'จื้อ-เล่อ พัฒนา'โรงเรียนอินเตอร์ 3 ภาษาที่จับต้่องได้

ในโลกไร้พรมแดน ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมโลก ทำให้ทักษะด้านภาษาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด แต่สำหรับการศึกษาไทยถือว่ายังต้องพัฒนา ทักษะด้านภาษาอีกมาก  ซึ่งอุปสรรคสำคัญทำให้ทักษะการเรียนรู้ด้านภาษาของเด็กไทย ไม่พัฒนาเท่าที่ควร นั้นมาจากหลายประการ   อาทิ  ทั้งจากความเหลื่อมล้ำการศึกษาระหว่างเมืองกับชนบท  ระบบการเรียนการสอนที่ยังไม่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัย หลักสูตรที่ไม่เน้นการปฎิบัติ เป็นต้น  

สำหรับทักษะด้านภาษาที่โลกยุคใหม่ต้องการ นั้น มีทั้ง  ภาษาอังกฤษและภาษาที่สาม อย่าง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี กลายเป็นส่วนสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม เนื่องจากทักษะเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในตลาดแรงงานและเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนาทักษะภาษาช่วยเตรียมเยาวชนไทยให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างโอกาสในการแข่งขันระดับนานาชาติ และเพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา “กลุ่มบริษัทจื้อ-เล่อ “จึงได้ก่อตั้ง”โรงเรียนสามภาษา จื้อ-เล่อ พัฒนา “ด้วยหลักสูตรภาษาไทยเสริมภาษาจีนและภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น (ICEP) โดยมีเป้าหมายยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทย ให้มีความหลากหลายการเรียนภาษา โดยมีการเรียนการสอนในรูปแบบ “โรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนล” ในราคาค่าเล่าเรียน ที่เข้าถึงได้ ไม่ได้สูงเท่ากับโรงเรียนอินเตอ์ฯ ทั่วไป

วอลเตอร์ ลี

วอลเตอร์ ลี ผู้ก่อตั้ง โรงเรียนสามภาษาจื้อ-เล่อ พัฒนา และประธาน กลุ่มบริษัทจื้อ-เล่อ กล่าวว่า ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การเรียนรู้หลายภาษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายขอบเขตความรู้และเปิดสู่โอกาสใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่มีคุณภาพในประเทศไทยมักมีราคาแพง ส่งผลให้มีกลุ่มครอบครัวจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงการศึกษาดังกล่าว และการเรียนการสอนด้านภาษาในประเทศไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยในหลวงรัชกาลที่ 6 แต่เด็กๆส่วนใหญ่ยังไม่สามารถที่จะสื่อสารได้ เพราะการที่เน้นการท่องศัพท์และชั่วโมงเรียนภาษาที่จำกัด จึงมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้นักเรียนรุ่นเยาว์ในประเทศไทยได้มีหลักสูตรสามภาษา ไทย อังกฤษ และจีน คุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมกับพัฒนาหลักสูตรที่จะให้นักเรียนสื่อสารได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งในประเทศไทยมีโรงเรียน 3 ภาษา อย่างไรก็ตามคาดว่ามีผู้ที่สามารถสื่อสารในภาษาที่สามได้คล่องไม่ถึง 5% ตัวอย่างการเรียนภาษาจะต้องมีมาตรฐานการสอบวัดระดับที่สามารถสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่จีนได้ เนื่องจากแนวโน้มหรือการโตของโลก ภาษาจีนนับเป็นภาษาที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดด้วย

สำหรับ หลักสูตรที่เน้นภาษาจีนและภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น (Intensive Chinese-English Program หรือ ICEP) ในปีการศึกษา 2568 สำหรับเด็กอายุ 2 – 11 ปี โดยหลักสูตรภาษาไทย อังกฤษ และจีนปกติ จะมีการเรียนภาษาไทย 49% ภาษาอังกฤษ 27% และภาษาจีน 24% ทั้งนี้จะปลี่ยนเป็นภาษาไทย 40% ภาษาอังกฤษ 30% และภาษาจีน 30% ภายใน 2 ปี ในการสอนจะเน้นเทคนิคโดยชั่วโมงเรียนภาษาจะมีการสื่อสารเป็นภาษานั้นๆ อย่างเดียว เพื่อให้เด็กได้ซึมซับและสื่อสารได้คล่อง  พร้อมกับเน้นที่ 5 เสาหลัก ได้แก่ การพัฒนาแบบองค์รวม การคิดเชิงวิพากษ์ ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้การสอนภาษาจีน และอังกฤษ เน้นให้เด็กสามารถนำไปใช้ได้จริง ด้วยการนำเทคโนโลยี AI  มาช่วยในการเรียนการสอน แบบ Interactive

 “โรงเรียนมีกลุ่มเป้าหมายลดช่องว่างทางการศึกษาที่มีคุณภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะชนชั้นกลางซึ่งมีขนาดใหญ่ ต้องการส่งบุตร-หลาน เข้าเรียนโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีหลักสูตรมุ่งภาษาที่ 2 และภาษาที่ 3 ได้กำหนดค่าเล่าเรียนเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000 บาทต่อภาคการศึกษา หรือประมาณ 100,000 บาทต่อปี  ทั้งนี้ตั้งเป้าจะมี 5 – 7 แคมปัส ภายใน 10 ปีข้างหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้สามภาษาที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ตั้งแต่ระดับปฐมวัย” วอลเตอร์ ลี กล่าว

คณะผู้บริหารเข้าร่วมการเปิดตัวโรงเรียนสามภาษา จื้อ-เล่อ

เจ้า เยี่ยนชิง ประธานและกรรมการ คณะกรรมาธิการเพื่อกระทรวงศึกษาธิการจีน ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 ยังส่งผลให้ความต้องการทักษะด้านภาษาจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างรวดเร็ว การเพิ่มขึ้นของโรงเรียนสามภาษาเป็นภาพสะท้อนของความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคม ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสามภาษาจื้อ-เล่อ พัฒนา และแพลตฟอร์มการศึกษา MetaLingo ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการศึกษาหลายภาษาที่มีคุณภาพสูง ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและความเป็นมาตรฐานเข้ามาผสมผสาน ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างทักษะด้านภาษาให้กับนักเรียน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการบ่มเพาะบุคลากรที่มีความสามารถ ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย

ตัวอาคารโรงเรียนสามภาษา จื้อ-เล่อ

ดร. สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ความสำคัญของการเรียนหลายภาษาในโลกยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน โดยเน้นว่าการเรียนรู้สามภาษาตั้งแต่วัยเด็กจะช่วยเพิ่มพัฒนาการทางปัญญา และเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับโอกาสในอนาคต การวิจัยระบุว่าเด็กที่เรียนหลายภาษาตั้งแต่อายุยังน้อยมีแนวโน้มที่จะมีทักษะการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และมีความจำที่ดีขึ้น กลยุทธ์สำคัญของกระทรวงศึกษาธิการคือ การให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ทุกคน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การเปิดโรงเรียนสามภาษา จื้อ-เล่อ พัฒนา สอดคล้องกับกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นอันมาก ทั้งนี้การพัฒนาการศึกษาของไทยต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และผู้ปกครอง

โดยโรงเรียนสามภาษา จื้อ-เล่อ พัฒนา จะเริ่มรับสมัครนักเรียนสำหรับปีการศึกษา 2568 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. 2568 เป็นต้นไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ https://www.siripenschool.ac.th/... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4283464/

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง