'สส.พัทลุง ปชป.' จี้ รัฐบาล เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ทั้งระบบ

'สส.พัทลุง' ปชป.จี้ ‘รัฐบาล’ เร่งช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ เร่งอนุมัติเงินอุดหนุนเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในระยะยาวให้ออกแบบวางแผนแก้ไขปัญหาและจัดการน้ำในภาคใต้ทั้งระบบ

1 ธ.ค.2566 - ที่รัฐสภา นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดทางภาคใต้ ว่า ขอให้รัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ หลังเกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรได้ สืบเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างฝั่งตะวันออก ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สุราษฎร์ธานี จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส และอื่นๆ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม หลายพื้นที่ต้องเร่งอพยพพี่น้องประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย และหลายพื้นที่ถนนถูกตัดขาด ผิวถนนถูกน้ำท่วมสูงไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำสะอาด และปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีพ

นายร่มธรรม กล่าวต่อว่า ในส่วนของ จ.พัทลุง มีปริมาณฝนที่ตกหนักและต่อเนื่อง ประกอบกับปริมาณน้ำฝนสะสมจากฝนที่ตกหนักเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัดผ่านลำคลองสายต่างๆ ก่อนไหลลงสู่พื้นที่รับน้ำทะเลสาบสงขลา ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ของจังหวัดพัทลุง ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ลุ่มเชิงเขา พื้นที่ริมฝั่งคลอง และพื้นที่โดยรอบทะเลสาบสงขลา ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเข้าท่วมบ้านเรือน สวนไร่นา และยางพารา และถนนหลายสาย ทำให้เส้นทางการสัญจรถูกตัดขาด

นอกจากนี้ ยังต้องเร่งอพยพพี่น้องประชาชนหลายหมู่บ้านใน อ.ป่าบอน อ.กงหรา อ.ตะโหมด และ อ.ศรีนครินทร์ ออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และหลายโรงเรียนต้องเปลี่ยนไปทำการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนละผู้ปกครองที่อาจประสบกับความยากลำบากจากสถานการณ์ดังกล่าว

ล่าสุด สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนช.) ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำฝน คาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงวันที่ 3 – 8 ธ.ค. 2566 หลายแห่ง โดยให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมาก เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขา ในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคใต้

ดังนั้น ตนจึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและการจัดการน้ำท่วม ดังนี้ 1.ในระยะเร่งด่วน ขอให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เร่งเข้าไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทั้งเรื่องการอพยพย้ายสิ่งของ เร่งอนุมัติเงินอุดหนุนเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบถุงยังชีพช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอื่นๆ เช่น การตรวจสอบและซ่อมแซมแนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้ไหลไว พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก

นอกจากนี้ ในระยะเร่งด่วนจะต้องตัดกระแสไฟฟ้าในพื้นที่น้ำท่วมสูงและเสี่ยงอันตรายจากไฟดูด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินถล่มตลอด 24 ชั่วโมง และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วสำหรับการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที อีกทั้งยังควรมีการเตรียมการเรื่องการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ ในพื้นที่ที่ถนนถูกตัดขาด หรือพื้นที่ที่ประชาชนไม่สามารถออกจากบ้านเรือนได้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป โดยหากพื้นที่ใดได้รับผลกระทบมาก ก็ขอให้ทางจังหวัดได้ประกาศภัยพิบัติอย่างเร่งด่วน

2.ระยะถัดไป หรือระยะกลาง ขอให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้รวบรวมความเสียหายไว้ได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบและพิจารณาให้ความช่วยเหลือทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบให้ใกล้เคียงกับความเสียหายที่ได้รับ หรือตามความเป็นจริง โดนเฉพาะภาคการเกษตรทั้งด้านพืช ด้านปศสัตว์ และด้านการประมง ไปจนถึงการการสำรวจความเสียหายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่นถนนหนทาง และระบบสาธารณูปโภค อาคารสถานที่ทั้งโรงพยาบาล อาคารเรียน ตลอดจนสิ่งปลูกสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน

3.ในระยะยาว ขอให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกแบบวางแผนแก้ไขปัญหาและจัดการน้ำในภาคใต้ทั้งระบบ โดยต้องจัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ จัดการการระบายน้ำในคูคลองให้ดี เพราะน้ำท่วมเกิดขึ้นอย่างซ้ำซากทุกๆปี และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอย่างมาก ซ้ำเติม

“ผมขอแสดงความเห็นใจถึงพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกท่าน ขอให้พี่น้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ระมัดระวังในการใช้ชีวิต และสัญจรไปมาในสถานการณ์น้ำท่วม ขอเป็นกำลังใจให้หน่วยงานในการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นกำลังใจให้พี่น้องทุกท่าน” นายร่มธรรม กล่าวทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สิ้นสุดฤดูแล้ง 30 เม.ย. รองโฆษกฯ เผยสถานการณ์น้ำภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี

​'คารม' เผยสถานการณ์น้ำภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำมีจำนวน 55% ของความจุเก็บกัก หรือปริมาณ 45,940 ล้าน ลบ.ม ระบุประเทศไทยสิ้นสุดฤดูแล้ง 30 เม.ย นี้

ห่วงปชช. 7 จ. ริมน้ำโขง หลังสารเคมีรั่ว สั่ง สทนช. เฝ้าระวังถึง 12 เม.ย.

'สมศักดิ์' ห่วงชาวไทย-ลาว หลังสารเคมีรั่วลงแม่น้ำโขง สั่ง สทนช. เกาะติดใกล้ชิด แจงตรวจคุณภาพน้ำ จ.เลย ใช้ได้ปกติ แต่ยังเฝ้าระวังถึง 12 เม.ย.

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐจัดงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 ล้านต่อแห่ง ควบคุมไฟป่า

ก้าวไกล จี้รัฐต้องจัดสรรงบประมาณลงไปมากกว่านี้ เพิ่มงบประมาณให้หน่วยงานราชการ และโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 ล้านบาทต่อแห่งสำหรับการควบคุมไฟป่า

โฆษกมหาดไทยเตือนอย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จกำหนดสอบบรรจุข้าราชการท้องถิ่น

โฆษกมหาดไทยเตือนอย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จกำหนดสอบบรรจุข้าราชการท้องถิ่น เผยกระบวนการสอบข้อเท็จจริงการทุจริตยังไม่เสร็จสิ้น ยังไม่มีการลงนามกับมหาวิทยาลัยผู้จัดสอบ ย้ำ! ขอให้รอประกาศทางการจาก สถ.อีกครั้ง

สทนช.เกาะติดพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง 2 จังหวัดภาคตะวันออก บูรณาการแก้ปัญหาเร่งด่วน-ระยะยาว มั่นใจรอดแล้งนี้

สทนช.ลงพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง จ.จันทบุรี-ตราด ทั้งพื้นที่ต้นน้ำและปลายน้ำ เร่งประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนแผนแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำเค็มรุกล้ำในระยะเร่งด่วน