
เชื่อ ‘อิ๊ง’ หวั่นวิตกซักฟอก วุ่นสร้างภาพฝืนยิ้มซ่อนหน้าชื่นอกตรม ชี้ ‘ประวิตร’ อภิปรายฯ ตามถนัด พูดน้อยเน้นเนื้อหาลึกและลับ คาดงัดเบื้องหลังดีลเขย่าตัวเป้งเพื่อไทยหวาดผวา ฟาดผู้มีอำนาจนอกรัฐบาลเอาแต่สร้างฝันใหม่ล้างฝันเก่า หลอกคนจนล่องลอยไปตามลมแล้งๆ ขออดใจรอทัพภาค ปชช.นอกสภา ขย่มภาวะผู้นำ นายกฯ ผู้ถูกครอบงำ รอหลังซักฟอกจบลงไม่นานวัน
23 มี.ค.2568- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จะเริ่มขึ้นในเวลาประหลาดของเช้า 8 โมงวันที่ 24 มี.ค.นี้ ยิ่งใกล้วัน นายกฯ ยิ่งสะท้อนอาการวิตกกังวลกับถูกอภิปรายฯ ครั้งแรก แม้แสร้งโชว์ภาพฝืนยิ้มพร้อมสู้ศึกการเมือง แต่อาจเป็นอาการกลบใจซ่อนหน้าชื่นอกตรมไว้ภายใน
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้มากประสบการณ์ ผ่านร้อนหนาวตำแหน่งการเมืองมากมาย และพูดในสภาน้อยมาก ซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลาสั้นๆ ส่วนการอภิปรายฯ ครั้งนี้มีสัญญาณว่า จะลุกอภิปรายฯ เป็นครั้งแรก เพื่อไม่ไว้วางใจนายกฯ ที่อ่อนด้อยภาวะผู้นำ
อีกทั้งเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร จะเล่นงานปัญหาของนายกฯ เกี่ยวกับข้อมูลลับเบื้องลึกการครอบครองสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่ไม่เคยเป็นข่าวมาก่อน ชนิดต้องอึ้งนิ่งมึนกันทั้งสภา นอกจากนี้จะพูดในด้านความมั่นคง และดีลอำนาจต่างๆ ทั้งก่อนและหลังยึดอำนาจปี 57 ดังนั้น นักการเมืองระดับใหญ่ตัวเป้งย่อมวิตกกังวลกับการพูดครั้งนี้
“แม้ พล.อ.ประวิตร ใช้เวลาพูดในสภาไม่กี่นาที ซึ่งไม่ใช่พูดไม่เป็น แต่ต้องการพูดแค่นั้น ดังนั้น นักการเมืองตัวเป้งของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะอยู่นอกกระดานหรือในกระดานก็ตาม ที่รู้จักมักคุ้นกันดีต้องวิตกหวาดหวั่นกันแน่นอน เพราะรู้ว่าทุกคำพูย่อมไม่ธรรมดา”
ถามว่าพรรคเพื่อไทยเยาะเย้ยถากถางดูแคลนพรรคประชาชนจะถูกยุบพรรคอีกนั้น นายจตุพร ย้อนว่า เป็นการพูดของคนทุเรศน่าอับอายสิ้นดี เพราะไม่จดจำอดีตพรรคเพื่อไทยเคยถูกยุบมาแล้วถึง 2 ครั้งเช่นกัน ดังนั้น นักการเมืองเก่าต้องจดจำความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันนี้ไว้ และไม่ควรพูดดูถูกกันทางการเมืองแบบเอาแต่ดีแต่ได้
นอกจากนี้ เวลาอภิปรายฯ นายกฯ ยังเป็นการเมืองที่ประหลาด เมื่อฝ่ายรัฐบาลกำหนดให้เริ่มพูดตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงตีห้าครึ่ง และที่สำคัญนายกฯ ถูกอภิปรายฯ คนเดียว ยังแสดงภาวะผู้นำแปลกๆ จะหนีไปนอน ไม่อยู่ฟังหรือชี้แจงข้อกล่าวหา ของฝ่ายค้าน แบบนี้สะท้อนถึงภาวะผู้เสพสุขและหลบเลี่ยงปัญหา
สิ่งสำคัญ รองนายกฯ หรือ รมต.คนอื่นจะลุกขึ้นตอบแทนไม่ได้ ต้องให้นายกฯ แสดงความสามารถทางสมองตอบเอง เพราะเป็นการอภิปรายฯ นายกฯ ยิ่งถ้าภาวะผู้นำถูกผู้มีบารมีนอกรัฐบาลคอยชี้นำนโยบายต่างๆ โดยล่าสุดบอกคิดแบบดังๆ จะซื้อหนี้ประชาชนยิ่งเป็นการลดทอนความสามารถทางสมองและภาวะผู้นำของนายกฯ ที่มีน้อยนิดต้องหดหายลงไปอีกจนแทบปลิดทิ้ง แล้วอยู่ในสภาพคิดเองไม่เป็น กลับได้เป็นนายกฯ ถูกคนนอกรัฐบาลครอบงำ
“เราเหมือนมีอำนาจซ้อนอำนาจอยู่ตลอดเวลา คนไม่มีอำนาจอะไรเลยพูดได้ทุกเรื่องจะเอาค่าไฟลดลงเหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย แล้วทำไมไม่ทำ ถ้าค่าไฟฟ้าลงได้จริงทำไมไม่ให้นายกฯ พูด และ รมต.พลังงาน ก็นั่งทำตาปริบๆ กันอยู่ ซึ่ง รมต.ก็พร้อมอยู่แล้ว แล้วทำไมไม่ทำ ลงมือทำสิ”
นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องบางเรื่องนั้น แม้เคยพูดสร้างความฝันประชาชนว่า จะทำทันที แต่เลยเวลาเป็นรัฐบาลมานานแล้ว กลับทำไม่ได้ ดังนั้น จึงเป็นแต่การสร้างฝันให้ประชาชนผู้เดือดร้อนเป็นทาสความหวังลมๆ แล้งๆ กับคำพูดเท็จทางการเมือง ยิ่งประกาศสร้างบ้านเพื่อคนไทย โชว์แถลงใหญ่โต แล้วขณะนี้ทำได้กี่ยูนิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับการอภิปราย ฯ ครั้งนี้ เชื่อว่า นายกฯ และพรรคเพื่อไทยมีความวิตกแน่นอน เพราะต้องยอมรับความจริงส่วนหนึ่งที่อำนาจและผลประโยชน์ถูกใช้ไปทำลายแต่ละกระบวนการยุติธรรมและการตรวจสอบ ซึ่งความลับไม่มีในโลก แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะเหลืออะไร เมื่อกฎหมายไม่เป็นกฎหมายสามารถเปลี่ยนคำพิพากษาของศาลได้ เปลี่ยนกระทั่งไม่ต้องติดคุกสักวัน เหนืออื่นใดยังกล้าไม่ทำตามพระบรมราชโองการฯ ลดโทษ
“ในสถานการณ์การเมืองที่เปราะบางขณะนี้ อย่าไปปรามาสเนื้อหาการอภิปรายฯ ของฝ่ายค้าน หากพรรคประชาชนประกาศเอาจริงแล้ว เชื่อว่า เนื้อหาที่ถูกนำมาพูดในสภาจะทำให้อึ้งกันแน่นอน ส่วนการประท้วงของพวกองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการประชุม ย่อมขาดสติและจะเป็นตัวตลกในสายตาประชาชนไป”
การสร้างบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ประชาชนความหวั่นวิตกว่า จะทำให้สถาบันหลักของชาติ และความมั่นคงของประเทศ รวมถึงคุณภาพประชาชนอ่อนแอหรือแข็งแรง? ซึ่งวิญญูชนย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ในอนาคตยากจะหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติได้ การสร้างบ่อนกาสิโนเป็นการคิดเอาแต่แก้ปัญหาการเงิน โดยใช้เงินเป็นข้ออ้างนำหน้า ส่วนวิถีสังคมทุกอย่างสุ่มเสี่ยงสูญหาย ดังนั้น ถ้าประเทศไม่ตั้งหลักกันให้ดีแล้ว เราจะไม่เหลืออะไรที่เป็นสิ่งดีๆ ไว้ให้ลูกหลายชื่นชม สืบสานกันเลย
เชื่อว่า หลังการอภิปรายฯ จบแล้ว พรรคการเมืองต้องประเมินสถานการณ์กันให้ดี ยิ่งการสร้างความฝันจากความเท็จล้วนเป็นอุปทานที่ผิด ย่อมนำพาบ้านเมืองไปสู่ความเสียหายย่อยยับ ดังนั้น หลังการอภิปราฯ ครั้งนี้ จะเกิดสภาวะการณ์กรรมตามทัน โดยสิ่งที่ได้มาอย่างไรก็จะไปอย่างนั้น
นายจตุพร เปรียบเทียบว่า การสร้างภาพซอฟพาวเวอร์โชว์ใส่การเกงทรงหลวมลายของดีประจำจังหวัดพร้อมเสื้อสูทยิ่งดูประดักประเดิดน่าอับอาย ซึ่งวิธีสื่อภาพลักษณ์แบบคิดง่ายๆ กลับทำไม่ได้ แล้วนโยบายที่เป็นเรื่องยากจะนำมากล่าวโชว์กันอย่างไร
“ถึงที่สุด เมื่อทำไม่ได้ กลับสร้างฝันใหม่ต่อเนื่องไป เพื่อกลบเกลื่อนให้คนลืมฝันเก่าวันแล้ววันเล่า และบ้านเมืองเราจะมีผู้ปกครองแบบนี้กันจริงหรือ? ดังนั้น ประเทศถ้าไม่สังคยนาประชาธิปไตยกันใหม่ก็จะไม่เหลืออะไร และยากจะพัฒนาประเทศได้เลย อีกทั้งไทยเดินมาถึงจุดเป็นประเทศที่ต่างชาติน่าจะมาลงทุน กลับหนีหายหน้าไปลงทุนในประเทศเวียดนามมากขึ้น ซึ่งเวียดนามปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์เป็นคู่ขัดแย้งกับอเมริกาและยุโรป ต่อสู้ทำศึกกันรุนแรง แต่วันนี้ต่างชาติกลับไปลงทุน เพราะมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งสิ่งสำคัญอยู่ที่เอาจริงเอาจังกับการปราบทุจริตคอร์รัปชัน
ส่วนไทยปล่อยปละละเลยทำเฉยชาและยื้อให้คนมีคดีทุจริตได้อยู่ในตำแหน่ง ใช้งบประมาณรัฐ โดยโครงการก่อสร้างอาคารแล้วปล่อยทิ้งร้างไม่ตรวจสอบความผิดนำคนทุจริตมาลงโทษ ซึ่งวิถีที่แตกต่างเช่นนี้ ทำให้ต่างชาติขาดความน่าเชื่อถือ จึงหนีไปลงทุนในประเทศที่เข้มงวดและเอาจริงเอาจังกับการปราบทุจริตมากกว่า
ดังนั้น ในอนาคต ไทยอาจมีสภาพแค่แหล่งฟอกเงิน อีกอย่างเมื่อผลักดันบ่อนกาสิโนยิ่งเน้นเสริมให้เกิดอบายมุขทำลายสังคมยิ่งขึ้น ประชาชนย่อมสูญสิ้นคุณภาพ การลงทุนจึงหนีหายไปประเทศอื่น ดังนั้น ไทยจึงล้าหลังความน่าเชื่อถือ ถูกจัดอยู่อันดับรั้งท้ายกลุ่มอาเซียน โดยชนะแค่พม่าประเทศเดียวเท่านั้น
“หลักของบ้านเมืองถูกทำลายยับเยินหมด จะสร้างบ่อนกาสิโน จะซื้อหนี้คนไทยโดยเอกชนก็ไม่รู้เป็นใครมาซื้อ และคนพูดก็ไม่รู้มีอำนาจรับผิดชอบอะไร เป็นบ้านเมืองที่ไร้หลัก คนนอกอำนาจรัฐบาลมักโอ่อวดความสำเร็จ หากเก่งจริงปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ได้อย่างไง เล่นกันสนุกสนาน พูดเท็จสร้างฝันจนบ้านเมืองขาดหลักการปกครองที่ดีนำพา เราจะปล่อยประเทศกันอย่างนี้เหรอ”
นายจตุพร กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เมื่อ ครม.เลื่อนประชุมไปเป็นวันพฤหัส (27 มี.ค.) จึงขอชวนประชาชนมารวมตัวแสดงกำลังที่หน้าทำเนียบหนุนเสริมพลังกลุ่ม คปท. กองทัพธรรม และเครือข่ายอื่นๆ ที่ปักหลักอยู่แล้ว โดยเราจะไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล
“หลังการอภิปรายฯ นายกฯ คงไม่นานนัก จะถึงคิวภาคประชาชนเปิดอภิปรายนอกสภาสำทับอีกที เพื่อจะฉายให้เห็นว่า ในหลายเรื่องราวไม่อาจปล่อยให้บ้านเมืองเดินไปถึงจุดรัฐล้มเหลวได้ เพราะการหาประโยชน์ในปัจจุบัน ไม่รับผิดชอบอนาคตคืออันตรายของชาติบ้านเมือง ดังนั้น เราจะรอให้ประชาชนตื่นตัวกัน ตื่นวันไหนก็วันนั้นประชาชนจะลุกสำแดงพลังเพื่อนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จบไม่สวยสักคน 'จตุพร' เตือนการเมืองแบบเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียนอย่างที่เห็น
'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย มาแบบไหน ไปแบบนั้น ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง
'จตุพร' ฟาด กกต.ขี้โม้ อวดจัดเลือกตั้งกลางสนามรบ แนะเลื่อนรับสมัครสส. ไปปีหน้า
'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง
'ชัยวุฒิ' ซัดฝ่ายอยากแก้รัฐธรรมนูญ ทำการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะชะงักงัน
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหน้าพรรครักชาติ กล่าวภายหลังที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาว่า ผลกระทบจากเกมการเมืองของฝ่ายที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่ได้แก้ในสิ่งที่ต้องการจนนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าผลลัพธ์คือการที่นายกรัฐมนตรียื่นยุบสภาฯ
'อนุทิน' แจงยุบสภาตามข้อเรียกร้องพรรคประชาชน ยืนยันไม่ได้หนีซักฟอก
"อนุทิน" เตรียมทาบทาม "เอกนิติ-ศุภจี" เป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการ โต้เพื่อไทยไม่ได้หนีการตรวจสอบ แต่ยังไม่มีการยื่นซักฟอก ย้ำยุบสภาตามข้อเรียกร้องพรรคประชาชน รับ 15 ธันวาคมนี้เปิดตัว “วราวุธ” ซบพรรคสีน้ำเงินอย่างเป็นทางการ
สะพัด ‘อนุทิน’ ชิงทูลเกล้าฯยุบสภา ตัดหน้า ‘ปชน.’ ยื่นซักฟอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชนที่เรียก สส. ให้ร่วมลงชื่อในญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งสืบ
ปชน. ยื่นซักฟอก หลังแพ้โหวตคงอำนาจ สว. 1 ใน 3 แก้ รธน.
บรรยากาศจากอาคารรัฐสภา ว่า ภายหลังจากการโหวต มาตรา 256/28 ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่เห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก ในการใช้เสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา เห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ

