'อดีตผู้พิพากษา' ยก 6 เหตุผล คดีทักษิณชั้น 14 จะขอให้ไต่สวนเป็นการลับได้หรือไม่

9 ก.ค.2568 - นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง คดีทักษิณชั้น 14 จะขอให้ไต่สวนเป็นการลับได้หรือไม่ มีเนื้อหาดังนี้
----
ในการไต่สวนคดีทักษิณชั้น 14 นัดที่สาม เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนพยานรวม 9 ปาก ซึ่งเป็นพัศดีและเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยในช่วงเช้า ไต่สวนพยาน 5 ปาก เป็นพัศดีและเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม 2566 -23 สิงหาคม 2566 เกี่ยวกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาด จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนในช่วงบ่าย ไต่สวนพยาน 4 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมบริเวณหน้าห้องรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

หลังไต่สวนเสร็จ ศาลสั่งเลื่อนไปไต่สวนต่อในวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น. ตามที่นัดไว้เดิม และเนื่องจากในนัดที่แล้ว ศาลมีคำสั่งให้คู่ความและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีงดเว้นการเผยแพร่โฆษณาคำเบิกความพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ศาลไต่สวน แต่ปรากฏว่ายังมีผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีและผู้สื่อข่าวบางรายนำคำเบิกความพยานไปไปโฆษณาเผยแพร่ต่อสาธารณชนผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ศาลกำชับคู่ความและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด

อนึ่ง มีรายงานข่าวว่า ในการไต่สวนครั้งนี้ ทนายจำเลยขอให้ศาลไต่สวนเป็นการลับ แต่ศาลไม่อนุญาต

จึงมีประเด็นที่น่าสนใจว่า การพิจารณาคดีเป็นการลับคืออะไร และมีหลักเกณฑ์อย่างไร
ผู้เขียนมีความเห็นดังนี้

1)โดยปกติ การพิจารณาคดีแพ่ง จะต้องกระทำต่อหน้าคู่ความที่มาศาลและโดยเปิดเผย (ป.วิ.พ. มาตรา 36) ส่วนคดีอาญา จะต้องทำโดยเปิดเผยและต่อหน้าจำเลย (ป.วิ.อ. มาตรา 172) ประชาชนทั่วไปจึงสามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีของศาลได้ แต่มีข้อยกเว้นบางประการที่ศาลมีอำนาจสั่งให้พิจารณาเป็นการลับได้

2) ในคดีแพ่ง เหตุที่ศาลจะสั่งให้พิจารณาเป็นการลับได้คือ เพื่อความเหมาะสม หรือเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ เช่น คดีละเมิดจากการจากถูกข่มขืน ฟ้องขอหย่า ฟ้องชายชู้ หรือคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

3) ในดีอาญา เหตุที่ศาลจะสั่งให้พิจารณาเป็นการลับได้คือ เพื่อประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันความลับอันเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศมิให้ล่วงรู้ถึงประชาชน (ป.วิ.อ. มาตรา 177) เช่น คดีข่มขืนกระทำชำเรา คดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (ป.อาญา ม.112) คดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความปลอดภัยมั่นคงของราชอาณาจักร (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2518)

4) แม้ศาลจะสั่งให้พิจารณาเป็นการลับ แต่บุคคลเหล่านี้มีสิทธิอยู่ในห้องพิจารณาได้ คือ (1) โจทก์และทนาย (2) จำเลยและทนาย (3) ผู้ควบคุมตัวจำเลย (4) พยานและผู้ชำนาญการพิเศษ (5) ล่าม (6) บุคคลผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องและได้รับอนุญาตจากศาล และ (7) พนักงานศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ศาลแล้วแต่จะเห็นสมควร (ป.วิ.อ. มาตรา 178)

5) มีปัญหาว่า กฎหมายที่ให้อำนาจแก่ศาลในการสั่งให้พิจารณาคดีอาญาเป็นการลับได้ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 30/2554)

6) คดีทักษิณชั้น 14 ไม่ได้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันความลับอันเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศมิให้ล่วงรู้ถึงประชาชน จึงไม่เข้าเหตุที่ทนายจำเลยจะขอให้ศาลฎีกาไต่สวนเป็นการลับได้ ที่ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ไต่สวนเป็นการลับ จึงชอบแล้ว

อันที่จริง การพิจารณาคดีทักษิณชั้น 14 โดยเปิดเผย จะทำให้ประชาชนได้รู้ว่ามีความลับอะไรที่ซ่อนไว้มานานแล้วหรือไม่ ผลการพิจารณาย่อมจะทำให้ประชาชนมีความเชื่อถือและศรัทธาในองค์กรตุลาการ

วัส ติงสมิตร
นักวิชาการอิสระ
9/7/68

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อดีตผู้พิพากษา' อธิบาย 'ปิดงานงดจ้าง' กับ 'หยุดกิจการ' เหตุข้อพิพาทแรงงาน 'ไดกิ้น '

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ปิดงานงดจ้างกับหยุดกิจการ มีเนื้อหาดังนี้

'อดีตผู้พิพากษา' ชำแหละ MOU 2543 เครื่องมือทางการทูต หรือ กับดักทางการเมือง

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ MOU 2543 : เครื่องมือทางการทูต หรือกับดักทางการเมือง มีเนื้อหาดังนี้

'รัดเกล้า' สวน บก.ลายจุด ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ขึ้น ศาลฎีกาฯแผนกคดีอาญา หากถูกกล่าวหาทุจริต

ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในการปฏิบัติหน้าที่ จะไม่ขึ้นศาลอาญาทั่วไป แต่จะต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ย้อนแย้ง 'อดีตประธานกสม.' แฉ 'นักสิทธิมนุษยชน' กลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิของผู้อื่น

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า เมื่อ “นักสิทธิมนุษยชน” กลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิของผู้อื่น?