'สิงคโปร์' New Blue Zone  โลกยุคดิจิทัล

ในโอกาสที่บริษัทแอมเวย์ ประเทศไทย ได้จัดประชุมใหญ่ประจำปี 2568 โดยมีคนเข้าร่วม 2.5 หมื่นคน และได้เชิญ แดน  บิวต์เนอร์  ( Dan Buettner )สมาชิกนักสำรวจของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกส์ โปรดิวเซอร์รายการ “อยู่ถึง 100 ความลับของ  Blue Zone “หรือ Live to 100 :Secrets to Blue Zone  มาเป็นวิทยากรบรรยายแนวคิด Blue Zone ให้กับบุคลากรแอมเวย์  และยังให้โอกาสสื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ เดวิด บิวต์เนอร์แบบเจาะลึกเกี่ยวกับแนวคิด กับอีกหลายแง่มุมของการ Blue Zone ซึ่งมีหลายข้อมูลที่ถือว่าเป็นเคล็ดลับ การกินอยู่ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและการยืนยาวของชีวิตอีกด้วย

ความโด่งดังทฤษฎี Blue Zone ดินแดนแห่งผู้อยู่อาศัยที่มีอายุยืนยาวนับร้อยปี แดนบอกว่า ค่าเฉลี่ยอายุคนทั่วไปมักไม่ถึง 100 ปี อย่างคนไทยผู้หญิงเฉลี่ย  77ปี ผู้ชายประมาณ 72ปี ส่วนต่างประมาณ 17 ปี ที่ทำให้คนอายุยืนไม่มีปัญหาสุขภาพ และอายุยืนยาวถึง   100ปี นั้น เกิดจากอะไร เป็นคำถามที่เขาพยายามหาคำตอบ และจากการสำรวจเขาพบว่าชาวโอกินาวา และชาวกรีซ มักไม่มีโรค ร่างกายและจิตใจแข็งแรง  ซึ่งสาเหตุหลักมาจากอาหารการกิน ของคนใน Blue Zone ทั้ง5แห่ง ยังใช้ชีวิตอย่างไม่กดดันอีกด้วย

“ผมค้นหาว่าคนอายุ 100 ปีใน  Blue Zone พวกเขากินอะไร ซึ่งพบว่า การมีอายุยืนของพวกเขา เกี่ยวข้องกับอาหารที่เขากินตั้งแต่เด็ก เป็นอาหารในยุคปี1930 ,1940 หรือ 1970 ผมพบว่าอาหารกลางวันของคนยุค 1930 กับอาหารกลางวันของคนในวันนี้ไม่เหมือนกัน  การกินอาหารแบบดั้งเดิมตั้งแต่เด็กของพวกเขา  เป็นการสะสมที่ยาวนาน   อย่างคนโอกินาวา กินเต้าหู้ ถั่วเหลือง หรือกินถั่ว 2ครั้งต่อวัน ไม่ใช่การกินอาหารฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารสตรีทฟู้ด ที่เราหาได้ง่ายอย่างทุกวันนี้ เช่น ในเมืองไทย เดินไปก็หาซื้อได้ง่าย เพราะมีร้านสะดวกซื้อต่างๆ มากมาย “แดนกล่าว

คน Blue Zones บริโภคเนื้อสัตว์และของหวาน ไม่ได้งดทั้งหมด แดนให้ข้อมูลว่า   มีตัวเลขคนในสหรัฐอเมริกาบริโภคเนื้อสัตว์ปีละ  100 กิโลกรัม แต่คนใน Blue Zone กินเนื้อสัตว์เพียง แค่  10 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น ส่วนน้ำตาลก็กินแค่  25% เท่านั้น และเป็นการกินในเทศกาลพิเศษ เช่นงานวันเกิด งานแต่ง งานเลี้ยง  ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนในBlue Zone จึงมีสุขภาพที่ดีกว่า

นอกจากนี้ การกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาแบบครอบครัวของคน Blue Zone ยังมีผลดี ทำให้การกินช้าลง ซึ่งจะทำให้การย่อยดีขึ้น  เพราะการย่อยเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้สารอาหารเข้าสู่ร่างกายดีขึ้น การกินอาหารพร้อมครอบครัวจึงดีต่อสุขภาพ

ด้านการออกกำลังกาย ทั้ง  5 Blue Zone ที่แดนสำรวจ เขาพบว่าไม่มีสถานที่ออกกำลังกาย  ไม่ว่าเป็นFittness หรือ  Gymnasium พูดได้ว่า คนที่อาศัยอยู่ในBlue Zone ไม่มีใครทำกิจกรรมที่เป็นการตั้งใจว่าจะต้องออกกำลังกายโดยตรง หรือมีคนใดคนหนึ่งลุกขึ้นมาทำโยคะ แบบตั้งอกตั้งใจ เนื่องจากพวกเขาไม่มีเวลาว่าง ในแต่ละวันนับจากตื่นขึ้นมา เชาใช้ชีวิตที่เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา ซึ่งผลจากการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันทำให้คนในBlue Zone ไม่มีคนเป็นเบาหวาน หรือจะมีก็น้อยมากเพียงแค่ 2% เท่านั้น

“ผมพบว่าในแต่ละวัน พวกเขาเดินไปเดินมา ไปทำงาน หรือทำสวน  ทำโน่นทำนี่ การไปออกกำลังกายตามยิมฯ ต่างๆอย่างคนสมัยนี้ ถือว่าเป็นความล้มเหลว การใช้ชีวิตแบบBlue Zone  “แดนเล่า
ในแง่สังคมและความสัมพันธ์ของคนในชุมชน Blue Zone แดนบอกว่า มีการวิจัย ระบุว่าความเหงานั้นคือ Toxic อาจทำให้อายุสั้นลงได้ เทียบกับคนใน Blue Zone ที่ทำกิจกรรมร่วมกัน และการใช้ชีวิตแบบครอบครัวขยาย ทำให้พวกเขามีกิจกรรมร่วมกัน ทำให้ไม่เกิดความเหงา กลายเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันแข็งแกร่ง ผู้สูงอายุไม่มีคนไหนที่ต้องไปอยู่เนอร์สเซอร์รี่

“นอกจากนี้ ผมยังพบอีกว่า พวกเขาใช้เวลากับ โซเชียลมีเดีย ในแต่ละวันน้อยมากอีกด้วย”



จุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตแต่ละวันนับตั้งแต่ลืมตาตื่น ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของคน Blue Zone แดน บอกว่า การตื่นขึ้นมาในแต่ละวันของชาวBlue Zone พวกเขาล้วนมีจุดหมายว่าวันนี้จะไปทำอะไร หรือมีงานอะไรต้องทำ ทำไร่ หรือทำสวน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทำให้ทั้งสมองและร่างกาย มีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกัน

“คนใน Blue Zone มีดัชนี ชี้เรื่องนี้  เฉพาะความหมายเหตุผลของการตื่นของแต่ละวันตอนเช้า เขาตื่นมาเพื่ออะไร ซึ่งการมีจุดประสงค์ของการตื่นในแต่ละเช้า จะทำให้คนเราอายุยืนขึ้น 7ปี “

ในโอกาสเดียวกันนี้ แดน บิวต์เนอร์ ยังเผยอีกว่า เขาค้นพบ New Blue Zone แห่งใหม่ นอกเหนือจาก Blue Zone 5 แห่ง  ได้แก่ โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี อิคาเรีย ประเทศกรีซ นิโคยา ประเทศคอสตาริกา และโลมา ลินดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง New Blue Zone นี้ก็คือ”ประเทศสิงคโปร์ “

สิงคโปร์ เป็น Blue Zone  ยุคใหม่ ด้วยเหตุผลอะไร แดน บอกว่า จากการทำงานร่วมกับเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ที่เข้าไปสำรวจการใช้ชีวิตคนสิงคโปร์ เขาพบว่า ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนส่งเสริมด้านสุขภาพประชาชนอย่างชัดเจน ทำให้สิงคโปร์กลายเป็น Blue Zone  ยุคใหม่ ไปเลย เขายกตัวอย่างว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ออกกฎหมายควบคุมดูแลเรื่องอาหารการกินของประชาชน การใช้ชีวิต เช่น ภาษีน้ำมันของสิงคโปร์สูงมาก ทำให้ราคาน้ำน้ำมันแพงตามไปด้วยหรือน้ำมันสิงคโปร์จะมีราคา 10 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อลิตร  การออกนโยบายนี้ก็เพื่อต้องการให้คนสิงคโปร์มีการเดินและใช้รถสาธารณะมากขึ้น  เงินภาษีที่ได้จะมาสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้  ป้ายรถประจำทางหรือรถไฟฟ้าจะอยู่ห่างจากที่อยู่อาศัยของคนไม่เกิน 300 เมตร ทำให้จูงใจในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ มากยิ่งขึ้น เพราะผู้คนสามารถเดินทางได้สะดวก  จุดนี้นับเป็นการ Set up ให้การใช้ชีวิตประชาชนกลายเป็นพวก  Blue Zone  ได้อีกรูปแบบ

 ยังมีในเรื่องอาหารการกิน รัฐบาลสิงคโปร์ ได้ออกกฎหมายภาษีน้ำตาลไว้ค่อนข้างสูง ทั้งนี้เพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลในอาหารต่างๆ เช่น  เครื่องดื่มน้ำอัดลมจะต้องมีความหวานน้อยกว่าปกติ 20% นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมความเค็มในอาหารอีกด้วย
“สิงคโปร์ยังมีจำนวนคนที่สูบบุหรี่น้อยมาก และเป็นประเทศแรกๆ ที่ติดภาพคำเตือนถึงโรคมะเร็ง ที่มาจากการสูบบุหรี่ ไว้บนหน้าซองบุหรี่  เพื่อชี้ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรดี อะไรไม่ดีต่อสุขภาพ และยังทำให้คนยากต่อการเข้าถึงสิ่งเหล่านี้อีกด้วย”แดนกล่าว

แดนยังกล่าวสรุปอีกว่า ในภาพรวมการเป็น New Blue Zone ของสิงคโปร์ คือ นโยบายสาธารณสุขของรัฐ มีผลต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งจะทำให้มีชีวิตยืนยาวมาก โดยรัฐบาลคอยให้การสนับสนุนส่งเสริมออกเป็นนโยบายและกฎหมายต่างๆ  

แล้วประเทศไทยล่ะ จะเป็น Blue Zone  ได้หรือไม่ แดนบอกว่า ปัจจัยเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นอันดับแรกที่จะส่งเสริมให้คนมีพฤติกรรมเป็นพวกBlue Zone ได้หรือไม่ เช่น ต้องจูงใจให้คนเดินมากขึ้น ซึ่งต้องมีสภาพอากาศที่ดี และระบบขนส่งสาธารณะที่ดีรองรับ

หลายคนคงสงสัยว่าแล้ว แดน บิวต์เนอร์ มีเคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างไร หลังจากเขาค้นพบเลความลับอายุยืนของชาว Blue Zone บอกว่าเขา ยึดหลัก3 ข้อ 1. เขาไม่ใช่คนตื่นเช้า ตื่นประมาณ  11 โมง  แต่ในแต่ละวันเขาจะมีเป้าหมายว่าจะทำอะไรในวันนั้น หลังจากตื่นนอน 2. เรื่องการกิน เขาให้ความสำคัญกับอาหารที่มากจากถั่ว เต้าหู้ มาก เช่นเดียวกับชาวโอกินาวา   และ3 .เป็นการให้ความสำคัญ เรื่องความสัมพันธ์ โดยเขาจะมีเพื่อน 3 คน ที่ติดต่อและมีมิตรสัมพันธ์ที่ดี มีความห่วงใยซึ่งกันและกันตลอดเวลา ซึ่งเขาบอกว่าจะทำให้ชีวิตไม่มีToxic

“ผมกินถั่ววันละ 2ครั้ง  ทำอาหารกินเอง และขอแนะนำว่าคนที่สนใจกินแบบ Blue Zone  ควรกลับไปหาสูตรอาหารที่ปู่ย่าตายายเราเคยทำกินในบ้าน  เอามาทำกิน นอกจากนี้  ผมยังนอนกลางวัน  ไปเดินเล่นตามเขาหรือทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบ”

นอกจากเป็นเจ้าของทฤษฎีBlue Zone  แล้ว แดน บิวต์เนอร์ ปัจจุบันเขายังทำงานร่วมกับองค์กรปกครองท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ บริษัทประกันสุขภาพ เพื่อดำเนินโครงการ Blue Zone  ในชุมชนต่างๆ รวมทั้งในสถานที่ทำงาน หรือมหาวิทยาลัย เพื่อนำความรู้ด้านสุขภาวะแบบ Blue Zone  ที่เขาได้เรียนรู้จากBlue Zone  5แห่งให้มาประยุกต์ใช้กับชุมชนต่างๆ มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในท้องที่ นโยบายสาธารณะ และเครือข่ายทางสังคม ปัจจุบัน โครงการนี้ส่งเสริมให้ขาวอเมริกันมีสุขภาพดีแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' อยากหัวเราะให้ฟันหัก ไทยมีเสรีต่ำกว่าสิงคโปร์ ปลงอย่าไปถือสาเอ็นจีโอ พวกนิยมตะวันตก

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ ไทยไม่มีเสรี มีรายละเอียดดังนี้