OFOS ปั้นคนรุ่นใหม่  ยกระดับหนังไทยสู่สากล  

ปัจจุบันวงการภาพยนตร์ทั่วโลกมีการแข่งขันที่เข้มข้น  การแช่งขันนี้ไม่ได้วัดกันแค่เม็ดเงินลงทุน แต่ยังรวมถึงไอเดียที่สดใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ การแสดงที่มีคุณภาพ และเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้อย่างตรงใจ สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็ไม่น้อยหน้า มีภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ขายได้ในตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม รากฐานของความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ผลงานที่ออกสู่ตลาด แต่ยังรวมถึงเบื้องหลังการทำงานที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

ดังนั้นการเตรียมเยาวชนให้พร้อมเข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างเป็นระบบจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เรื่องการเขียนบท กำกับภาพ การตัดต่อ ไปจนถึงการเข้าใจตลาดและผู้ชม ซึ่งจะช่วยปูพื้นฐานเพื่อต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของอุตสาหกรรมหนังไทยในอนาคต

ด้วยเหตุนี้ภายใต้นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS) ประจำปี 2568 จึงได้มีการจัดโครงการ โดยแบ่งเป็น 3 กิจกรรม ประกอบด้วย ค่ายผลิตภาพยนตร์สั้นระดับมัธยมศึกษา (Cinebridge), ค่ายผลิตภาพยนตร์สั้นระดับอุดมศึกษา( Next Frame)  และหลักสูตรออนไลน์ด้านภาพยนตร์ สารคดี ละคร ซีรีส์ และแอนิเมชัน สำหรับประชาชนทั่วไป โดยมีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย บริษัท ซียู นิเทด เอ็กซ์เทนชั่น จำกัด, วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, คณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้, คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย, สมาคมเครือข่ายผู้สร้างสรรค์วิชาชีพสื่อบันเทิงไทย (TECNA), สมาคมนักแสดง (ประเทศไทย), สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA), สมาคมนักเขียนบทละครโทรทัศน์ (TSA), บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท เกียร์เฮด จำกัด

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้อำนวยการหลักสูตร OFOS สาขาภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา โครงการ Cinebridge ได้จัดกิจกรรมค่ายอบรมด้านภาพยนตร์ครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ มีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 300 คน และสามารถผลิตหนังสั้นออกมาได้ถึง 24 เรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนเต็มไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ โดยผลงานเหล่านี้ไม่ได้จบแค่ในเวทีค่ายเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปต่อยอดทั้งในการศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย การส่งประกวดในเวทีหนังสั้นระดับนานาชาติ และบางเรื่องยังมีศักยภาพพอที่จะได้รับการพัฒนาเป็นภาพยนตร์ฉายจริงอีกด้วย

ชูเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2568 โครงการ Cinebridge จะขยายโอกาสให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษาทั่วทุกภูมิภาคได้เข้าร่วมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งหมด 12 ค่ายทั่วประเทศ โดยแต่ละค่ายจะมีระยะเวลา 4 วัน 3 คืน จัดต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายน ภายในค่าย เยาวชนจะได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนของการผลิตภาพยนตร์ ตั้งแต่การเขียนบท การแสดง การกำกับ จนถึงกระบวนการตัดต่อ โดยมีผู้กำกับและมืออาชีพจากวงการภาพยนตร์ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์อย่างใกล้ชิด

ในส่วนของค่าย Next Frame จะออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่สนใจด้านภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชัน โดยเน้นการเรียนรู้เชิงลึกและจริงจังมากขึ้น ไม่ใช่แค่การทดลองทำผลงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่อาชีพในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยจะมีองค์กรผู้ผลิตภาพยนตร์เข้าร่วมเป็นเครือข่ายสนับสนุน เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสการทำงานจริงในอนาคต

“สำหรับหลักสูตรออนไลน์ด้านภาพยนตร์ สามารถเข้าเรียนได้ทั้งนิสิต นักเรียน และประชาชนทั่วไป ถือเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้จากอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างครบวงจร โดยมีแผนจัดการเรียนการสอนทั้งหมด 30 บทเรียน ซึ่งในขณะนี้ได้เปิดให้เรียนออนไลน์แล้วจำนวน 5 บท ประกอบด้วยหัวข้อสำคัญ ได้แก่ การกำกับฉากแอ็กชัน การวางบล็อกกิ้ง การนำเสนอไอเดีย (Pitching) การตลาดภาพยนตร์ และพื้นฐานของ Post Production (Post Production 101) โดยบทเรียนที่เหลือจะทยอยผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องจนครบ พร้อมทั้งมีการปรับเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอ” ชูเกียรติ กล่าว

ชูเกียรติ กล่าวต่อว่า ได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อผลักดันหลักสูตรนี้ให้กลายเป็นหลักสูตรเสริมเพื่อสร้างพื้นฐานสำหรับการเรียนการสอนด้านการผลิตภาพยนตร์ เนื่องจากปัจจุบันการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน เมื่อนักศึกษาก้าวเข้าสู่สายอาชีพ จึงต้องมีการปรับพื้นฐานหรือเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการผลิตนิสิตนักศึกษาเข้าทำงานในสายภาพยนตร์ได้ทันที เพราะทุกคนจะมีพื้นฐาน ครอบคลุมทั้งกระบวนการผลิต ความคิดสร้างสรรค์ และการตลาด  เหมือนกับการเรียนแพทย์หรือวิศวกรรมศาสตร์ ที่จบแล้วสามารถทำงานได้เลย เพราะคนรุ่นใหม่เหล่านี้จะเป็นกำลังหลักของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอนาคต

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยสู่สายตาชาวโลก การผลักดันให้เกิดผู้ผลิตภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ จึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเยาวชนหรือบุคคลทั่วไป ขณะนี้ได้มีการจัดทำร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ฉบับใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับศักยภาพของวงการภาพยนตร์ไทย และผลักดันให้ก้าวไกลสู่เวทีระดับนานาชาติ

รศ.ดร.ปรีดา อัครจันทโชติ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โครงการนี้มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมนวัตกรรม และต่อยอดองค์ความรู้สู่การใช้งานจริง พร้อมทั้งสร้างคนรุ่นใหม่ให้เติบโตเป็นนิเทศนวัตกร ที่สามารถใช้พลังของการเล่าเรื่องเปลี่ยนแปลงสังคมได้ โดยได้จัดตั้งโครงการ Metropolitan Hub @Chula ซึ่งเปรียบเสมือนสนามฝึกฝนให้กับนิสิตที่มีใจรักในศิลปะการเล่าเรื่องผ่านภาพยนตร์ ทั้งในรูปแบบบันเทิงคดีและสารคดี

“โดยจะมีการจัดค่ายอบรมที่เน้นทักษะการเล่าเรื่องให้เข้าถึงใจผู้ชม และค่ายที่เน้นการถ่ายทอดสารคดี โดยร่วมมือกับเครือข่ายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศ เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้จากของจริง และก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้งกล้าคิด กล้าเล่า และกล้าส่งเสียงผ่านผลงานภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์และทรงพลัง” คณบดีคณะนิเทศฯ จุฬาฯ กล่าว

ด้านเยาวชน โญฮวัน คิม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี เล่าว่า สนใจเข้าร่วมค่ายผลิตภาพยนตร์สั้น เพราะเป็นค่ายที่ดีและมีการอบรมในเรื่องทั้งการกำกับ การแสดง การเขียนบท ซึ่งส่วนตังสนใจด้านการแสดงและการกำกับภาพยนตร์หรือเขียนบท เพราะในการทำภาพยนตร์ขึ้นมาจะต้องผ่านกระบวนการคิดและการนำเสนอ อย่าง มวยไทย ที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทย จะสามารถนำเสนอในมุมมองไหน ที่จะดึงดูดหรือสร้างความสนใจให้กับผู้ชมได้มากขึ้น

มนชิตา สิงห์สัมพันธ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เล่าว่า ส่วนตัวเคยไปค่ายสายนิเทศศาสตร์มาก่อน แต่ค่ายนี้เป็นความท้าทายในการเรียนรู้อย่างมาก เพราะระยะเวลาเข้าค่ายเพียงแค่ 4 วัน แต่ต้องเรียนรู้ทุกกระบวนการและผลิตหนังสั้นด้วย ซึ่งระยะเวลาที่จำกัดเป็นเรื่องที่ท้ายและอยากลองทำ ส่วนตัวอยากทำเบื้องหลังในกระบวนการผลิต เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลิตผลงานออกมาให้ได้ดีด้วย

สำหรับนักเรียน-นักศึกษาที่สนใจโครงการค่ายผลิตภาพยนตร์ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดรับสมัครได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียของ Thailand Creative Content Agency (THACCA), สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย, Studio Commuan และสถาบัน/หน่วยงานต่าง ๆ ในความร่วมมือ และประชาชนทั่วไปที่สนใจหลักสูตรออนไลน์ สามารถติดตามเข้าเรียนที่เว็บไซต์ OFOS Portal (htts://ofos.thacca.go.th) ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย