ยื้อเวลาถกกม.ลูก ชี้แม้วหวังอำนาจ

ส่อขยายเวลาพิจารณา กม.ลูกไปกลาง พ.ค. "วิษณุ" การันตีถ้าบัตรสองใบคนละเบอร์ตามร่าง กกต.ไร้กังวลเลือกตั้งโมฆะ แต่ต้องลุ้นต่อวาระ 2-3 ดาหน้าอัด "ทักษิณ" เคลื่อนไหวหนุน “อุ๊งอิ๊ง”หวังดันเป็นนายกฯ โหนการเมืองเลือกผู้ว่าฯ กทม.ส่งผลสนามใหญ่ ปลุกคนกรุงตัดสินใจให้ดี ขณะที่เบรกบิ๊กเซอร์ไพรส์ รวมไทยสร้างชาติ "เสกสกล" มั่นใจนายกฯ ไม่วางมือ

เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ลงมติให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบคนละเบอร์ ว่าเป็นไปตามร่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ และไม่ต้องมากังวลว่าการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะอย่างที่นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการ กมธ.วิสามัญฯ กังวล อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่จบ ต้องนำร่างเข้าไปพิจารณาในสภา อีกส่วนจะพลิกในวาระ 2 และวาระ 3 ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ และการพิจารณาร่างดังกล่าวในชั้น กมธ.ยังไม่จบ ยังเหลืออีกหลายประเด็น

 เมื่อถามถึงสูตรคำนวณ ส.ส.ที่ยังมีความเห็นยังต่างกัน ระหว่างหารด้วย 500 คน หรือ 100 คน จะมีปัญหาอีกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครเสนออะไรบ้าง แต่คิดว่าจะเหมือนกับเรื่องเบอร์ ที่สุดท้าย กกต.จะต้องเป็นผู้พิจารณาและเห็นว่าอย่างไร ขัดหรือไม่ขัดกับร่างของ กกต.

ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.แถลงว่า วันที่ 7 เม.ย. จะลงมติทั้ง 2 เรื่องคือ ลักษณะต้องห้ามของผู้จัดตั้งพรรคการเมือง ที่เสนอโดยนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ แต่นายอนันต์อยู่ระหว่างกักตัว และอัตราค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บจากสมาชิกพรรคการเมือง จากนั้นจะเป็นการพิจารณาเรื่องไพรมารีโหวตต่อไป จากการกำหนดกรอบเวลาทำงานของ กมธ.ที่จะให้แล้วเสร็จในเดือน เม.ย. แต่เนื่องจากมีวันหยุดค่อนข้างมาก จึงมีมติขยายเวลาการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ในวันที่ 21-22 เม.ย.นี้ จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะพิจารณาถึงช่วงบ่ายเป็นพิจารณาถึงเวลา 16.30 น. ซึ่งคณะกมธ.จะเร่งรัดการประชุมให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เท่าที่ กมธ.ได้พูดคุยกัน หากไม่ทันในเดือน เม.ย. อาจจะเลื่อนไปถึงช่วงกลางเดือน พ.ค. ยืนยันว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับจะเสร็จทันก่อนเปิดสมัยประชุมสภา 22 พ.ค.แน่นอน

ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 โดยมีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ, ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร สมาชิกพรรค, นายสิทธิศักดิ์ พัฒนชัย สมาชิกพรรค, น.ส.ชนากานต์ ชัยศรี อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และสมาชิกพรรคเข้าร่วม โดยที่ประชุมได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ได้แก่ นายธัญย์ธรณ์เทพ แย้มอุทัย เป็นหัวหน้าพรรค, นายธนดี หงษ์รัตนอุทัย เลขาธิการพรรค, นายธีระพล มลิวัลย์ เหรัญญิกพรรค, นายชัยรัตน์ จันทร์ทนดิษ นายทะเบียนสมาชิก ขณะที่กรรมการบริหาร ประกอบด้วย นายสิทธิศักดิ์ พัฒนชัย, ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร, นายกิตติเชษฐ์ พันธ์จรุง, ว่าที่ ร.ท.ไกรภพ นครชัยกุล, นายกฤติเดช พุธวัฒนาภรณ์, นายพิชิต การจักร, นายศรายุทธ ยี่สุ่นเกด และนายวิฑูรย์ อริยะพงษ์ และเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคชุดใหม่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เดิมคิดว่าจะเปิดตัวบิ๊กเซอร์ไพรส์ ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ที่เราได้ประสานไว้บอกให้พวกเราเตรียมการให้เรียบร้อยก่อน เพราะถ้ายังไม่เรียบร้อยผู้ใหญ่ที่จะมาร่วมอุดมการณ์กับเราจะไม่สะดวกใจ ซึ่งนับแต่วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติถือว่าสมบูรณ์แล้ว ทั้งนี้ ตั้งใจว่าจะมีการประชุมเพื่อเปิดตัวบิ๊กเซอร์ไพรส์ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ดังนั้นจึงขออภัยสื่อมวลชนที่เคยได้ประกาศไปแล้วว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ในการประชุม

"ยืนยันว่าจากกรณีที่มีข่าวในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ฉบับหนึ่งว่ามีการกดดันหรือสั่งเบรกจากผู้ใหญ่ ยืนยันว่าไม่มีใครสั่งมา ที่จะให้เปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะถึงอย่างไรเราก็ต้องดำเนินการประชุม โดยเฉพาะผมก็เป็นสมาชิกพรรคแล้ว ยืนยันว่าเป็นแนวคิดของผมเอง ที่เห็นว่าผู้หลักผู้ใหญ่ยังไม่ควรมาเปิดตัวในวันนี้ ขอทำพรรคให้เรียบร้อยสมบูรณ์ก่อน หลังจากนั้นจะเชิญผู้หลักผู้ใหญ่มาร่วมอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง แต่ยืนยันว่ามีการพูดคุยกันเรียบร้อยหมดแล้ว" นายเสกสกลกล่าว

เมื่อถามว่า ที่จะมีการเปิดตัวเดือนกรกฎาคมช้าเกินไปหรือไม่ นายเสกสกล กล่าวว่า ไม่ช้า และมีคนอยากเป็นสมาชิกพรรคอีกมากมาย ยืนยันว่าจะมีสมาชิกทั่วประเทศ เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน อดีตคนเสื้อแดงเยอะแยะ และยังมีเวลาหาสมาชิกอีกเยอะ การเมืองวันนี้ตนอยากให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก่อน จึงยังไม่อยากให้การเปิดตัวหวือหวาอะไร สำหรับตนในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี อยากให้นายกรัฐมนตรีทำงานจนครบ 4 ปี ไม่มีอะไรมากระทบกระทั่งจนเป็นอุปสรรคในการทำงาน เรามีมวลสมาชิกสนับสนุนทั่วประเทศ ถ้าตนขยับรับรองว่าสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติมีจำนวนมาก

เมื่อถามว่า ทำไมต้องรอถึงเดือนกรกฎาคมถึงจะเปิดตัวบิ๊กเซอร์ไพรส์ นายเสกสกลกล่าวว่า ความจริงต้องการให้ กกต.รับรองออกมาให้เรียบร้อย และขอย้ำว่าคนที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคต้องมีจุดยืนชัดเจน 2 ข้อคือ 1.รักและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.ต้องประกาศจุดยืนชัดเจนว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ต่ออีก 1 สมัย และเราพร้อมจะผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสังกัดพลังประชารัฐหรือไม่

เมื่อถามอีกว่า ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ลงเล่นการเมืองต่อ นายเสกสกลกล่าวว่า เราก็จะสนับสนุนใครก็ตามที่มีจุดยืนปกป้องสถาบัน ใจซื่อมือสะอาด ไม่โกงชาติบ้านเมืองเหมือนอดีตผู้นำบางคน แต่ถึงอย่างไรตนมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังสู้ต่อ ยังอาสาทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป เมื่อถามว่าบิ๊กเนมที่จะมา มีชื่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ นายเสกสกลกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามนายพีระพันธุ์เอง แต่ตนไม่อยากให้ไปเจาะจงรายชื่อใคร เพราะบางคนยังไม่ได้ออกจากสมาชิกพรรคเดิม จะผิดกฎหมายพรรคการเมืองได้ แต่ยืนยันว่ามีหลายคนที่บิ๊กเซอร์ไพรส์จะมาร่วมงานกับเรา ส่วนหนึ่งเป็นชื่อตามที่มีข่าว เพราะมีการพูดคุยกันระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้ขอเวลา และขอยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคของ กปปส.ตามที่เป็นข่าว และยืนยันว่าไม่มีสีเสื้อ แต่เป็นรวมไทยสร้างชาติเป็นสโลแกนที่นายกฯ อยากเห็นคนไทยทุกคนรวมพลังกันสร้างบ้านสร้างเมืองให้เกิดความมั่นคงเข้มแข็งต่อไป

เมื่อถามว่า ถ้าพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ทั้งคู่ ในการเลือกตั้งจะตัดคะแนนกันหรือไม่ นายเสกสกลกล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่ประชาชนจะตัดสิน ยืนยันว่าในทางการเมืองไม่มีการตัดคะแนนกันอยู่แล้ว อยู่ที่ประชาชน ยืนยันว่า 2 พรรคมีแต่จะเป็นพันธมิตรกัน ตนให้ความเคารพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่า คาดว่ารวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคขนาดไหน นายเสกสกล กล่าวว่า เราส่ง ส.ส.ครบ 400 เขต บัญชีรายชื่อ 100 ครบทุกคน ซึ่งความตั้งใจเราก็อยากให้ได้มากที่สุด แต่จะได้มากแค่ไหนอยู่ที่ประชาชน ในใจเราอยากเป็นพรรคใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งไม่แน่เหมือนกันประชาชนอาจจะรวมใจเป็นหนึ่งเดียวเลือกรวมไทยสร้างชาติ อาจจะแลนด์สไลด์ชนะถล่มทลายมากกว่าพรรคเพื่อไทยก็ได้ใครจะไปรู้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP23 โดยกล่าวว่า กทม.เป็นสนามการต่อสู้ทางการเมือง ในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้ว่าฯ กทม./ส.ก. นี่เป็นการเลือกตั้งในท้องถิ่น แต่ก็มีการเมืองในภาพรวม การเมืองในภาพใหญ่เข้ามาสอดแทรกอยู่เป็นระยะๆ แน่นอนบางคนก็หวังที่จะให้ผลของการเมืองใหญ่ได้ส่งผลถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในคราวนี้ โดยเฉพาะพวกที่สังกัดพรรค ที่เห็นเป็นเรื่องเป็นราวกันมาก คือระบอบทักษิณ นำโดยนายทักษิณ ชินวัตร พักนี้ออกมาถี่ พูดวิพากษ์วิจารณ์การเมือง มาตั้งข้อสังเกต มาเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้ มาตำหนิคนนั้นคนนี้

“แต่คนทั่วไปก็วิพากษ์วิจารณ์กันตรงๆว่าทั้งหมดที่นายทักษิณกำลังทำอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องที่พยายามจะส่งคุณอุ๊งอิ๊ง (แพทองธาร) เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนต่อไป เพื่อที่จะสืบทอดอำนาจ อิทธิพล ในทางการเมืองของระบอบทักษิณ เรื่องนี้ ที่ทำให้คนมีความวิตกกังวลกันค่อนข้างมาก แล้วตั้งเป็นคำถามว่า ถ้าระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจในประเทศไทย บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ผมก็ได้แต่ปลอบใจไปว่า ไม่เห็นว่าจะต้องวิตกกังวลใจเลย ทุกอย่างขึ้นอยู่ประชาชนถ้าประชาชนไม่ลงคะแนนเสียงเลือก ระบอบทักษิณก็กลับมาไม่ได้ ทั้งตั้งความฝันไว้ลมๆ แล้งๆ ว่าจะเอานายทักษิณกลับมาอย่างเท่ๆ อย่างยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลเหนือประเทศไทย โดยไม่ต้องรับโทษจากคดีต่างๆ มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ชนะการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน อย่ากังวลใจ

นายสุเทพกล่าวต่อว่า สำคัญที่ว่าเราประชาชนทุกคนต้องตระหนักในภาระหน้าที่ ว่าเราต้องติดตามสถานการณ์ และเมื่อถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เราต้องออกไปใช้สิทธิลงคะแนนด้วยวิจารณญาณด้วยอย่างอิสระ เหมือนชาวกทม.ในขณะนี้ หลายคนอาจจะตัดสินใจไปแล้ว หรือหลายคนอาจจะติดตามสถานการณ์อยู่ การเลือกตั้งที่ผ่านมาในกทม.หลายครั้งที่ผ่านมาจนวันสุดท้าย การตัดสินใจของประชาชนชาว กทม. จึงจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นใครจะคาดการณ์ล่วงหน้าหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรตอนนี้ ก็เป็นช่วงของการศึกษา ติดตามเพื่อการตัดสินใจ เชื่อว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.คราวนี้ น่าจะส่งผลถึงการเมืองใหญ่อยู่พอสมควร เพราะจะเป็นบททดสอบบทแรกว่าๆ ว่าขณะนี้พี่น้องชาว กทม.มีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภาโพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ทนายวันชัย สอนศิริ เรื่อง "เกมแห่งอำนาจของครอบครัว" ตอนหนึ่งว่า นับแต่นี้ระหว่างที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และสภาก็ใกล้จะเปิด การเมืองทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่ก็จะเร่าร้อนขึ้นโดยลำดับ แต่ละคนแต่ละพรรคก็จะแสดงบทบาทกันอย่างเต็มที่ นักการเมืองบางคนที่ทั้งปีทั้งชาติไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย ก็จะรวมหัวกันขึ้นมาแสดงแต่ละช่วงแต่ละจังหวะ แม้แต่มวยเก่าม้าแก่ที่หมดเสียงหมดแรงก็ยังออกมาแสดงกับเขาด้วย ทั้งๆ บทที่แสดงออกมานั้นเขาเรียกว่านักเลงโบราณ ควรจะเลิกไปได้แล้วในยุคสมัยดิจิทัล แต่ก็ไม่รู้ตัว ยังหลงเงาตัวเอง ลองเทียบชั้นกันดูระหว่างอุ๊งอิ๊งกับนักเลงโบราณมันห่างกันกี่ยุคสมัย หรือจะเกาะชายกระโปรงเด็กเพื่อจะขอเกิดอีกสักครั้ง

“คุณทักษิณและครอบครัว ถ้าหวังจะช่วยประเทศไทย จะช่วยเหลือประชาชนคนไทย ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจ ไม่ต้องให้ครอบครัวมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ถ้าใจบริสุทธิ์ มีเงินทรัพย์สินเหลือเฟือดังที่พูด ก็สร้างความยิ่งใหญ่ได้โดยบริจาคเงินทองทรัพย์สินสร้างสาธารณประโยชน์ให้กับประเทศไทยให้กับคนไทยได้ทุกจังหวัดที่ยังลำบากยากจนกันอยู่เยอะแยะ ลองสร้างโรงพยาบาลใหญ่ๆ ให้ทุกจังหวัดหรือจะทุกอำเภอก็ได้ แค่นี้คนก็นับถือกันทั้งประเทศแล้ว เป็นเทพของคนไทยแล้ว พิมรี่พายทำแค่นิดเดียวยังระเบิดระเบ้อ แล้วนี่ทำมาก ทำใหญ่ ทำทั่ว คนจะไม่คารวะได้อย่างไร ไม่ต้องเล่นการเมืองก็ได้ ก็ใหญ่ในหัวใจของคนไทยแล้ว แต่ที่ไม่ทำเพราะอยากใหญ่อยากโต อยากได้อำนาจมากกว่า อยากให้ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์บนโลกใบนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวใครใดๆ ทั้งสิ้น มีคนบนโลกใบนี้ที่มีคนนับถือเป็นพันๆ ปีโดยที่เขาไม่ได้เล่นการเมือง ไอ้ที่พูดๆ กันสารพัดนั่นก็เพราะอยากได้อำนาจ ทุกอย่างในชีวิต ทรัพย์สินเงินทองมีท่วมหัวแล้ว แต่ที่ยังไม่มีทุกวันนี้ก็คืออำนาจ เกมกีฬาที่สนุกและลุ้นมันส์มากของมหาเศรษฐีพวกนี้ก็คือเกมแห่งอำนาจ เมื่อชนะแล้วใช้อำนาจเป็น ก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ถ้าใช้ไม่เป็น หาประโยชน์เข้าตัวก็หายนะ... แผ่นดินก็ไม่มีอยู่”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง