
‘อัษฎางค์’ ระบุองค์การนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บิดเบือนข้อเท็จจริงและใส่ร้ายพระเกี้ยว เท่ากับหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วยการใส่ร้าย จี้ผู้บริหาร คณาจารย์ นิสิตปัจจุบันและศิษย์เก่า นิ่งเฉยหรือยอมรับการกระทำดังกล่าวอยู่ได้อย่างไร
25 ต.ค.2564- นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” เรื่อง พระเกี้ยว (ตอนที่ 3)
“5 เรื่องราวของรัชกาลที่ 5” ผู้เปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียเทียบเคียงยุโรป” ตอนเนื่อง โดยช่วงหนึ่งระบุว่า 5.รัชกาลที่ 5 คือสัญลักษณ์แห่ง”ความเท่าเทียมกัน” การเลิกไพร่และเลิกทาสเป็นพระราชกรณียกิจอันสำคัญยิ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเรื่อง”สิทธิมนุษยชน ที่ทำให้ประชาชนได้รับความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน” ในสมัยโบราณ ประชาชนทุกคนถ้าไม่เป็นทาส ก็ต้องเป็นไพร่ที่มีสังกัดเจ้านายไปตลอดชีวิต และไพร่รับราชการโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ส่วนทาสนั้นยิ่งหนักหนากว่าไพร่ เพราะทาสสามารถซื้อขายกันได้
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 นั้น ประมาณว่าไทยมีทาสเป็นจำนวนกว่าหนึ่งในสามของพลเมืองของประเทศ ถ้านึกภาพไม่ไพร่และทาสไม่ออก ให้นึกภาพพนักงานที่ทำงานราชการหรือเอกชนทุกคนในปัจจุบัน ในอดีตถ้าไม่เป็นไพร่ก็เป็นทาส ที่ทำงานโดยไม่ได้รับผลตอบแทน โดยเฉพาะทาสที่ไม่มีอิสรภาพ แล้วลองจินตนาการดูว่า การที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 จะประกาศให้เลิกไพร่และเลิกทาส เป็นความเสียสละอย่างใหญ่หลวง เพราะคือความเสี่ยงต่อความมั่นคงและปลอดภัยของราชบัลลังก์และพระชนม์ชีพของพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่จะเกิดจากการผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์ ซึ่งก็คือเจ้าขุนมูลนายทั้งหลาย อาจจะก่อจลาจลหรือสงครามกลางเมืองเหมือนสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนในประเทศรบราฆ่าฟันกันเอง แต่พระองค์คำนึง เรื่องสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมกันของประชาชนของพระองค์เป็นหลัก มากกว่าราชบัลลังก์และพระชนม์ชีพ และด้วยพระปรีชาสามารถทำให้การเลิกไพร่และเลิกทาสในเมืองไทยที่ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำเร็จลงด้วยเรียบร้อยไร้สงครามกลางเมืองที่คนในชาติเข่นฆ่าฟันกันเหมือนในต่างประเทศ
“การที่องค์การนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บิดเบือนข้อเท็จจริงและใส่ร้ายว่า พระเกี้ยว อันเป็นเครื่องหมายแทนในหลวงรัชกาลที่ 5 ซึ่งเท่ากับหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วยการใส่ร้าย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ ว่า เป็นความล้าหลัง การกดขี่ของชนชั้นปกครอง และความไม่เสมอภาคของความเป็นมนุษย์ เป็นการใส่ร้ายและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างเหิมเกริมและจงใจ ผู้บริหาร คณาจารย์ นิสิตปัจจุบันและศิษย์เก่า นิ่งเฉยหรือยอมรับการกระทำดังกล่าวอยู่ได้อย่างไร มีผู้หลักผู้ใหญ่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่เบื้องหลังหรือให้ท้ายนิสิตในองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทำการดังกล่าว หรือไม่”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อัษฎางค์' ชำแหละ ใครกันแน่ อยู่เหนือกฎหมาย ระหว่างนักวิชาเกิน-ม็อบ3นิ้ว กับ พระมหากษัตริย์
อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “ใครกันแน่ อยู่เหนือกฎหมาย” มีรายละเอียดดังนี้
เอ็ดดี้ ยกเรือดำน้ำจำเป็น กระตุกคิดถึงประโยชน์ชาติ มากกว่าเกมการเมือง
นี่คือความเป็นกำลังทางยุทธศาสตร์ของเรือดำน้ำ คิดกันดีแล้วหรือยัง คิดถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นใหญ่ หรือคิดถึงแต่ผลประโยชน์และเกมการเมืองของตนเองเท่านั้น
‘เอ็ดดี้’ เตือนอย่าเล่นเกมการเมือง ยก ‘เรือดำน้ำ’ จำเป็นต่อ ‘ศก.-ความมั่นคง’
ผลของการด้อยค่าเรือดำน้ำ เพื่อผลทางการเมืองต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ก็ทำให้สังคมขาดการรับรู้ข้อเท็จจริง
เอ็ดดี้ ติงอย่าดึงสถาบันฯไทย ไปเกี่ยวข้องความขัดแย้ง ‘อิสราเอล-ปาเลสไตย์’
ในภาคประชาชน อาจจะมีการสนับสนุนกันไปต่างๆ นานา ย่อมสามารถทำได้ ในแง่ของสิทธิมนุษยชนและความเป็นประเทศเสรีนิยม แต่…ต้องไม่มีการนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ไปร่วมขบวนแบบนั้น
‘เอ็ดดี้’ ย้ำสุขภาพแข็งแรงดี หลังโพสต์ภาพออกสื่อเพื่อนทักป่วยหรือเปล่า
อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค”
'อัษฎางค์' ตอกพวกโลกสวย เอาภาษีกู แบ่งจ่ายให้เศรษฐีได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเหมือนคนจน
อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า Age Pension หรือที่เมืองไทยเรียกว่า”เบี้ยผู้สูงอายุ” นั้นในทุ