'นายกฯ อนุทิน' ยืนยันพร้อมผลักดันประเทศยึดหลักนิติธรรม ย้ำ รบ.นี้ไม่ทำเพื่อบางคน ลั่นไม่กลั่นแกล้งใครทางการเมือง-ไม่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมชี้เป็นชี้ตายคนอื่น พร้อมให้คำมั่น 4 เดือน จะไม่สูญเปล่า
08 ต.ค.2568 - สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ถนนแจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในเวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3 หัวข้อ “หลักนิติธรรม : วาระแห่งชาติเพื่อความสามารถในการแข่งขันของไทย” ว่า เวทีนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของชาติได้มาร่วมกันมองอนาคตและขับเคลื่อนให้หลักนิติธรรมเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นพื้นฐานของความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้จริงในอนาคตอันใกล้
นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เชื่อในเรื่อง Rule of law หลายๆท่าน เคยทำงานด้วยกัน ถ้ามีคนอธิบายได้ในเรื่องของกฎหมายก็จะเชื่อในสิ่งนั้น เพราะถูกใส่ความคิดมาว่าต้องเป็น ยึดถือและเชื่อมั่นในกฎหมาย และได้ยึดถือแนวคิดนี้มาโดยตลอด ความคิดนี้ทำให้อยู่รอดได้และประสบความสำเร็จพอสมควร ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทำ ไม่ว่าจะในสมัยยังประกอบธุรกิจจนมารับใช้บ้านเมืองในฐานะนักการเมือง และเป็นรัฐมนตรีที่ต้องมาบริหารราชการแผ่นดิน
นายกฯ กล่าวว่า พื้นหลังเป็นวิศวกร นั่นคือการวางรากฐานที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคารโครงสร้างต่างๆ ที่ถนัด หรือการก่อตั้งองค์กรใดๆ หรือการพัฒนาใดๆ จะความสำคัญของเรื่องรากฐานที่มั่นคงก่อนเสมอ
และในความเป็นวิศวกรนั้น เชื่อว่าหลักความยุติธรรม เป็นเสมือนเสาเข็มที่สำคัญของทุกสังคม เพราะพวกเราทุกคน นอกจากจะต้องมีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตในแต่ละวันแล้วเราต้องมีกฎหมายเป็นที่พึ่ง และกฎหมายต้องอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกคน
นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้สิ่งที่คนกลัวว่าพวกตนเองจะมาใช้อำนาจในการที่จะเป็น Justice for some (ความยุติธรรมสำหรับบางคน) จะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ แต่ขอยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลที่เป็นหัวหน้าอยู่ และปล่อยให้กลไกยุติธรรมดำเนินไปตามครรลองที่ควรจะเป็น
“มนุษย์ทุกคนต้องการความเป็นธรรม และถ้าองค์กรใดมีความไม่เป็นธรรมก็จะมีการแสดงออกหลายอย่าง และเมื่อความเป็นธรรมไม่เกิด ก็จะเกิดการจลาจลขึ้นมา ดังนั้นเรื่องหลักนิติธรรมเป็นเรื่องตั้งแต่ในบ้าน ตั้งแต่เกิด จนเจริญเติบโต ทำงานเข้าสู่สังคมและอยู่ในการบริหารประเทศ ถ้าไม่มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผลลัพธ์ก็คือความจลาจลความวุ่นวาย ความยุ่งเหยิง ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีใครชนะ ถ้าไม่ยุติธรรมก็จะเกิดความพ่ายแพ้ ซึ่งไม่มีประเทศใดที่ต้องการสิ่งเหล่านี้”
นายกฯ กล่าวว่า ความเป็นธรรมก็คือรากฐานความเป็นปกติสุขของสังคมมนุษย์ ไม่มีประเทศใดในโลกจะแข่งขันได้อย่างยั่งยืน หากขาดหลักนิติธรรมที่มั่นคงการสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแรงต้องอาศัยกฎหมายที่มีความมั่นคงแน่นอนและคาดเดาได้ นักลงทุนที่เราต้องการชักชวนเข้ามาต้องมีความไว้วางใจและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและสังคมที่สงบสุขที่ตั้งอยู่บนความเชื่อมั่นว่ากฎหมายทั้งหลายในประเทศนั้นนั้นจะถูกใช้เพื่อความเป็นธรรม หลักนิติธรรมสำหรับตนเงนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย แต่คือเรื่องของวัฒนธรรมแห่งความเป็นธรรม ที่จะต้องปลูกฝังให้ดีอยู่ในทุกสังคมเพื่อให้เรามีสังคมที่เป็นธรรมและมีระบบที่ทุกคนเชื่อมั่นและยึดถือและคนที่ใช้กฎหมายนั้นยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องทุกประการ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องของความเหลื่อมล้ำกัน ขาดเสถียรภาพทางการเมืองและปัญหากลไก การปกครองเรื่องความปลอดภัย สแกมเมอร์ ยาเสพติดกำลังคุกคามประเทศ หน่วยงานของรัฐเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องรักษาและยึดหลักนิติธรรมอย่างเข้มแข็งต้องมีความกล้าหาญที่จะบังคับกฎหมาย โดยความถูกต้องเที่ยงธรรม ไม่ถูกครอบงำและชักจูงให้ใช้กระบวนการยุติธรรมมาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือกลั่นแกล้งบุคคลใดที่คิดว่าเป็นปฏิปักษ์กับตนเอง อย่างนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ยุติธรรมเพื่อทุกคน จึงต้องหาคำบัญญัติ เพราะใครก็ช่วยใครไม่ได้ และใครจะทำให้คนนั้นผิดก็ไม่ได้ ถ้าเขาถูก เมืองไทยต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราจะได้อาศัยอยู่ในประเทศที่มีหลักกฏหมายคุ้มครองได้อย่างเต็มที่ คนจะทำดีจะได้ไม่ต้องเกรงกลัว สิ่งที่อันตรายคือคนเก่ง คนดี ไม่กล้าทำสิ่งที่ดี เพื่อส่วนรวม เพราะเกรงกลัวกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมไปทำอันตรายเขา ทำเขาไม่ได้ ก็ไปทำคนใกล้ชิดเขา สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดอยู่ ดังนั้นเรามีหน้าที่ที่จะต้องตัดให้สิ้นซาก
นายกฯ กล่าวว่า ในการแถลงนโยบายให้ความสำคัญเรื่องการรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด เรื่องการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐในกรณีการใช้กฎหมายหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือการละเว้นการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินการป้องกันปราบปรามยาเสพติดบ่อน การพนันอาชญากรรมข้ามชาติไทยไซเบอร์การหลอกลวงประชาชนนั้นเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงและต้องดำเนินการทางอย่างเด็ดขาดรวมทั้งการขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจังเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาชาติ บทเรียนจากทั่วโลกชี้ตรงกันว่าหากหลักนิติธรรมหมอแนบประเทศนั้นจะไม่สามารถรักษาความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้นักลงทุนหนีหาย ในอีกทางหนึ่งพูดได้ว่าหลักนิติธรรม คือต้นทุนสำหรับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
ซึ่งประเทศไทยในวันนี้ เรากำลังอยู่ในเส้นทางของการพยายามเข้าร่วมเป็นสมาชิก Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) ซึ่งอย่างที่เราทราบกัน การจะเป็นประเทศสมาชิกใน OECD ได้ จะต้องมีความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ธรรมาภิบาล และหลักนิติธรรม
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องการให้ประเทศเราไปถึงจุดนั้น ตนเป็นประเภท ครม. และ คร.มู (สายมู) เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดูโหงวเฮ้ง ใครเป็นคนจริงใจ หรือตักตวงเอาเปรียบดูออก เอาว่ามากกว่า 80% และดูไม่ค่อยพลาดที่พลาดคือแกล้งเซ่อ แต่ถ้าแกล้งเซ่อแต่ผลักดันประโยชน์อื่นๆ ของบ้านเมืองต่อไปได้เราก็ยอมที่จะแกล้งเซ่อ ฉะนั้นขอให้มั่นใจจะใช้ทุกองค์คาพยพ ในการเข้ามาบริหารบ้านเมือง
นายกฯ ระบุ ในเรื่องการแก้ปัญหาคอร์รัปชันจะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกคนทราบดีคอร์รัปชันคือ ขัดขวางทุกอย่างคนที่ตั้งใจดี มาเจอคอร์รัปชัน บางทีท้อถอยก็มี เพราะดูไปแล้วมันจะลงไปยากแต่เราต้องลื่นต้องไม่ยอมแพ้ ความถูกต้องต้องชนะเสมอ ต้องทะลวงสิ่งนี้ไปให้ได้รัฐบาลต้องทำทุกอย่างไม่ให้เกิดช่องโหว่ของกฎหมาย
“ถ้าพวกผมผิดตอนเป็นฝ่ายค้านก็ต้องผิด มาเป็นรัฐบาลก็ต้องผิด ต้องดำเนินคดีให้ได้ ไม่ใช่พอมาอยู่ตรงนี้ช้าลง ขออย่าช้าใครทำช้า ผมเอาเรื่องหนักยิ่งกว่าอีก เพราะผมทนไม่ได้กับกระบวนการยุติธรรม ที่ทำเพื่อวัตถุประสงค์ ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อย่างนั้นมันยิ่งกว่าเผด็จการ ชี้เป็นชี้ตายคนได้ คนที่ทำอย่างนี้ได้ต้องไม่เหลืออะไร เพราะคนที่มีอำนาจสูงสุด ประชาชนเลือกมาจะมา ชี้เป็นชี้ตายและชี้อนาคตทิศทางประเทศไม่ได้เด็ดขาดสิ่งเหล่านี้ ผมจะไม่มีวันยอมให้เกิด“
ทั้งนี้ในฐานะนายกฯ ทราบดีว่าการฟื้นฟูโครงสร้างเชิงระบบและหลักนิติธรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้เวลาต้องอาศัยความต่อเนื่อง แต่อยู่ที่รัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้พวกท่านต้องช่วยกันให้ความร่วมมือ ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้ ใน 4 เดือนของรัฐบาลชุดนี้จะไม่เป็น 4 เดือนที่สูญเปล่า แต่จะเป็น 4 เดือนที่พวกตนเองตอกเสาเข็มวางวางฐานรากและสร้างโรดแมปให้รัฐบาลหน้าซึ่งจะต้องถูกกรอบของระบบที่พวกท่านได้วางไว้ สร้าง ไว้จะบังคับให้รัฐบาลใดๆก็ตามได้เดินต่อไป เพื่อทำให้ประเทศไทยของเรามีรากฐานที่มั่นคง และสามารถ ไปแข่งขัน ได้อย่างมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก
“เชื่อว่าทุกคนจะเห็นความสำคัญของการที่ประเทศไทย จะต้องมี Rule of law หรือหลักนิติธรรม ทุกคนบอก ประเทศไทยเป็นนิติรัฐ เราต้องทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นนิติรัฐ มีเสียงเป็นที่ชื่นชม เป็นที่เชื่อมั่นของประชาคมโลก และเราจะไม่มีความกังวลใดๆ ในการที่จะผลักดันประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าไปในจุดที่พวกเราทุกคนต้องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และทำให้เกิดความยุติธรรมเกิดขึ้นกับประชาชนทุกคน ในประเทศนี้ยังยั่งยืนต่อไป”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ฮึ่ม! หยุดทุกข้อตกลงกัมพูชา เตรียมบินศรีสะเกษ 11 พ.ย. รัฐบาลลั่นไม่มีอ่อนข้อ
นายกฯลั่นสิ่งที่ดำเนินการมาโดยตลอด ณ ตอนนี้จะหยุดจนกว่าจะมีความชัดเจน หลังทหารไทยโดนทุนระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา
นายกฯ สั่ง 'กลาโหม-บัวแก้ว' ประท้วงไป IOT เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน
นายกฯ สั่ง กลาโหม-กต. ประท้วง เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน ไปยัง IOT กำชับดำเนินการให้ถึงที่สุด พร้อมสั่งเร่งช่วยเหลือ -รายงานความคืบหน้าต่อเนื่อง
นายกฯ เยี่ยมรร.เก่าอัสสัมชัญ ย้อนความหลังวัยขาสั้น ร่วมเป่าแซกโซโฟนกับรุ่นน้อง
‘นายกฯหนู’ เยี่ยมรร.เก่าอัสสัมชัญ ย้อนความหลังวัยขาสั้น แนะเด็กตั้งใจเรียนตอบแทนแผ่นดิน บอกอยากเป็นนายกฯต้องตั้งเข็มทุ่มเต็มที่ ก่อนร่วมเป่าแซกโซโฟนกับรุ่นน้อง
'ชัยชนะ' สอนมวย 'อนุทิน' เป็นรัฐบาลไม่ควรหนีซักฟอก แนะ ต้องแจงทุกข้อสงสัยปชช.
'ชัยชนะ' สอนมวย 'นายกฯ อนุทิน' ชี้ เป็นรัฐบาล ไม่ควรหนีซักฟอก หลังระบุพร้อมชิงยุบสภา เหตุไม่อยากให้ฝ่ายค้านเปิดเวทีด่าฟรี แนะ ต้องแจงทุกข้อสงสัย ปชช. บอก พร้อมร่วมอภิปราย แต่ขณะนี้ ยังไม่มีสัญญาณการหารือจาก 'ปชน.-พท.'
ชำแหละ 'MOU ปราบสแกมเมอร์' จิตวิทยาแห่งอำนาจ พิธีกรรมมากกว่าการปฏิรูปจริง
ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU)
ยุ 'อนุทิน' ปลด 'ธรรมนัส' จะช่วยต่อชีวิตรัฐบาล ทำให้ความฝันพรรคอันดับ 1 เป็นไปได้มากขึ้น
'ธนาพล' ยุ 'อนุทิน'ปลด 'ธรรมนัส ' นอกจากจะช่วยต่อชีวิตรัฐบาล ยังทำให้ความฝันที่จะกลายเป็นพรรคอันดับ 1 มีความเป็นไปได้มากขึ้น ชี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่้ต้องรักษาใจเพราะธรรมนัสก็เคยทรยศ 'ทักษิณ' มาแล้ว

