ปริญญ์ไขก๊อกปชป. ลั่นช็อก!ขอต่อสู้ข่าวหื่นกาม ‘ษิทรา’ขยี้ชี้เหยื่อกว่า10ราย

"ทนายตั้ม" ทิ้งระเบิด! ลูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่คุกคามทางเพศ คาดผู้หญิงตกเป็นเหยื่อว่า 10  ราย ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน พบเหยื่อรายล่าสุดอายุแค่ 18 ปี แจ้งความ สน.ลุมพินีแล้ว เผยอดีตถูกจับกุมและขึ้นศาลคดีข่มขืนเด็ก 2 กระทงที่บ้านพักในกรุงลอนดอน  "ปริญญ์ พานิชภักดิ์" แสดงความรับผิดชอบลาออกทุกตำแหน่งในประชาธิปัตย์ โต้ไม่ใช่คนแบบนั้น ยันเรื่องที่ลอนดอนจบไปนานแล้ว ไม่กระทบอะไรกับคดีนี้

เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม โดยหลอกว่าจะพามาคุยเรื่องงานและสอนเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาถึงจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศและลวนลามต่างๆ นานา ซึ่งได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีและเก็บหลักฐานไว้พร้อมหมดแล้ว

ปรากฏว่า นายษิทราได้โพสต์ประเด็นนี้ผ่านเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง เช่นข้อความระบุว่า "ค้นประวัติรองหัวหน้าพรรคคนนี้ไม่ธรรมดา เคยก่อเหตุลักษณะนี้กับหญิงไทยอายุ 18 ปี 2 คนที่ประเทศอังกฤษ สุดท้ายเรื่องเงียบเพราะพ่อใหญ่มากในเวลานั้น และทำแบบนี้กับอีกหลายคนในประเทศไทย ผมถือว่าเป็นภัยสังคมมากเลยนะครับ"

นายษิทรายังแคปข้อความจากกล่องข้อความที่ส่งเข้ามาโดยตรง ระบุว่า "ผมอยากมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากได้ยินเรื่องทำนองนี้มาจากเพื่อนผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นักศึกษาการเงิน ซึ่งเข้าใจผิดว่านายผู้นี้มีความรู้และเป็นคนดี เลยมีการไปฝึกงานและสัมภาษณ์งานกับนายผู้นี้ แต่สิ่งที่เพื่อนผมเจอกลับกลายเป็นการแต๊ะอั๋ง พูดจาไม่เหมาะสม รวมถึงการทักไลน์มาอย่างไม่เหมาะสม (ทั้งก่อนและหลังที่นายคนนี้จะแต่งงาน)

คนในวงการหุ้นส่วนใหญ่รู้ชื่อเสียงด้านลบนายคนนี้อยู่แล้ว รวมถึงสาเหตุที่นายคนนี้ต้องลาออกจากการเป็น  head โบรกเกอร์แห่งหนึ่ง เพราะถูกจับได้เรื่องไม่เหมาะสมพวกนี้แบบมีหลักฐาน ไม่ทราบคุณทนายรู้หรือไม่ว่านายคนนี้เคยโดนจับคดีข่มขืนที่อังกฤษมาแล้ว มีข้อมูลลงข่าวปี  2003 แต่เพราะพ่อเส้นใหญ่เรื่องเลยจบไป"

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า กรณีที่ผู้เสียหายร้องเรียนกับทนายตั้มว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลามนั้น เป็นเยาวชนอายุ 18 ปี กำลังศึกษาแบบสะสมหน่วยกิตในระดับปริญญาตรี หรือพรีดีกรี (Pre-Degree)  เทียบเท่าชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เยาวชนรายนี้รู้จักกับรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ในงานอบรมเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนและเศรษฐศาสตร์แห่งหนึ่ง กระทั่งได้ติดต่อกัน เยาวชนรายนี้ได้ขออนุญาตแม่ไปทานอาหารที่ร้านอาหารกึ่งผับ อโบฟ อีเลฟเว่น ชั้นดาดฟ้าโรงแรมเฟรเซอร์ สวีทส์ ซอยสุขุมวิท 11 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา  กรุงเทพฯ

เมื่อไปถึงปรากฏว่าไม่ได้คุยเรื่องเศรษฐกิจหรือการลงทุน แต่กลับพูดจาเกี่ยวกับเรื่องเพศ ก่อนจะหอมมือ หอมแก้ม จับก้น แถมขณะขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินยังลวนลามอีก หลังเกิดเหตุเยาวชนรายนี้ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังด้วยความหวาดกลัวและร้องไห้ตลอดเวลา  กระทั่งแม่ได้ติดต่อนายษิทราผ่านไลน์แอด (LINE@)  เพื่อขอคำปรึกษา จึงแนะนำให้แม่ไปแจ้งความ ต่อมาแม่ได้พาเยาวชนรายนี้ไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี เมื่อช่วงเย็นวันที่  12 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้ชุดสืบสวน สน.ลุมพินีอยู่ในระหว่างหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด  ก่อนจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป

ทำแบบนี้ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว

ต่อมานายษิทรายังเฟซบุ๊กไลฟ์ระบุว่า ยังมีผู้เสียหายอีกเกือบสิบคน ที่เป็นเหยื่อของรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ทักเข้ามาในไลน์แอด หลังจากที่เปิดประเด็นไม่ถึง 24  ชั่วโมง ซึ่งร้านอาหารดังกล่าวไม่ใช่รายแรกที่พามา แต่ยังมีเหยื่ออีกหลายคนที่พามาที่นี่ เช่นผู้เสียหายรายหนึ่งเคยถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่เข้ามาจีบ ชวนไปกินข้าวและไปที่อพาร์ตเมนต์ พอไปถึงก็ลวนลามต่างๆ นานาโดยไม่ยินยอม จึงได้หลบหนีออกไป ด้วยความโกรธและกลัวก็เลิกคบกันไป หลังจากนั้นก็ได้ยินข่าวว่าไปทำกับผู้เสียหายคนอื่นๆ วันหนึ่งเห็นข่าวว่าถูกจับกุมและขึ้นศาลคดีข่มขืนเด็ก 2 กระทงที่บ้านพักในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ยุคนั้นไม่มีข่าวในสื่อไทยเลย มีแต่สื่อต่างประเทศ เขาทำแบบนี้มาตั้งแต่สมัย 20 ปีที่แล้ว จนตอนนี้ยังไม่เลิกสันดาน แม้ว่าจะแต่งงานแล้วก็ตาม

ผู้เสียหายอีกรายหนึ่งระบุว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ตนเคยคบกับรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ตอนช่วงจะเรียนจบมีพฤติกรรมในช่วงที่กำลังทำวิจัยเพื่อเรียนจบปริญญาตรี สมัยที่รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่คนดังกล่าวเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ (AVP) ธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าไปทำโปรเจกต์จบที่นั่น เขาก็มีทีท่าให้ความช่วยเหลือ ทำดีกับตน จนวันหนึ่งชวนไปคุยที่คอนโดมิเนียมเพราะไม่สะดวกออกมา ตนก็ไปเพราะคิดว่าจะช่วยเรื่องโปรเจกต์ พอไปถึงกลับถูกลวนลาม กอดจูบ และข่มขืนกระทำชำเรา ตนสู้แรงไม่ได้ ตอนนั้นกลัวเขามากเพราะพ่อเขาใหญ่จริง เขาพูดโชว์พาวว่าพ่อจะได้ขึ้นตำแหน่งตำแหน่งหนึ่ง ก็ได้แต่เงียบ

หลังจากนั้นเขาเหมือนจะคบกัน แต่กลับพบว่าเป็นการไปหาในเวลาที่เขามีความต้องการทางเพศ ตนกลัวเขาไปพูดไปแบล็กเมล์มาตลอด และเขาจะชอบขึ้นเสียง พูดจาไม่ดี  ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทุกครั้งที่โมโหจะพูดจาหยาบคาย สุดท้ายจะต้องไปหาเขาทุกครั้งเวลาที่เขาเกิดอารมณ์ทางเพศ และทุกครั้งที่ไปหาเขาจะแก้ผ้าล่อนจ้อนรอไว้ตลอด  เมื่อไปถึงก็จะลากขึ้นเตียงเลย จะเลิกก็เลิกไม่ได้ เพราะเขาบอกว่าเขาเป็นคนที่จะเลิกเอง เราไม่มีสิทธิ์เลิก อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ทั้งที่ใจไม่ได้รัก แต่กลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะพ่อมีฐานะทางสังคม จึงต้องเงียบและจำยอมมาตลอด

วันหนึ่งเขาบังคับให้ไปหาตอนกลางคืน ต้องโกหกพ่อแม่ว่าไปหาเพื่อน แล้วทำโทรศัพท์หายในแท็กซี่ คืนนั้นเขากักขังไว้ในคอนโดฯ ไม่ให้กลับบ้าน ไม่ให้ติดต่อพ่อแม่ และปล่อยกลับมาอีกที 5 โมงเย็นของอีกวันหนึ่ง ตนจึงให้พี่สาวไปเคลียร์กับเขาเพราะอยากจะเลิก เขาไม่ยอมเลิก เมื่อไปสืบพบว่าติดคดีข่มขืนที่ประเทศอังกฤษ แต่ข่าวปิดเงียบ ทำอะไรไม่ได้ ทุกข์มาก จึงต้องหนีไปเรียนที่ออสเตรเลียจึงเลิกกับเขาได้ ผ่านไป 15 ปีเขายังทำแบบนี้ไม่มีเปลี่ยน น่าจะมีเหยื่อเยอะมาก แต่จะกล้าออกมากันไหม รับไม่ได้ถ้าเขาจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งใหญ่ทางการเมือง

ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน

ส่วนผู้เสียหายอีกรายหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยารักษาทุกวันถึงทุกวันนี้ ระบุว่า ทำงานอีเวนต์ เมื่อปี 2558  รู้จักกับรองหัวหน้าพรรค ใช้ชื่อปลอมว่า "ดุ๊ก" (Duke)  ขอเจอขอเลี้ยงข้าว ตนปฏิเสธแต่ถูกตามตื๊อมาตลอด กระทั่งวันหนึ่งมีโอกาสได้พบกัน ใช้จังหวะนั้นขึ้นไปที่อพาร์ตเมนต์ทาวเวอร์ พาร์ค ในซอยสุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ  เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลอกว่าจะขึ้นไปเอาของข้างบน ให้ขึ้นไปด้วย ปรากฏว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราทันที พยายามต่อสู้ขัดขืน แต่สู้แรงไม่ไหวถูกจับมือจนมือเขียว กระทั่งเขาสำเร็จความใคร่ ทีแรกมีความคิดว่าจะแจ้งความ แต่เขากล่าวว่า จะแจ้งความเหรอ รู้ไหมว่าพ่อเป็นใคร ถ้าแจ้งความครอบครัวน้องจะโดนอะไรบ้าง ปิดข่าวเอาเงินฟาดได้หมดอยู่แล้ว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพิ่งจะเปิดปากบอกพ่อแม่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แม่ทุบโต๊ะทำไมเป็นคนแบบนี้ กระทั่งไปทำงานที่พรรคการเมืองหนึ่ง เจอรองหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ก็พยายามหาเบอร์ใหม่จนเจอ ทักเข้ามาอีก ชวนไปกินข้าวอีก แต่ได้ปฏิเสธ ที่ย้อนแย้งก็คือหลังก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเสร็จ  ในโซเชียลของเขากลับโพสต์เรื่องธรรมะ เวลาตามตื๊อจะใช้แอปพลิเคชัน WhatsApp ในการตามตื๊อ มีการเคยนัดไปทานข้าวที่ร้านอาหารกึ่งผับ อโบฟ อีเลฟเว่น เวลาอยู่กับตนใช้ชื่อว่าดุ๊ก แต่พอสั่งสุรามาดื่มไม่ได้ใช้ชื่อดุ๊ก แต่เป็นชื่อจริงที่ทุกคนได้ยิน ผู้เสียหายจึงคิดว่าทำไมถึงโกหก

นอกจากนี้ เชื่อว่ามีเหยื่อรวมแล้วเกิน 10 ราย ในนี้ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน โดยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2556 และล่าสุดก็มีเหตุเกิดเมื่อปีก่อน ทำให้ต้องหนีไปต่างประเทศ หรือเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งทราบว่าสถานที่ในการก่อเหตุนั้นจะใช้ร้านอาหารแห่งนี้นัดพบหลายครั้ง โดยคนก่อเหตุมักจะข่มขู่เหยื่อ อ้างว่าพ่อตนเป็นใคร  และอาจจะมีรสนิยมชอบเหยื่อที่มีอาการขัดขืน ทั้งนี้ ขอให้เหยื่อรายอื่นๆ หากถูกกระทำในลักษณะนี้ให้มาแจ้งความเอาผิด เพราะโทษของคดีนี้มาอายุความถึง 20 ปี

ทนายษิทรายังทิ้งท้ายว่า ถึงเวลากำจัดภัยสังคม ตนไม่กลัวการถูกฟ้อง เพราะมีผู้เสียหายเยอะ การกระทำดังกล่าว ผู้ก่อเหตุทำบ่อยครั้ง จนคิดว่ากฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้

'ปริญญ์' ลาออกจากทุกตำแหน่ง

ด้าน พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านโทรศัพท์ว่า ได้สอบปากคำผู้เสียหายหลังรับแจ้งความเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมาไปแล้ว ส่วนรายละเอียดความคืบหน้าของคดีนั้นยังคงอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พี่น้องสื่อมวลชนโทรศัพท์มาถามผมเยอะมาก  ทั้งสอบถามผ่านในกล่องข้อความในทวิตเตอร์ ในเฟซบุ๊ก ว่าจะแถลงข่าวเรื่องรองหัวหน้าพรรคหรือไม่ ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับ ผมไม่ทราบว่าเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร  แต่ถ้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอย้ำในหลักการสำคัญว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายและความถูกต้องของบ้านเมือง  ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก"

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีถูกเปิดโปงว่ามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายรายว่า  ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่เป็นความจริง แต่เรื่องนี้ทำให้กระทบกับภาพลักษณ์ของตัวเองและพรรค จึงขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรค และเพื่อพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมยินดีให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าตนข่มขืนผู้หญิงด้วยนั้น รู้สึกช็อกและตกใจ ยืนยันตนไม่มีนิสัยเช่นนั้นแน่นอน ไม่ใช่คนแบบนั้น

นายปริญญ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่คิดจะฟ้องกลับใคร ถ้ามีการให้การเท็จก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาไปก่อน วันนี้ขอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรงจะดีที่สุด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการเล่นข่าวนี้ในเวลาเลือกตั้ง เป็นการหวังผลทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่อยากคิดว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง

 “ผมยังอยากทำงานช่วยพรรค ช่วยสังคมอยู่ แต่เมื่อมีเรื่องกล่าวหาก็ต้องเคลียร์ตัวเองก่อน การตัดสินใจลาออกผู้ใหญ่ในพรรครับทราบ ส่วนหัวหน้าพรรคไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของผม และเชื่อว่าความจริงจะปรากฏ แต่ต้องใช้เวลา” นายปริญญ์กล่าว 

เมื่อถามว่า เหตุใดจึงโทรศัพท์ไปหาแม่ของผู้เสียหาย  นายปริญญ์กล่าวว่า โทรศัพท์ไปหาเพื่อต้องการทำความเข้าใจกับแม่ และจะบอกว่าไม่หนีไปไหน นอกจากนี้เหตุการณ์วันดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เวลา 17.00 น. โดยประมาณ ซึ่งคนแน่นร้าน ไม่ได้อยู่สองต่อสอง

ถามถึงคดีที่เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ นายปริญญ์กล่าวสั้นๆ ว่า จบไปนานแล้ว ไม่กระทบอะไรกับคดีนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง