โยคะกับความเป็นส่วนตัว

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้อ่านข่าวดาราท่านหนึ่งที่เพิ่งคลอดบุตรชาย เห็นแล้วน่ายินดีแทนคุณแม่คนใหม่ ภาพที่ปรากฏในสื่อต่างๆ เป็นภาพคุณแม่นอนบนเตียงโดยมีลูกน้อยนอนอยู่บนหน้าอก เป็นภาพที่อบอุ่นและน่าประทับใจ แต่ในภาพนั้นไม่เห็นหน้าเด็กน้อย โดยเธอให้เหตุผลว่า เป็นการให้ความสำคัญกับสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก และจนกว่าลูกจะโตพอที่จะสามารถบอกความรู้สึกได้ จึงจะขออนุญาตลูก บรรดาแฟนคลับต่างให้ความเห็นไปต่างๆ นานา และหลายรายชื่นชมในแนวความคิดของเธอ ต่างจากพ่อแม่ป้ายแดงส่วนใหญ่ที่มักจะโพสต์รูปลูกในโซเชียลมีเดียทันทีที่ลูกถือกำเนิด ซึ่งอันนี้เป็นความคิดเห็นในมุมมองของแต่ละท่าน แล้วแต่บ้านใครบ้านเขา ใครอยากจะโพสต์ก็ไม่ผิด หรือใครไม่โพสต์ก็ไม่ผิดเช่นกัน เลือกตามที่เห็นสมควร สำหรับประเทศไทยเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่ในต่างประเทศ ดาราและนักแสดงหลายคน ไม่ยินยอมเปิดเผยชื่อ และภาพถ่ายของลูกและบุคคลในครอบครัว ออกสู่สื่อสาธารณะ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย และการถูกคุกคาม

                กรณีแบบนี้ทำให้ผู้เขียนย้อนกลับไปนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เพิ่งเรียนจบหลักสูตรครูโยคะ และได้มีโอกาสสอนโยคะแบบกลุ่มเล็ก และสอนแบบส่วนตัว (Private) ในตอนนั้นหลังจากเรียนจบ ส่วนใหญ่ครูที่เพิ่งเรียนจบมักจะร้อนวิชา อยากสอน อยากถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่สนใจเรียนโยคะ ผู้เขียนก็เช่นกัน ใครติดต่อมา รับสอนทุกคน ราคาค่าสอนเท่าไรจะมากหรือน้อยไม่เกี่ยง หรือถ้าบางหน่วยงานติดต่อมาให้สอนฟรีก็รับสอนโดยไม่คิดค่าสอน บางสถานที่เดินทางไกลคนละมุมเมืองก็ยังไป ความรู้มันพุ่งพล่าน หลังจากสอนสักพัก เพื่อนผู้เขียนถามว่า ไม่ได้สอนโยคะเหรอ หรือว่าไม่มีนักเรียนติดต่อมา เนื่องจากไม่มีรูปการสอนโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียเลย ซึ่งจริงๆแล้ว ได้ไปสอนหลายสถานที่

                แต่ผู้เขียนรู้สึกว่า การสอนโยคะโดยเฉพาะแบบ Private ที่เป็นการสอนแบบครู 1 คน สอนนักเรียน 1 คน มักเป็นการสอนที่บ้านของนักเรียน ซึ่งถือเป็นสถานที่ส่วนตัว บางครั้งสอนบริเวณห้องรับแขก สนามหญ้าหน้าบ้าน หรือแม้กระทั่งปูเสื่อสอนโยคะตรงพื้นที่ว่างในห้องนอน การที่ครูจะถ่ายภาพการสอนในบ้านของนักเรียนแล้วโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย ในความเห็นส่วนตัวอาจจะดูไม่สมควร ถ้าไม่ได้ขออนุญาติก่อน เพราะบางครั้งมุมภาพและรายละเอียดในภาพอาจจะทำให้ผู้อื่นทราบที่ตั้งของบ้าน หรือ เห็นลักษณะพื้นที่ภายในบ้าน รวมถึงชุดโยคะที่นักเรียนและครูสวมขณะฝึกโยคะ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นชุดโยคะ สปอร์ตบรา กางเกงขาสั้น และกางเกงโยคะที่ดูรัดรูป เน้นสัดส่วนมากเกินไป จนบางครั้งอาจจะเกินงาม (ในมุมของผู้ฝึกการแต่งกายแบบนี้บางครั้งสะดวกต่อการฝึก และการเข้าท่าโยคะ แต่ไม่เหมาะกับการออกสื่อ)

                ผู้เขียนจึงไม่นิยมโพสต์ภาพการแต่งกายของนักเรียนในลักษณะดังกล่าว แต่ถ้าเป็นชุดโยคะปกติที่ไม่มากจนเกินไปก็ไม่มีปัญหา นี่ยังไม่รวมถึงสภาพร่างกายของนักเรียนตอนฝึก ที่ทั้งเหงื่อไหลไคลย้อย หน้าโทรมไร้เครื่องสำอาง (แหมบางคนก็ไม่อยากแต่งหน้าตอนฝึกนะ) ผมชี้ฟูไม่เป็นทรง เรียกว่า ไม่สวยงามเลย คิดในทางกลับกันนะคะ ถ้าเราเป็นนักเรียน และเห็นภาพของเราตอนฝึกโยคะในสภาพที่กำลังฝึกแบบนี้ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

                จากที่ผู้เขียนกล่าวมานี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องของการเผยแพร่รูปภาพกับความเป็นส่วนตัวในสื่อ ที่ควรจะพิจารณาก่อนเผยแพร่ออกไป เพราะหากโพสต์โดยไม่คิด อาจจะมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาทั้งในเรื่องของความปลอดภัย การทราบตำแหน่งที่อยู่ และความเป็นส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของภาพ

ดร.ธีติมา ปิยะศิริศิลป์

ผู้สอนวิชาโยคะ สมาธิและศิลปะการดำเนินชีวิต

กลุ่มวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยสยาม

facebook.com/YogaMeditationandArtofliving

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวบชายต่างชาติลอบสอนโยคะอนาจาร พบเป็นยูทูบเบอร์ดัง ผู้ติดตามกว่า 18 ล้านคน

ฝ่ายปกครองอำเภอพะงัน บูรณาการหน่วยงานความมั่นคง ร่วมจับกุมหนุ่มวัยกลางคนชาวโปแลนด์ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ลักลอบสอนโยคะ สุ่มเสี่ยงอนาจารทางเพศ พบเป็นยูทูบเบอร์ดังมีผู้ติดตามมากกว่า 18 ล้านคน

เป้าหมายต้นปีกับความสุขและความสมดุลในชีวิต

เป้าหมายของคนเราก็เหมือนเรือที่มีหางเสือ เรือแล่นกลางทะเลที่มีหางเสือย่อมสามารถควบคุมใบพัดและแล่นไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่าเรือที่พายแบบไร้ทิศทาง ขอให้ผู้อ่านทุกท่านวางเป้าหมายในชีวิตและประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้

Child Pose ท่าเด็กที่ไม่เด็ก

เมื่อสัปดาห์ก่อนผู้เขียนได้พูดคุยกับผู้ฝึกโยคะท่านหนึ่งว่า ช่วงนี้ทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกนอกบ้าน บางวันรู้สึกร่างกายเพลีย