เดือด!พท.ป้องอุ๊งอิ๊ง โพลชี้คนเชียร์‘พิธา’แซง‘บิ๊กตู่’/ลุ้นหนักเบอร์บัตรเลือกตั้ง

"ส.ว.วันชัย" ถาม "ทักษิณ" ส่ง "อุ๊งอิ๊ง" มาตายในสนามการเมืองทำไม  เตือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดทำลายทั้งพรรคเพื่อไทย-ลูก-ครอบครัวอย่างเลือดเย็น  แถมดับรัศมี "หมอชลน่าน" ขณะที่ "ชลน่าน" ย้อน "วันชัย" ถ้า ปชช.เลือกเพื่อไทยถล่มทลายสะท้อน "อุ๊งอิ๊ง" ได้รับการยอมรับ "สุธรรม" ตะเพิดให้ลาออกจากการเป็นลูกไล่เผด็จการ ย้ำ "อุ๊งอิ๊ง" บุคลิกเหมือนพ่อ "ชินวรณ์" รับเสียงหนุน-ค้านบัตรเลือกตั้งเบอร์เดียวสูสี นัด กมธ.เคาะ 30 มี.ค. ขณะที่ "นิกร" ชี้บัตรเบอร์เดียวขัด รธน.เสี่ยงเลือกตั้งโมฆะได้ นิด้าโพลเผยความนิยม "พิธา" แซง "บิ๊กตู่" พรรคฝ่ายค้านนำพรรครัฐบาล

เมื่อวันอาทิตย์ นายวันชัย สอนศิริ  สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความเรื่อง "ทักษิณใจเร็วด่วนได้ ทำลายพรรค ทำลายครอบครัว ระบุว่า อย่างที่รู้กันว่าอำนาจและการเมืองเป็นเรื่องโหดร้าย เจ็บปวด สาหัสสากรรจ์ วิบากกรรมอย่างที่เห็นก็เป็นเพราะการเมือง คุณทักษิณและครอบครัวต้องระหกระเหินไม่มีที่จะเดินในประเทศไทย ทั้งญาติพี่น้องลูกหลานหลายต่อหลายคนแม้จะอยู่ในประเทศไทยก็ไม่ค่อยกล้าจะปรากฏตัวสักเท่าใด ต้องอยู่อย่างเงียบๆ ก็เพราะอำนาจและการเมืองทั้งนั้น ยังไม่เข็ดกันอีกหรือ 7-8 ปีที่ผ่านมานึกว่ากาลเวลาจะเยียวยาแรงอาฆาตให้ลดลงไปได้บ้าง ถึงขั้นส่งลูกของตัวเองออกมาเล่นการเมืองอย่างเต็มตัวในขณะที่ตัวเองยังรับกรรมอยู่ จะเป็นการแก้กรรมหรือจะเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพิ่มเข้ามาอีก

นายวันชัยระบุว่า ตอนที่พรรคเพื่อไทยให้หมอชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรค   ผมยังแอบชื่นชมเลยว่าคนในพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณเก่ง มีสายตากว้างไกล จิตใจกว้างขวาง หมอชลน่านเป็นคนมีฝีมือและฝีปากเหมาะสมกับการเป็นผู้นำพรรคในสถานการณ์นี้คุณทักษิณเข้าใจเลือกคน ทุกคนกำลังจับจ้องดูความเปลี่ยนแปลงของเพื่อไทยภายใต้การนำของหมอชลน่าน คงจะลดความขัดแย้งสร้างความปรองดอง ประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย พรรคเพื่อไทยคงเป็นพรรคการเมืองของประชาชน กำลังจะถูกปลดปล่อยจากตระกูลชิน

"พอประกาศตัวอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมาเท่านั้นแหละ หัวหน้าพรรคหมอชลน่านหมดท่าไปเลย รัศมีดับแสงไปทันที เห็นหน้าคุณทักษิณลอยทะมึนขึ้นมาบดบังเพื่อไทยไปในบัดดล หงายไพ่เล่นกันไปเลยว่าทักษิณมาแล้ว หมอชลน่านไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ น่าเสียดายกับหมอชลน่านในสถานการณ์นี้ที่เพื่อไทยกำลังมีแนวโน้มว่าจะเติบโต ต้องยอมรับว่าคุณทักษิณมีทั้งคนรักและคนเกลียดแบบเข้ากระดูกดำ แม้จะ 7-8 ปีก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมที่จะลุกขึ้นมาขัดแย้งกันเพราะเอาทักษิณ ไม่เอาทักษิณ แล้วคุณจะรีบมาทำไม ส่งอุ๊งอิ๊งเข้ามาตายในสนามการเมืองทำไม แรงอาฆาตกับแรงแห่งความรักในลูกและครอบครัว อย่างไหนมันแรงกว่ากัน ใจเร็วด่วนได้ไปหรือเปล่า เกมนี้ผมว่าเป็นการทำลายพรรค ทำลายลูก ทำลายครอบครัวแบบเลือดเย็น ข้อสอบทางการเมืองมันไม่ง่ายเหมือนอุ๊งอิ๊งสอบเข้ามหา'ลัยนะ" นายวันชัย ระบุ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ตอบโต้นายวันชัยว่า ความจริงจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ อยากให้ประชาชนติดตามว่าเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ ส่วนตนจะถูกดับรัศมีหรือไม่ ด้วยระบบพรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการพรรค มีการรีแบรนด์ ปรับปรุงโครงสร้างตัวเอง เพื่อเป็นสถาบันทางการเมือง เราส่งเสริมบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ในแต่ละส่วนชัดเจน หัวหน้าพรรคคือหัวหน้าพรรค หัวหน้าครอบครัวคือหัวหน้าครอบครัว เราแยกบทบาท ไม่เกี่ยวเนื่องกัน แต่การทำงานสอดประสานกัน

"สุธรรม"ตอก"วันชัย"ให้หุบปาก

 “ถ้า น.ส.แพทองธาร ในฐานะหนึ่งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาฯ ทำบทบาทนั้นให้โดดเด่น ถ้าครอบครัวเพื่อไทยได้รับการตอบรับทั้งแผ่นดิน 10-12 ล้านเสียง อะไรจะเกิดขึ้น นั่นคือการยอมรับ และแรงผลักเรานั้นก็มาสนับสนุน แทนที่จะทำให้อนาคตทางการเมืองของ น.ส.แพทองธาร ดับเหมือนที่นายวันชัยพูด เชื่อว่านี่จะเป็นแรงสนับสนุนของประชาชนที่จะส่งเสริมให้ น.ส.แพทองธารมีบทบาทที่ชัดเจนทางการเมือง วิธีคิดของแต่ละพรรคแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะพิสูจน์ที่ผลงานที่ประชาชนตอบรับน่าจะดีกว่า” นพ.ชลน่านกล่าว

ด้านนายสุธรรม แสงประทุม กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายวันชัยว่า น่าเสียดายที่นายคนนี้เคยบวชเรียน อาศัยวัด อาศัยผ้าเหลืองมานาน แต่เมื่อสึกออกมาประกอบอาชีพก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้เข้ามารับจ้างพวกปล้นอำนาจ เข้ามายกหูชูหางพวกเผด็จการในทุกโอกาสที่มี และนายคนนี้ยิ่งไม่เข้าใจหนักไปอีกว่า ครอบครัวของนายกฯ ทักษิณเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทะนุถนอมและสนับสนุนให้ลูกเป็นตัวของตัวเอง และยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง  หากนายกฯ ทักษิณไม่ถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรม และทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ท่านอาจจะปล่อยมือทางการเมืองไปแล้วก็ได้ แต่ที่จำใจ จำเป็นต้องสู้ ก็เพราะปัญหาของประชาชนที่ท่านได้ปฏิญาณไว้ว่าจะมาช่วยแก้ไข วันนี้กลับหนักหน่วงยิ่งกว่า อีกทั้งยังมีการกล่าวหาโจมตีทำร้ายท่านอย่างไม่เป็นธรรมในเกือบทุกด้าน

"น.ส.แพทองธารเป็นลูกสาวที่อดีตนายกฯ ทักษิณรักที่สุด บุคลิกเหมือนกับนายกฯ ทักษิณ ที่สุดและซึมซับความรู้สึกของคุณพ่อมามากที่สุด แล้ววันนี้ น.ส.แพทองธาร อายุ 35 ปี การเข้ามาทำการเมืองวันนี้ก็ไม่ได้เร็วเกินไป วันนี้ น.ส.แพทองธารมีความมั่นคงในชีวิต ทรัพย์สินและมีความรู้ความสามารถ เข้าใจและซึมซับการถูกกระทำของคุณพ่อ สมัครใจและพร้อมจะเรียนรู้เรื่องการเมือง เพราะรู้ว่าการเมืองที่สร้างสรรค์นั้นไม่ใช่การเมืองที่โหดร้าย แต่เป็นการเมืองที่มีความเมตตากรุณาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ซึ่งไม่ใช่การเมืองอย่างที่นายวันชัยเข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจ วันนี้นายวันชัยไม่ต้องห่วงคนอื่นหรอก ขอให้ห่วงตัวเองเถิดว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้ถูกอัปเปหิไป ด้วยความพร้อมใจของประชาชน ตัวเองจะหากินได้อย่างไร ผมว่าสงบปากเสงี่ยมคำ รู้จักคำว่าวิปัสสนาสมาธิเสียบ้าง ถ้าอยากจะทำดีให้บ้านเมือง ผมก็แนะนำว่าให้ลาออกจากการเป็นลูกไล่เผด็จการ" นายสุธรรมกล่าว

ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายลูก นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. ให้สัมภาษณ์ว่า เสียงโหวตสนับสนุนบัตรเบอร์เดียวกับบัตรคนละเบอร์ ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น ความคิดเห็นทั่วไปยังสูสีกันอยู่ ต้องไปดูรายละเอียด และในชั้น กมธ.ต้องมีการซักถามเจตนารมณ์ของผู้ร่างคือทางฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เสนอแนะผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาตลอดถึงแนวปฏิบัติในการเลือกตั้ง รวมถึงรัฐธรรมนูญมาตรา 90

กมธ.นัดเคาะบัตรเบอร์เดียว

เมื่อถามว่า กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ. อ้างว่าบัตรเบอร์เดียวนั้นอาจจะขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งรัฐธรรมนูญมาตรา 90 นั้น นายชินวรณ์กล่าวว่า เป็นข้ออ้างของแต่ละฝ่าย ก็มีเหตุผลของตนเอง เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์สูงสุด และจะไม่นำไปสู่การมีปัญหาในเรื่องของการตีความต่อไป โดยก่อนลงมติวันที่ 30 มีนาคมนี้จะมีการคุยกันก่อน

เมื่อถามว่า เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.ส่วนใหญ่สนับสนุนสูตรหาร 100 ใช่หรือไม่นั้น นายชินวรณ์กล่าวว่า ข้อนี้ก็มีความคิดเห็นคล้ายคลึงกันกับบัตรเบอร์เดียว คือฝ่ายหนึ่งก็ยังยืนตามร่างเดิมที่รับหลักการไปก็คือเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 คือต้องคำนวณบัญชีรายชื่อจากฐาน 100 คน เพื่อที่จะมาคิดสัดส่วนคะแนน ส่วนอีกความคิดเห็นหนึ่งว่าควรจะไปคำนวณสัดส่วน ส.ส.ที่พึงมีก่อนแล้วจึงมาดำเนินการในการคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ตอนนี้เมื่อเราใช้ระบบการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบแล้ว ไม่สามารถที่จะไปคำนวณโดยเอาเสียง 500 มาเป็นสัดส่วนที่พึงมีได้

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า โดยหลักการแล้วการกำหนดให้มีหมายเลขของผู้สมัครควรที่จะต้องมีหมายเลขเดียวกันทั้งในระบบเขตและในระบบบัญชีรายชื่อ โดยเจตนารมณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในกรณีที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งในระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ สามารถจดจำหมายเลขได้ง่าย ไม่สับสน และจะอำนวยความสะดวกให้กับพรรคการเมืองด้วยในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กกต.ก็จะจัดการกับกระบวนการเลือกตั้งได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในส่วนของพรรคสนับสนุนให้มีหมายเลขเดียวกันทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อพรรค

ขณะที่นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้เสนอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลว่า ตนเองนั้นทราบอยู่แล้วว่า การมีบัตรเลือกตั้งสองใบที่เบอร์เหมือนกันนั้นอาจจะสะดวกในการลงคะแนนเลือกตั้งมากกว่า แต่การแก้ไขร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้งฉบับนี้จำเป็นต้องยึดเอาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่บทบัญญัติในมาตรา 90 ที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขและยังต้องมีผลบังคับใช้อยู่ในการเลือกตั้งทั้งสองระบบอย่างมีนัยสำคัญ ได้ผูกมัดไว้ว่า พรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว ให้มีสิทธิส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อได้ หลักการนี้ไม่สามารถจะมาปรับวิธีการเป็นสมัครแบบเขตเลือกตั้งแล้วให้รอเบอร์ไว้ก่อนโดยอ้างว่าแล้วเสร็จแต่อยู่รอตรวจสอบความถูกต้องก่อน จากนั้นก็มาเปิดให้สมัครแบบบัญชีรายชื่อภายหลังแล้วเอาเบอร์ที่ได้ของแต่ละพรรคไปยกให้กับผู้สมัครของพรรคนั้นๆ

"การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำการแบบซิกแซ็กเป็นทำนองวิถีศรีธนญชัย ซึ่งสุ่มเสี่ยงมากต่อการถูกร้องให้การเลือกตั้งครั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นโมฆะได้ ถ้ามีใครร้องกลับด้านว่าการสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อไม่ถูกต้อง เพราะกระทำขึ้นก่อนการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของแต่ละพรรคที่สมัครแล้วเสร็จ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการปฏิบัติจริงในการเลือกตั้งจริงก็จะสุ่มเสี่ยงและจะเกิดความเสียหายมากมายตามมามากเกินไปที่จะเลือกใช้บัตรเลือกตั้งสองใบแล้วฝืนทำเบอร์ให้เหมือนกัน ที่โดยส่วนตัวเห็นว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงจะขอลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างหลักของ ครม.และร่างของพรรคร่วมรัฐบาล" นายนิกร กล่าว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่แก้ไขมีความชัดเจน ว่าให้มีบัตร 2 ใบ ดังนั้น กฎหมายลูกที่ออกมาจะต้องเป็นบัตร 2 ใบ กลับไปใบเดียวไม่ได้ ส่วนการคิดคะแนนให้เป็นสัดส่วนสัมพันธ์โดยตรงจากบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ คือหาร 100 อีกกรณีคือหมายเลขเดียวกันหรือไม่

โพล"พิธา"แซงหน้า"ประยุทธ์"

ส่วนการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม. นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านอยู่ในขั้นเตรียมการเนื้อหาสาระ จะยื่นให้เร็วที่สุดหลังเปิดสมัยประชุมสภา เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤตทางการเมือง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาจนทำให้ประเทศเกิดเดดล็อก เนื่องจากร่าง พ.ร.ป. ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของ กมธ. หากยุบสภาทุกอย่างจะหยุดชะงัก จะต้องเกิดการตีความว่าจะใช้กฎหมายอะไรในการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลรักษาการต่อไปได้ การยื่นญัตติอภิปรายจะเป็นการห้ามไม่ให้ยุบสภา สิ่งที่ประเมินอีกประเด็นคือ วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ในช่วงเดือน ส.ค. ถ้าเขาเลือกยุบสภาก็จะอยู่ในอำนาจได้

วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2565” ระหว่างวันที่ 10-15 มี.ค.2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค จำนวน 2,020 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 27.62 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้, อันดับ 2 ร้อยละ 13.42 ระบุว่าเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา ชื่นชอบในวิธีการทำงาน มีวิสัยทัศน์และแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ, อันดับ 3 ร้อยละ 12.67 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนซื่อสัตย์และสุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ นโยบายสามารถช่วยเหลือประชาชนได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า จะได้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง, อันดับ 4 ร้อยละ 12.53 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร                    

อันดับ 5 ร้อยละ 8.22 ระบุว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะชื่นชอบนโยบาย, อันดับ 6 ร้อยละ 7.03 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะเป็นคนชัดเจน เด็ดขาด ตรงไปตรง, อันดับ 7 ร้อยละ 3.96 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะเป็นคนเก่ง ตรงไปตรงมา และตั้งใจทำงาน, อันดับ 8 ร้อยละ 3.61 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ, อันดับ 9 ร้อยละ 2.77 นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ,  อันดับ 10 ร้อยละ 2.58 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ บริหารงานอย่างตรงไปตรงมา และร้อยละ 5.59 ระบุอื่นๆ

และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/64 เดือนธันวาคม 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า นายพิธา, น.ส.แพทองธาร, คุณหญิงสุดารัตน์, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์, นพ.ชลน่าน, นายกรณ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 28.86 ระบุว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย, อันดับ 2 ร้อยละ 25.89 พรรคเพื่อไทย, อันดับ 3 ร้อยละ 16.24  พรรคก้าวไกล, อันดับ 4 ร้อยละ 7.97 พรรคประชาธิปัตย์, อันดับ 5 ร้อยละ 7.03 พรรคพลังประชารัฐ, อันดับ 6 ร้อยละ 2.28 พรรคเสรีรวมไทย, อันดับ 7 ร้อยละ 2.18 พรรคไทยสร้างไทย, อันดับ 8 ร้อยละ 2.03 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ, อันดับ 9 ร้อยละ 1.88  พรรคภูมิใจไทย, อันดับ 10 ร้อยละ 1.83 ระบุว่าพรรคกล้า และร้อยละ 3.81 ระบุอื่นๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง