที่พรรคเตรียมไว้ ได้แก่ ที่ดินอัลไพน์, กาสิโน-การพนันออนไลน์, MOU44 และชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
แต่ยังมีอีก 2 ประเด็นที่ถูกเก็บเป็น “ไพ่ลับ” ซึ่งยังไม่เปิดเผยว่าจะพุ่งเป้าไปที่เรื่องใด
“คอยฟังสิ คอยฟัง” คือคำตอบสั้นๆ ของ พล.อ.ประวิตร เมื่อถูกสื่อถามถึงประเด็นที่จะอภิปราย ขณะที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพปชร. ยืนยันว่า “บิ๊กป้อม” เตรียมพร้อมแล้วและ “จะไม่มีการพูดเยิ่นเย้อกินเวลา”
คำถามสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ อะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้ พล.อ.ประวิตร ตัดสินใจนำทัพอภิปรายเอง?
ในช่วงที่ คสช. เรืองอำนาจ พล.อ.ประวิตรได้รับการมองว่าเป็นศูนย์กลางของ “พี่ใหญ่ 3 ป.” แห่ง “บูรพาพยัคฆ์” แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หลายฝ่ายมองว่า “บิ๊กป้อม” คือผู้กำหนดยุทธศาสตร์และชี้นำทิศทางอำนาจเบื้องหลัง
สถานะของบิ๊กป้อมในช่วงนั้นไม่ต่างจาก “ผู้มากบารมี” ที่มีอำนาจและอิทธิพลอย่างกว้างขวางในแวดวงการเมือง การจัดการเรื่องต่างๆ ทั้งในภาครัฐ การทหารและกำหนดทิศทางของประเทศ
เป็นผู้จัดวางกลไกอำนาจ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกำหนดบทบาทของตัวละครทางการเมือง และสามารถดึงเส้นสายเครือข่ายอำนาจจากทั้งกองทัพ ตำรวจ และองค์กรอิสระให้อยู่ในมือ
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลบารมีของ “บิ๊กป้อม” เริ่มสั่นคลอนหลังจากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลสู่ยุครัฐบาลแพทองธาร พลังอำนาจที่เคยมั่นคงเริ่มเผชิญแรงกระแทกจากหลายปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสีย สส. จำนวนมากของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการ “แปรพักตร์” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่กลับไปอยู่ภายใต้ร่มเงาของทักษิณอีกครั้ง พล.อ.ประวิตร สูญเสียฐานกำลังสำคัญบางส่วน และภาพลักษณ์ของการเป็น “ผู้คุมเกม” ก็เริ่มถูกสั่นคลอน
การที่ พล.อ.ประวิตร ตัดสินใจอภิปรายด้วยตัวเอง นอกจากการทำหน้าที่ในฐานะ “ผู้แทนราษฎร” และ สส.ฝ่ายค้านแล้ว ยังอาจเป็นการต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีที่ถูกลดทอนจากหลายฝ่าย
โดยเฉพาะทักษิณ ชินวัตร ที่ได้กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร ในเชิงลดทอนความน่าเชื่อถือหลายครั้ง ตั้งแต่การกล่าวหาว่า “เคยมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.” หรือ “เคยขอตำแหน่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช.” ในยุคทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี
คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการโจมตีทางการเมือง แต่ยังเป็นการทำให้ “บิ๊กป้อม” ดูด้อยค่าต่อสาธารณะ
ขณะเดียวกัน บรรยากาศทางการเมืองในช่วงนี้พร้อมทั้งกระแสในโซเชียลต่างปรามาสว่า “บิ๊กป้อม” เป็นแค่ผู้สูงวัยที่ยืนแทบไม่ไหวและไม่สามารถทำอะไรได้มากในศึกซักฟอก
แต่ในความเป็นจริง ผู้ที่คิดว่า “บิ๊กป้อม” จะยอมให้ถูกลดทอนศักดิ์ศรีง่ายๆ อาจต้องคิดใหม่ ย้อนกลับไปในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งหนึ่ง “บิ๊กป้อม” เคยลุกขึ้นตอบโต้การอภิปรายฝ่ายค้านในสภาฯ ด้วยประโยคสั้นๆ แต่ทรงพลัง
เมื่อถูกกล่าวหาเรื่องรัฐประหาร เขาเพียงแค่ชี้นิ้วไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วกล่าวว่า “ผมไม่เกี่ยว นี่คนนี้ปฏิวัติ อย่าพูดไปเรื่อย” ฝ่ายค้านที่อภิปรายถึงกับเงียบกริบ
วันนี้ “บิ๊กป้อม” อาจไม่เพียงแค่ปกป้องตัวเองจากการโจมตีที่สะสมมาตลอด แต่ยังอาจมองหาจังหวะ “เช็กบิล” และ “เอาคืน” ทักษิณ ชินวัตร
เดิมพันของ พล.อ.ประวิตร ครั้งนี้จึงไม่เพียงแค่รักษาภาพลักษณ์ในฐานะผู้นำพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังเกี่ยวข้องกับอนาคตทางการเมืองและการทวงคืนศักดิ์ศรีที่เคยถูกลดทอน
หากหมัดนี้ “เข้าเป้า” ไม่เพียงแต่รัฐบาลจะสั่นคลอนและสร้างแรงกระเพื่อมให้กับเครือข่ายอำนาจของทักษิณ แต่ยังหมายถึงการกลับมาของ “ผู้มากบารมี” ที่เคยเป็นนักวางกลยุทธ์ในวงการการเมือง
แต่หากพลาด “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร” อาจต้องยอมรับความจริงที่ว่า เวลาบนเวทีการเมืองใกล้จะหมดลงแล้ว!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาแล้ว! ศาลฎีกาฯ นัด 30 เม.ย. ฟังคำร้อง 'ชาญชัย' ขอให้บังคับ 'ทักษิณ' รับโทษ
อดีต สส.ประชาธิปัตย์ไม่ถอย ยื่นศาลฎีกาฯ นักการเมือง รอบที่ 3 ขอให้ไต่สวนกรณี “ทักษิณ” ได้รับอนุญาตให้นอนโรงพยาบาลนอกราชทัณฑ์ ชี้อาจขัดต่อกฎหมายอาญา แม้ศาลเคยยกคำร้องมาแล้ว 2 ครั้ง นัดฟังคำสั่ง 30 เม.ย.นี้
สวนแรง! ลูกนอนใส่แว่นโชว์ไข้-พ่อปางตายอยู่ รพ. 6 เดือนไม่มีรูป
แพทองธาร ชินวัตร นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สวมแว่น–ใส่น้ำเกลือ บอกพ่อปางตายยังไม่มีภาพ ลูกเป็นไข้โชว์ซะเต็มตา
พปชร. เย้ยไม่บ้าลงเรือใกล้ล่ม รู้ทัน 'ทักษิณ' ห่วงลูกโดนสอย ไม่กล้าทิ้ง ภท.
'ชัยวุฒิ' เปรียบรัฐบาลเหมือนเรือใกล้ล่ม ใครคิดจะไปลงก็บ้าแล้ว ย้ำ พปชร. ชัดเจนไม่เอากาสิโน 'ทักษิณ' ห่วงลูกโดนสอย ยังไม่กล้าทิ้ง ภท. รอจับมือพรรคส้มเลือกตั้งครั้งหน้า
ดร.เสรี ถามกลับคนเคยด้อยค่า 'ลุงตู่' แล้ว ผู้นำไถ iPad อ่านโพยผิดๆ ควรเรียกอะไร
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ซัดคนที่เคยดูแคลน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไร้ศักยภาพ เปรียบเหมือนได้ รปภ.ขับเครื่องบิน ลั่น “ลุงตู่” มีผลงานเป็นรูปธรรม แต่กลับมี “ผู้นำบางคน” อ่านโพยผิด พูดไม่รู้เรื่อง พาประเทศขายหน้า ซ้ำเจอผู้นำต่างประเทศเลี่ยงไม่เสวนาด้วย
สองตระกูล หนึ่งผลประโยชน์: เบื้องหลังสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
ในขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของไทย เดินทางเยือน ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ 23-24 เมษายน 2568 ในวาระ ครบรอบ
🛑LIVE ข้าศึกประชิดรั้ว | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน 2568