แผนแม่บท’หญ้าแฝก’ ชูรับมือสภาพอากาศสุดขั้ว

ขณะนี้แผนแม่บทการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2566 – 2570) ที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดทำเสร็จสมบูรณ์ พร้อมที่จะขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ ฉบับนี้ไปสู่การปฏิบัติตามแนวพระราชดำริการใช้หญ้าแฝกอนุรักษ์ดินและน้ำ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

จากเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อชี้แจงแผนแม่บทการพัฒนาและการรณรงค์ใช้หญ้าแฝกฯ ฉบับที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันก่อน ชูประเด็นกลยุทธ์เชิงรุกในการใช้หญ้าแฝกเป็นทางออกของการปรับตัวและตั้งรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกร้อน การรับมือภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และการขับเคลื่อนโดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG   อีกทั้งมุ่งใช้หญ้าแฝกป้องกันภัยพิบัติทั้งน้ำท่วมดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และภัยแล้ง ควบคู่การขยายเครือข่ายการใช้หญ้าแฝกในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไหลกลับเข้าสู่ภาคเกษตรหลังการแพร่ระบาดโควิด 19 ผลักดันให้เป็นจุดเปลี่ยนของการใช้หญ้าแฝกหนุนเสริมในภาคเกษตรกรรม   

ทั้งนี้ ในแผนแม่บทฯ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการระยะ  1 ปี จะมีพื้นที่ปลูกแฝก 5 แสนไร่ ระยะ 3 ปี มีพื้นที่ปลูกแฝก 1.5 ล้านไร่ และระยะ 5 ปี ภาพฝันจะมีพื้นที่ปลูกแฝก 2 ล้านไร่ ทั่วประเทศ

จรัลธาดา กรรณสูต  องคมนตรี  ประธานการสัมมนาฯ กล่าวว่า โครงการพัฒนาการใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริดำเนินการมากว่า 30 ปี ปัจจุบันเข้าสู่แผนแม่บทพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกฯ ฉบับที่ 7  การรณรงค์การใช้หญ้าแฝกเป็นกลไกความร่วมมือสำคัญเพื่อให้เกิดการพัฒนา ส่งเสริม ขยายผล ผลการรณรงค์ที่ผ่านมาเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อเกษตรกร ชุมชน และพื้นที่เสื่อมโทรม รวมถึงพื้นที่อื่นๆ หลายมิติ เป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาชน ร่วมสนองแนวพระราชดำริมาอย่างต่อเนื่อง แผนฉบับบี้ให้ความสำคัญการสนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการใช้หญ้าแฝกอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อม   ซึ่งแผนแม่บท ฉบับที่ 7 หากได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะบรรลุเป้าหมาย

ผศ.ดร.อุ่นเรือน เล็กน้อย  อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า การใช้หญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริเริ่มต้นปี 2534  นำมาสู่การตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกฯ อย่างเป็นรูปธรรม  และจัดทำแผนแม่บทหญ้าแฝกฯ ฉบับที่ 1 ปี 2536  จนถึงปัจจุบัน 6 ฉบับ  ฉบับแรกเน้นศึกษาวิจัย ฉบับที่ 2 นำความรู้ขยายผลสู่กลุ่มเกษตรกรเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ เพราะไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ในหลวงทรงเห็นว่า หญ้าแฝกเป็นเทคโนโลยีแบบง่าย ราคาถูก เหมาะกับเกษตรกร แผนฉบับ 3-4 ชูกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม เพราะรากหญ้าแฝกดูดซับสารพิษได้ มาสู่แผนฉบับ 6  เริ่มใช้หญ้าแฝกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ปี 65 สถาบันวิจัยสังคมได้รับมอบหมายจาก กปร. ให้จัดทำแผนแม่บท ฉบับที่ 7  ซึ่งจากงานวิจัยและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบทั่วโลก โดยเฉพาะไทย  แผนนี้จึงเน้นการใช้หญ้าแฝกรับมือกับความเสี่ยงใหม่อย่างภัยพิบัติดินถล่มที่จะเกิดถี่ขึ้น จากสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ซึ่งรากหญ้าแฝกเป็นหนึ่งในเครื่องมือรับมือและป้องกันภัยพิบัตินี้ได้ เราเห็นว่าต้องเร่งมือให้ทันกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้น

แผนแม่บทหญ้าแฝก มี 3 ยุทธศาสตร์ใหญ่ ผศ.ดร.อุ่นเรือน กล่าวว่า ยุทศาสตร์ที่ 1  สืบสาน วัฒนธรรมการใช้หญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ ดินและน้ำตามแนวพระราชดำริ ดินไม่ดี น้ำไม่ดี ให้นึกถึงการใช้หญ้าแฝกเป็นอันดับแรก โดยมีมาตรการทำธนาคารหญ้าแฝกในพื้นที่ พันธุ์หญ้าแฝกที่ใช้เหมาะกับพื้นที่ ยุทธศาสตร์ที่ 2 รักษา เผยแพร่และสร้างองค์ความรู้การใช้หญ้าแฝกสู่การเป็นนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งเน้นวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในการรับมือและป้องกันภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้หญ้าแฝกในพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม การปลูกหญ้าแฝกลอยน้ำบำบัดน้ำเน่าเสีย โดยเฉพาะในเขตเมือง  แหล่งน้ำในพื้นที่เสื่อมโทรมปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม ใช้แฝกมากว่าอนุรักษ์ดินและน้ำ และยุทธศาสตร์ที่ 3 ต่อยอด ขยายผลสู่การเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายในระดับชุมชน ที่ไม่ใช่แค่เกษตรกร และเครือข่ายนานาชาติ

ด้าน.ดร.สุเชษฐ์  ลิขิตเลอสรวง  คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ  กล่าวว่า การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีงานวิจัยยืนยันว่าระบบหญ้าแฝกมีประสิทธิภาพต่อการรักษาเสถียรภาพลาดดิน ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน เพราะรากหญ้าแฝกมีการยึดโยงมวลดินให้เกาะยึดกันให้แน่นขึ้น ช่วยเสริมกำลังดิน    มีพื้นที่ตัวอย่างบ้านห้วยหมี จ.น่าน เป็นหมู่บ้านชาวลั๊วะ ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ เป็นพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม มีการประยุกต์ใช้หญ้าแฝกร่วมกับวิธีกลและพืชอื่น ๆ เช่น ไม้ไผ่ เพื่อป้องกันภัยพิบัติดินถล่ม  นวัตกรรมหญ้าแฝกเหมาะกับพื้นที่ เพราะพื้นที่นี้ไม่สามารถใช้โครงสร้างเชิงวิศวกรรมป้องกันได้ ผิดกฎหมาย รวมถึงต้องใช้งบฯ มหาศาล ทำให้ชุมชนรอดพ้นจากภัยพิบัติ ขณะที่ชุมชนอื่นมีคนเจ็บและตายจากภัยดินถล่ม

“ ส่วนการใช้หญ้าแฝกรับมือภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะลากยาวในไทย  ชุมชนต่างๆ สามารถปลูกหญ้าแฝกรอบขอบบ่อหรือแหล่งน้ำในชุมชน เพราะระดับน้ำน้อย ดินแห้ง แตกระแหง ดินพังทลาย หญ้าแฝกมีคุณสมบัติยึดหน้าดิน  นอกจากนี้ หญ้าแฝกทำให้วัฎจักรอุทกวิทยาหรือวงรอบการเปลี่ยนแปลงน้ำกระชับขึ้น  นี่คือ ประโยชน์โดยตรง ทางอ้อมระบบหญ้าแฝกยังดูดซับสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร  นอกจากนี้ มีงานวิจัยชี้คุณสมบัติของหญ้าแฝกมีส่วนกักเก็บคาร์บอนในดิน แต่ยังต้องมีงานวิจัยเชิงลึกมากขึ้น เพราะหญ้าแฝกไม่ใช่ต้นไม้ยืนต้น  ตามสถิติวงจรชีวิต 3-4 ปี     “  ศ.ดร.สุเชษฐ์ ให้ภาพหญ้าแฝกสู้โลกร้อน

สำหรับภัยคุกคามของหญ้าแฝก ศ.ดร.สุเชษฐ์ ระบุชัด คือ คน เมื่อคนไม่เห็นประโยชน์จะเปลี่ยนจากพื้นที่ปลูกหญ้าแฝกหรือพื้นที่ขยายผลไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน เช่น ข้าวโพด กาแฟ พืชเศรษฐกิจ เพราะเกษตรกรไม่มีที่ดินของตัวเอง เช่าที่ทำเกษตร  อย่างไรก็ตาม หญ้าแฝกไม่ใช่พืชที่ปลูกแล้วสร้างเงิน แต่ช่วยสร้างความมั่นคง ความยั่งยืนของระบบนิเวศ ซึ่งการพัฒนาโดยใช้หญ้าแฝกต้องเป็นการทำเกษตรแบบผสมผสาน

ด้าน ดร.พิทยากร ลิ้มทอง  คณะอนุกรรมการดำเนินการและติดตามประเมินผลโครงการฯ เสนอแนะผ่านเวทีสัมมนาว่า ในวงประชุมการใช้หญ้าแฝกระดับนานาชาติ มีความพยายามผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐต้องสร้างความรู้ให้เกษตรกรเห็นประโยชน์จากการใช้หญ้าแฝกมากขึ้น ในต่างประเทศมีการใช้หญ้าแฝกในพื้นที่ลาดชัน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ท่องเที่ยว ขณะที่ไทยเน้นการใช้ในภาคเกษตรอนุรักษ์ดินและน้ำ ด้านสิ่งแวดล้อมนักวิจัยต่างประเทศพูดถึงการใช้หญ้าแฝกดูดซับสารพิษจากดินและน้ำ รวมถึงระบบหญ้าแฝกบำบัดน้ำเสีย หนึ่งในผลงานที่คว้ารางวัลมีการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์บทบาทหญ้าแฝกในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด  งานวิจัยต่างชาติเน้นใช้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ มีการใช้ระบบเอไอติดตามและเชื่อมโยงข้อมูลพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านหญ้าแฝก ในอิตาลีและสเปนมีการปลูกหญ้าแฝกฟื้นฟูระบบนิเวศ  ปาปัวนิวกินีใช้หญ้าแฝกกันดินถล่ม  อีกทั้งพบการสร้างเครือข่ายในต่างประเทศและขยายการรณรงค์การใช้หญ้าแฝกในวงกว้าง  ส่วนแผนแม่บทนี้จะต้องมีแนวทางการสืบทอดความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนรุ่นใหม่

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 30 หน่วยงาน ซึ่งต้องดำเนินการแปลงแผนแม่บทฯ ฉบับที่ 7 สู่การปฏิบัติ โดยมีหลายหน่วยงานจัดทำแผนปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว  อาทิ กรมทางหลวง จัดทำแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี  (2566-2570)  แผนการใช้หญ้าแฝกบริเวณเชิงลาดทางในการบำรุงรักษาทางหลวงลดการพังทลายหน้าดิน   ปี 66 จะปลูกหญ้าแฝก 1.7 ล้านกล้า ปี 67 จะปลูก 4.4 หมื่นกล้า ปีต่อไปลดลงเหลือ 3 หมื่นกล้า และลดลงเหลือหมื่นกล้าตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีแผนการใข้หญ้าแฝกด้านการสร้างสายทางอีก 2 แสนกว่ากล้า ภาพรวม 2,060,000 กล้า  

ส่วนสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานฯ จัดทำแผนแม่บทระยะ 5 ปี มีกิจกรรมพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  จัดอบรมหลักสูตรการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำจำนวน 1,200 คน และมีโครงการฟื้นฟูพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต้นน้ำระยะที่ 1   รวมถึงมีโครงการปลูกหญ้าแฝกเพื่อสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  หน่วยงานภาคเอกชน เช่น บริษัท ปตท. มีโครงกาประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การออกแบบผลิตภัณฑ์จากใบหญ้าแฝก  เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กปร. – มหาดไทย จับมือขับเคลื่อน “One Plan” บูรณาการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

สำนักงาน กปร. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้วยระบบ “One Plan” มุ่งเน้นการวางแผนแบบจากล่างขึ้นบน Bottom-Up รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยตรง ลดการใช้งบประมาณที่ซ้ำซ้อน และเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน

กปร. เปิดคู่มือ One Plan ยกระดับโครงการพระราชดำริ 17 จังหวัดเหนือ

สำนักงาน กปร. เดินหน้ายกระดับการบริหารและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเชิงพื้นที่ เปิดตัว“คู่มือ One Plan” นำร่อง 3 จังหวัดภาคเหนือ น่าน พิษณุโลก และเชียงใหม่ มุ่งสร้างกลไกการทำงานแบบบูรณาการจากระดับพื้นที่ ลดความซ้ำซ้อน

พลิกดินแล้งเป็นสวนผลไม้ ต่อยอดการใช้ประโยชน์ โครงการฝายห้วยน้ำพร้าฯ ตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์

สำนักงาน กปร.ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่งเสริมการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ สนับสนุนการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแปลงใหญ่ ควบคู่ไปกับการ

จากพื้นที่แห้งแล้งสู่แหล่งเกษตรมั่นคง “ห้วยต่อน้อย” ต้นแบบความร่วมมือของราษฎร

ราษฎรตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ร่วมกันเสียสละพื้นที่สวนยางพารา เพื่อก่อสร้าง “อ่างเก็บน้ำบ้านห้วยต่อน้อยพร้อมระบบส่งน้ำ” ตามที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

“ฝายคลองใหญ่” เสริมชีวิต สร้างน้ำเปลี่ยนผืนดิน สู่สวนผสมผสานยั่งยืน

จากนาร้างไร้น้ำ สู่สวนผลไม้เขียวขจีตลอดปี ราษฎรบ้านยูงงาม และบ้านโหล๊ะคล้า ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พลิกฟื้นผืนนาแห้งแล้งกว่า 2,000 ไร่ ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

เดินหน้าสร้างเครือข่ายขยายผลการพัฒนา “คน กปร ตัวคูณ “ ขยายผลนักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (พพร.) รุ่นที่ 12 ปี 2568

บุคลากร ภาครัฐ เอกชน ร่วมภารกิจ คน กปร.ตัวคูณ ในโครงการนักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (พพร.) เรียนรู้ประยุกต์ใช้ ขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดําริกับบริบทการพัฒนาประเทศที่ท้าทายในปัจจุบัน สานต่อพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สืบสาน รักษา