‘ปู’จำได้หมดเว้นโกง ครวญ 8 ปีรัฐประหารไม่คืนความสุข พท.ผสมโรงด่าลั่น

"ยิ่งลักษณ์" โผล่ 8 ปีรัฐประหาร ความทรงจำชัดเจนทุกอย่าง  ม็อบชัตดาวน์ กทม. ขัดขวางเลือกตั้ง แต่น่าเสียดายจำเรื่องรัฐบาลนิรโทษกรรมเหมาเข่ง โกงจำนำข้าวไม่ได้ ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยดาหน้าเล่าเหตุการณ์ก่อนถูกยึดอำนาจ เสี่ยอ้วนย้ำ เพื่อไทยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2565 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ รัฐบาลดิฉันถูกยึดอำนาจไป 8 ปีแล้ว สำหรับบางคนดูเหมือนจะนาน แต่ความทรงจำช่วงนั้นยังคงชัดเจนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการออกมาประท้วงให้ยุบสภาผ่านการชัตดาวน์กรุงเทพมหานคร ปิดกั้นการทำงานของหน่วยงานราชการ แม้ดิฉันได้คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน แต่ก็มีการขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้กลไกประชาธิปไตยทำงานเพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดสุญญากาศทางการเมืองประเทศถึงทางตัน เป็นเหตุให้นำไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 

ดิฉันจำได้ดีภาพที่หัวหน้าคณะรัฐประหารได้ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ เพื่อประกาศยึดอำนาจพร้อมกับบอกว่า รัฐบาลทำบ้านเมืองเสียหายจึงยึดอำนาจ และจะคืนความสุขให้กับคนไทยโดยเร็ว

8 ปีผ่านไป หากคณะรัฐประหารสามารถบริหารประเทศให้มีความเจริญมั่งคั่ง ภาพจำเมื่อ 8 ปีก่อนคงจะเลือนรางลงหรือไม่มีใครนึกถึง แต่วันนี้ภาพนั้นกลับชัดเจนเด่นมากขึ้น เพราะบุคคลที่ยึดอำนาจไม่สามารถ "turn on" ประเทศไทยได้ตามที่สัญญาไว้

ดิฉันหวังว่าในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งไหน ฝ่ายประชาธิปไตยจะร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อได้อำนาจรัฐกลับมาบริหารประเทศโดยเร็ว เพื่อสร้างโอกาสให้กับคนไทยทั้งประเทศค่ะ

ขณะที่พรรคเพื่อไทย เผยแพร่คลิปวิดีโอ ‘เสี้ยววินาทีปลายกระบอกปืนจ่อหัวประชาชน รัฐประหาร 57’ (https://youtu.be/_I35nVr-Mis) ความยาว 18 นาที เผยนาที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกเล่าช่วงเวลาก่อนทำรัฐประหารและหลังรัฐประหารเป็นเวลา 7 วัน ผ่านแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ยืนหยัดรักษาประชาธิปไตยแต่ต้องถูกกระทำต่างๆ นานาจากฝ่ายผู้กระทำการรัฐประหาร

ผู้ที่ร่วมเล่าเหตุการณ์ในสารคดีนี้คือ นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนั้นดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเป็นผู้ที่อยู่ในห้องเจรจา และกล่าวยืนยัน ‘ไม่ลาออก’, นายภูมิธรรม เวชยชัย กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คลิปวิดีโอนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ถึงความพยายามปกป้องประชาธิปไตยขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้นำกองทัพและกำลังทหารที่พร้อมไปด้วยอาวุธสงคราม ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งต่อมาได้ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยแต่ละคนถูกจับกุมคุมขัง และจำกัดเสรีภาพ รวมไปถึงการเปิดเผยถึงการกดดันและการต่อรองในการจัดให้มีการเลือกตั้ง และยังเล่าย้อนถึงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่เป็นต้นสายปลายเหตุของการรัฐประหาร แม้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจะตัดสินใจประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน แต่การชุมนุมก็ยังไม่ยุติ และต่อมาได้ทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายทำให้เกิดการทำลายประชาธิปไตยครั้งใหญ่

ความฝันของเพื่อไทย

ในคลิปวิดีโอดังกล่าว แกนนำพรรคเพื่อไทยได้ถอดบทเรียนการเดินหน้าเสนอ ‘พ.ร.บ. นิรโทษกรรม’ ในครั้งนั้น นายภูมิธรรม ในฐานะหนึ่งในผู้ร่วมบุกเบิกก่อตั้งพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า “ผมอยู่กับพรรคไทยรักไทยมาตั้งแต่ต้น เชื่อว่าพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย เป็นสถาบันทางการเมืองที่รวบรวมคนที่มีความตั้งใจดี อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และคนเหล่านี้ได้ทุ่มเท อุทิศชีวิตตัวเองเข้ากับระบบการเมืองของประเทศ แต่ภายใต้ระบบการเมืองและการรัฐประหาร ได้ทำลายชีวิต บางคนต้องตาย ติดคุกติดตะราง และหลายคนต้องระเห็จระเหเร่ร่อน ไม่เฉพาะผู้นำพรรคเท่านั้นที่ต้องไปอยู่ต่างประเทศ

“ผมคิดว่าอันนี้เป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นว่าการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของคนมีอำนาจกลุ่มหนึ่ง ได้ทำลายโอกาสของประชาชนและโอกาสพรรคการเมือง ซึ่งมันเป็นหัวใจของการบริหารจัดการทรัพยากรในสังคมให้เกิดความยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมที่สุด ที่นี่ไม่ได้มีความถูกต้องเหมาะสม 100 เปอร์เซ็นต์ ที่นี่ก็เป็นองค์กรที่เหมือนกับองค์กรอื่นๆ ในสังคมไทย ซึ่งมีทั้งสิ่งที่เป็นองค์ประกอบที่ถูกต้องบ้าง ผิดพลาดบ้าง แต่ทิศทางหลักที่เราเดิน เราเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และเรายังอยากทำสิ่งนั้นให้มันเกิดขึ้น ความฝันของเรา 2 เรื่องใหญ่ ซึ่งรวมศูนย์อยู่ที่ประชาชนคือ ประชาธิปไตยกับความยุติธรรม” นายภูมิธรรมกล่าว

ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยึดอำนาจการปกครองประเทศไปจากมือของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2557 โดยอ้างเหตุของการยึดอำนาจว่าต้องการยุติความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองที่รุนแรง ปัญหาการทุจริต การบังคับใช้กฎหมายที่ทำให้เกิดความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ฯลฯ แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ครบรอบ 8 ปี ประเทศไทยที่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่กล่าวอ้างได้แม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามการยึดอำนาจกลับทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น ประเทศตกหล่มแห่งความล้าหลัง สิ้นหวัง ล้มเหลว หมดหนทางทำมาหากิน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

รัฐประหารครบ 8 ปี ให้อะไรเราบ้าง 1.คนจนล้นประเทศ กว่า 20 ล้านคน 2.ประเทศเป็นหนี้ท่วมหัว 10 ล้านล้านบาท 3.ทุจริตภาครัฐพุ่งทะยานแตะ 3 แสนล้านบาท 4.คอร์รัปชันเบ่งบาน คะแนนป้องกันปราบปรามตกต่ำ 5.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ยึดโยงการเปลี่ยนแปลงของโลก ไร้แผนงาน ไร้เป้าหมายที่ชัดเจน 6.อำนาจ ส.ว.จาก คสช.ล้นเหลืออำนาจ ส.ส.ที่มาจากประชาชน

ถูกขโมยไปการรัฐประหาร

น.ส.ธีรรัตน์กล่าวอีกว่า เสียดายโอกาสของประเทศที่กำลังจะไปได้ดีจากรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง หลายโครงการที่เพื่อไทยต้องการจะดิสรัปต์ประเทศ โดยมุ่งหวังให้คนไทยมีศักดิ์ศรี ยืนหยัดทัดเทียมนานาชาติ แต่โอกาสเหล่านั้นถูกขโมยไปจากคณะรัฐประหาร โอกาสของคนไทย ที่ถูกขโมยไปการรัฐประหาร ได้แก่

1.ความเท่าเทียมทางการศึกษาที่หายไป จากนโยบาย One tablet per childs ที่จะมีการนำเอาหลักสูตรการสอนลงแท็บเล็ต 2.โอกาสของเกษตรกร ที่ถูกพรากไปจากการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากราคาข้าวเปลือกที่ 15,000-20,000 บาทต่อตัน 3.โอกาสด้านการคมนาคมที่ครบลูป ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ที่เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านไปถึงประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั้งหมดถูกตีค่าด้อยลงไป จากการระงับโครงการอนาคตไทย 2020

4.โอกาสของพี่น้องแรงงานที่จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ ด้วยค่าแรงที่จะเพิ่มขึ้น จากที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรับค่าแรงขั้นต่ำ จากที่แรงงานเคยได้ 151-206 บาทต่อวันในปี 2553  มาเป็น 300 บาทหรือปรับขึ้น 40% ทันที แต่ ผ่านมา 8 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นค่าแรงมาเพียง 13-36 บาท ค่าแรงขั้นต่ำคนไทยอยู่ที่ 313-336 บาทเท่านั้น

นส.ธีรรัตน์กล่าวว่า หากทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยก้าวต่อไปข้างหน้าให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รัฐประหารต้องไม่เกิดขึ้นอีกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ข้ออ้างของคณะรัฐประหารที่ทำไปโดยอ้างว่าต้องการดำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศ แต่การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนและประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการคือการเปิดรับความคิดเห็นที่หลากหลาย และปากท้องที่กินดีอยู่ดี ไม่ใช่การกดปราบควบคุมเสมือนประชาชนไม่ใช่เจ้าของอำนาจอธิปไตย

“ประเทศไทยไม่ใช่สมรภูมิสู้รบของผู้มีอำนาจกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะสุดท้ายผู้แพ้คือประชาชน ความเจ็บปวดสูญเสียอนาคตจะยังตราตรึงส่งต่อไปถึงลูกหลาน ที่จะไม่สยบยอมต่ออำนาจนอกระบอบการปกครองประชาธิปไตยอีกต่อไป” น.ส.ธีรรัตน์กล่าว

'แรมโบ้'ดีดปาก'ปู'

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิจารณ์ 8 ปีรัฐประหารพร้อมหวังฝ่ายประชาธิปไตยร่วมมือกันเอาอำนาจรัฐคืนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่ามองเพียงด้านเดียวของตัวเอง ควรมองด้วยว่าสาเหตุที่มีการรัฐประหารนั้นเพราะอะไร ก็เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำเอาไว้เอง บริหารบ้านเมืองผิดพลาด เอาแต่ประโยชน์ของครอบครัวเป็นหลัก จนประชาชนทั้งประเทศออกมาขับไล่ จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก่อเอาไว้ด้วย

นายเสกสกลยืนยันว่า ตลอดการบริหารบ้านเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แก้ปัญหามาหลายอย่าง พัฒนาประเทศมายมากกว่าในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มากมาย ซึ่งแม้ช่วงแรกจะเป็นนายกฯ ที่มาจากการรัฐประหารก็จริง แต่ก็มีความตั้งใจจริงอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งก็ถือว่าทำงานได้ดีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อีก เหตุใดถึงไม่มองเรื่องนี้ด้วย

“นางสาวยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ จะเอาแต่เรื่องประชาธิปไตยมาพูดหรือมาอ้างไม่ได้ เพราะขณะนี้นายกฯ ประยุทธ์ ได้เข้ามาตามกระบวนการ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง และจะอยู่แก้ไขปัญหาให้ประชาชนจนครบวาระ นอกจากนี้คนที่บอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้น ก็ขอให้ย้อนมองด้วยว่าเป็นแบบนั้นหรือไม่ เป็นประชาธิปไตยหลอกลวงเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่า ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างแท้จริง เพราะตนเองเห็นว่าวันๆ มุ่งแต่จะออกมากล่าวหา โจมตีคนอื่น ออกมาเคลื่อนไหวต่างๆ เพราะไม่ยอมรับกับกติกาของคนส่วนใหญ่ เป้าหมายล้มรัฐบาล กลับเข้ามามีอำนาจรัฐ แสวงหาผลประโยชน์ให้กับครอบครัววงศ์ตระกูลเดียวเท่านั้น"

นายเสกสกลกล่าวอีกว่า ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะร่วมมือกันเพื่อได้อำนาจรัฐกลับมาบริหารประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้กับคนไทยทั้งประเทศนั้น คงไม่มีใครเชื่อ เพราะตัวอย่างที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ถูกหลอกให้มาเรียกร้องประชาธิปไตยบนท้องถนน พอมีอำนาจแล้วไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อปกครองให้เป็นประชาธิปไตย กลับมาใช้เผด็จการรัฐสภา พวกมากลากไป ออกกฎหมายตามที่ต้องการ ไม่ได้สร้างโอกาสให้ประชาชน แต่กลับตรงข้าม ให้โอกาสแต่ตนเองและพวกพ้องมากกว่า

"การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาเรียกร้องรวมตัวโหยหิวประชาธิปไตยครั้งนี้อีก เพียงเพื่อทำทุกอย่างให้นายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นผิดและเดินทางกลับประเทศไทยเท่านั้น เป้าหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก คงลืมไปว่าประชาชนคนไทยหูตาสว่าง อ่านทางของเครือข่ายนายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ออกหมดแล้ว ทั้งสองคนพี่น้องควรหยุดพูดดีกว่า เพราะอ้าปากคนก็เห็นลิ้นไก่ พวกสมุนหรือคนที่รู้ทันแต่แกล้งไม่รู้ ทำเป็นโง่ เพื่อประจบเอาใจเจ้านายเท่านั้นที่ยังจะแกล้งยอมจำใจเชื่อในคำพูดของนางสาวยิ่งลักษณ์" นายเสกสกลกล่าว.

   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง