กองทัพบอยคอตลาซาด้า

กองทัพบอยคอต "Lazada" ห้ามเข้าหน่วยทหารทั่วประเทศ รองโฆษก ทบ.ย้ำเป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์ในการปกป้องสถาบัน และใช้มาตรการทางสังคมต่อองค์กรที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและสร้างความแตกแยกในสังคมไทย

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีคลิปและภาพโปรโมตจากอินฟลูเอนเซอร์ “นารา เครปกะเทย” หมิ่นเหม่พาดพิงบุคคล และเป็นการล้อเลียนลักษณะทางร่างกายที่เกิดจากความเจ็บป่วยในโฆษณาของ Lazada และเป็นที่มาของการออกแถลงการณ์ขออภัยต่อสังคม

ล่าสุด พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกประจำวัน พร้อมสั่งให้หน่วยทหารทั่วประเทศงดสั่งสินค้าจาก Lazada รวมถึงห้ามรถส่งสินค้าเข้ามาภายในพื้นที่หน่วยทหาร แต่ไม่ห้ามกำลังพลในการสั่งซื้อสินค้า  ซึ่งหากมีการสั่งก็ให้ออกไปรับนอกพื้นที่หน่วยทหาร

พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก  แถลงเรื่องนี้ว่า จากการที่แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์  Lazada ได้มีการนำเสนอโฆษณาด้านการตลาด (Content) ในลักษณะที่ก้าวล่วงสถาบัน บ่อนทำลาย และกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยอย่างร้ายแรง ล่าสุดในส่วนของกองทัพบกได้มีนโยบายห้ามทุกหน่วยทหารในสังกัด  หรือกิจการใดๆ ของกองทัพบกใช้บริการสั่งสินค้าจากแพลตฟอร์ม Lazada รวมทั้งไม่อนุญาตให้มีการส่งของจากแพลตฟอร์ม Lazada เข้ามาในพื้นที่ของหน่วยทหารหรือพื้นที่ที่กองทัพบกให้การดูแล

"ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์ในการปกป้องสถาบัน และใช้มาตรการทางสังคมต่อองค์กรที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและสร้างความแตกแยกในสังคมไทย ทั้งนี้ตั้งแต่วันนี้ (9 พ.ค.65)" รองโฆษกกองทัพบกกล่าว

พลอากาศตรีบุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ  เปิดเผยว่า ตามที่แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ Lazada ได้ลงโฆษณาที่มีลักษณะล้อเลียนผู้อื่นตามที่รับทราบกันโดยทั่วไปแล้วนั้น ในส่วนของกองทัพอากาศ จึงขอความร่วมมือกำลังพลของกองทัพอากาศและครอบครัว ขอให้พิจารณาไตร่ตรองการสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นสิ่งที่กระทบต่อความรู้สึกของสังคม ไม่ให้เกียรติและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือเจ็บป่วย

 ทั้งนี้ กองทัพอากาศให้ความสำคัญและตระหนักในคุณค่าของสังคมไทยที่อยู่ร่วมกันอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไปยื่นเรื่องต่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขอให้ร้องศาลสั่งปิดเว็บไซต์และแพลตฟอร์มขายสินค้าชื่อดังที่ปล่อยให้มีการเผยแพร่โฆษณาที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันว่า  กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ได้ทราบข่าว ว่ามีการโพสต์ไม่เหมาะสมในแพลตฟอร์มชื่อดัง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจากทุกช่องทาง ยูทูบ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์  พบว่ามี 42 ยูอาร์แอลที่แชร์ข้อมูล จึงได้ประสานงานกับแพลตฟอร์มให้ทำการปิดกั้น เทกดาวน์ไปแล้ว และจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดกับผู้มีความผิด และจะขอคำสั่งศาลสั่งปิดกั้นด้วยหากแพลตฟอร์มยังไม่ปิดกั้น แต่คิดว่าน่าจะปิดได้หมดไม่มีปัญหา

ฝากเตือนไปยังอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้ที่จะโพสต์ข้อความหรือคลิปต่างๆ รวมถึงเอเจนซีโฆษณา อยากให้มีความระมัดระวังโพสต์ที่จะกระทบความรู้สึกของคนไทยหรือผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณสื่อในการโฆษณา จึงอยากให้ทำงานด้วยความระมัดระวัง ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ทั้งนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดกับผู้กระทำผิดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนารา เครปกะเทย  ที่เป็นเจ้าของโพสต์, บริษัทโฆษณา, ตัวแพลตฟอร์ม ประกอบด้วย 3 กลุ่มนี้ซึ่งต้องดำเนินคดีทั้ง 3 กลุ่ม  ส่วนใครจะมีความผิดอย่างไรต้องดำเนินไปตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเชิญบริษัทโฆษณา เอเจนซี มาทำความเข้าใจรูปแบบการนำเสนอหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า  เป็นหน้าที่ของสมาคมโฆษณาที่มีมาตรฐานวิชาชีพ มีจรรยาบรรณ ที่จะต้องดูแลกันเอง ตนเชื่อว่าเขาได้พูดคุยกันอยู่แล้วในการบังคับใช้ มีจริยธรรมอย่างจริงจัง และควรมีบทลงโทษคนที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือจรรยาบรรณของสมาคมโฆษณา สื่อโฆษณา ซึ่งตนอยากให้พวกเขากำกับกันเองมากกว่า เพราะหากเราไปใช้อำนาจรัฐก็เท่ากับไปแทรกแซง หรือทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ทางสมาคมเขาจะกำกับดูแลกันเอง ส่วนทางเราก็คอยไปประสานงาน

นายชัยวุฒิกล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพราะกระทบความรู้สึกคนไทย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มเองก็โดนกระทบมาก ที่กระทำไม่เหมาะสม คนไทยรับไม่ได้  ถือเป็นอุทาหรณ์ให้แพลตฟอร์มหรือการค้าออนไลน์การโฆษณาต่างๆ ที่จะต้องมีความระมัดระวัง การกระทำใดที่ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย ขัดความรู้สึกของคนไทย สังคมจะลงโทษทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางฝ่ายเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายการให้บริการดิจิทัล (Digital Services  Act - DSA) ที่เหมือนกับกฎหมายของสหภาพยุโรป  (อียู) เพื่อใช้มากำกับดูแลแพลตฟอร์มต่างๆ รมว.ดีอีเอสตอบว่า กฎหมายที่จะดูแลเรื่องแพลตฟอร์มเราได้ร่างแล้ว เพื่อให้มีมาตรฐานสากลเหมือนในยุโรป ขณะนี้อยู่ระหว่างคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายกำลังยกร่างซึ่งใกล้เสร็จแล้วจะได้เข้าสู่สภา แต่อย่างไรก็ตามเรามีพระราชกฤษฎีกากำกับแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงานกฤษฎีกาตรวจร่างก่อนจะประกาศ ซึ่งจะมีการบังคับให้แพลตฟอร์มดิจิทัล อีคอมเมิร์ซต่างๆ จะต้องมาจดแจ้งการประกอบการ ต้องมีมาตรการควบคุมการใช้งานไม่ให้ผิดกฎหมาย หรือกระทบต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อมีมาตรการกำกับดูแล เช่น เขาต้องมีตัวแทนในประเทศไทย  มีอัลกอริทึมที่เหมาะสมในการโพสต์หรือแชร์ มีการควบคุมไม่ให้มีปัญหา กำกับดูแลโดยพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำกับแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะออกเร็วๆ นี้ ซึ่งผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้ว กฤษฎีกาตรวจร่างยังไม่เสร็จจึงยังไม่ได้ประกาศใช้

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) มีความห่วงใยและเห็นว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการขาดความตระหนักรู้เรื่องการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้พิการหรือทุพพลภาพ ซึ่งต่างมีคุณค่าในฐานะที่เกิดเป็นมนุษย์เช่นเดียวกันกับบุคคลทั่วไป และไม่ว่าใครก็ไม่ควรปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยที่ทำให้พวกเขามีคุณค่าที่ต่ำลง เพราะแม้ว่าเราทุกคนจะมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน  แต่การใช้สิทธิและเสรีภาพเช่นว่านั้นจะต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น หรือมีผลทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นด้อยค่าลง

 “การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกันและกัน  เป็นคุณค่าพื้นฐานสำคัญที่สังคมต้องร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ และไม่ยอมรับในการกระทำอันเป็นการดูหมิ่นหรือด้อยคุณค่าของผู้อื่น ซึ่ง กสม.ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กสม.เพิ่งมีมติให้แจ้งข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องคล้ายคลึงกัน คือกรณีการดูหมิ่นศักดิ์ศรีคนอีสานในสื่อสังคมออนไลน์กลุ่มคลับเฮาส์ โดยหนึ่งในข้อเสนอคือให้มีการกำหนดแนวทางในการสร้างความตระหนักรู้ และค่านิยมที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ ที่เคารพในความเป็นส่วนตัว เกียรติยศ ชื่อเสียงของผู้อื่น รวมถึงการรู้เท่าทันภัยจากสื่อออนไลน์ด้วย” นายวสันต์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง