เบรก‘โควิด’ประจำถิ่น ชงโรคติดต่อเฝ้าระวัง

ไทยเบรกประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่น “อนุทิน” ชี้ต้องรอท่าที WHO ก่อน เล็งชง คกก.โรคติดต่อแห่งชาติปรับเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง พร้อมสั่งการจังหวัดเกาะติดสถานการณ์หลังไฟเขียวเปิดผับบาร์ 2-3 สัปดาห์ ด้านบิ๊กตู่ฮึ่ม! ขีดเส้นห้ามมีคลัสเตอร์ใหม่เด็ดขาด

เมื่อวันพุธ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,563 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 4,552 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,542 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุก 10 ราย, มาจากเรือนจำหรือสถานที่ต้องขัง 11 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 5,125 ราย อยู่ระหว่างรักษา 39,271 ราย อาการหนัก 850 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 414 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 28 ราย เป็นชาย 13 ราย หญิง 15 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 21 ราย มีโรคเรื้อรัง 6 ราย ไม่มีโรคเรื้อรัง 1 ราย

ทั้งนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,455,020 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,385,702 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 30,047 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 532,804,371 ราย เสียชีวิตสะสม 6,313,694 ราย

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขว่า  เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ลดลง ทั้งผู้ป่วยเหลือลดลงต่ำกว่า 5,000 คน การเสียชีวิตน้อยกว่า 50 คน มีการรับวัคซีนไปมากกว่า 140 ล้านโดส กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอผ่อนคลายมาตรการต่างๆ โดยวันนี้ (1 มิ.ย.) มีการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด แต่ต้องเปิดบริการไม่เกิน 24.00 น. ซึ่งส่งผลให้สถานที่เปิดบริการ พนักงานยังต้องเคร่งครัดการปฏิบัติตัว มีการตรวจ ATK และต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น

 “แม้ว่าการเปิดบริการเหล่านี้จะทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่ก็จะไม่รุนแรง และให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำการประเมินหลังผ่านไป 2-3 สัปดาห์ ส่วนการพิจารณาให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นนั้น ยังคงต้องรอท่าทีขององค์การอนามัยโลกก่อน แม้ไทยจะไม่ได้เป็นเมืองขึ้นก็ตาม เบื้องต้นได้เตรียมเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังที่คล้ายกับโรคติดต่อทั่วไป” นายอนุทินระบุ

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเป็นโรคเฝ้าระวัง ก็เหมือนกันโรคอื่นที่พบ เช่น โรคไข้เลือดออก ต้องมีการติดตามเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค และพัฒนา

 ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับหน่วยงานติดตาม ตรวจสอบสถานประกอบการ หลัง ศบค.มีมติให้สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดให้บริการวันนี้เป็นวันแรก โดยยังต้องผ่านมาตรฐาน Thai Stop COVID 2Plus และที่ยื่นขออนุญาตกับสำนักงานเขตพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

นายธนกรกล่าวด้วยว่า พร้อมทั้งต้องปฏิบัติตาม COVID Free Setting ได้แก่ 1.เปิดให้บริการและจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น. งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความแออัด 2.ผู้ประกอบการหรือผู้ให้บริการต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้น ตรวจ ATK ทุก 7 วัน 3.ผู้ประกอบการต้องจัดให้มีการตรวจสอบประวัติการรับวัคซีนของผู้รับบริการ โดยต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้นเท่านั้น

 “โดยนายกรัฐมนตรีกำชับทั้งผู้ให้บริการและผู้เข้ารับบริการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย แม้ว่าภาพรวมของสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังไม่ให้กลับมามีการระบาดจากคลัสเตอร์ใหม่โดยเด็ดขาด” นายธนกรกล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปกำกับดูแล พร้อมกำชับการปฏิบัติของทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้อง โดยให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ สร้างการรับรู้ มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสตามแนวทางของ ศบค. และตามประกาศ คำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดของแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า รวมถึงการออกตรวจสอบ กวดขัน พร้อมให้คำแนะนำสถานประกอบการ ร้านค้า ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง ประกาศ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด อีกทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ทุกหน่วยในพื้นที่เกี่ยวข้องประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ ออกตรวจสอบสถานประกอบการ แหล่งมั่วสุม หรือสถานที่มีประชาชนแออัดจำนวนมาก หากพบการฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด

 “นอกจากนี้ กำชับตำรวจทุกนายห้ามมีส่วนข้องเกี่ยวกับการกระทำความผิดทุกรูปแบบไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อม หากตรวจสอบพบว่าพื้นที่ใดปล่อยปละละเลย หรือหย่อนยาน จะพิจารณาดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับต่อไปไม่มีข้อยกเว้น” พ.ต.อ.กฤษณะระบุ

ที่ จ.เชียงใหม่ นายประจญ​ ปรัชญ์สกุล​ ผู้ว่าราชการจังหวัด​เชียงใหม่​ และประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่​ ได้มอบหมายให้หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคในพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบ กำกับ และติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งนี้โดยเคร่งครัด และจัดให้มีช่องทางสำหรับการร้องเรียน ร้องทุกข์สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

"โดยให้ใช้กลไกการมีส่วนร่วมของ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นหน่วยในการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนในพื้นที่​ ซึ่งค่ำวันนี้จะมีการออกตรวจติดตามในพื้นที่บริการด้วย" นายประจญระบุ

ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต นายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต (ผภก.) ลงพื้นที่ติดตามและอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่เดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตตามมาตรการเปิดประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นไป ชาวไทยที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ไม่ต้องกรอกข้อมูลในระบบ Thailand Pass ส่วนชาวต่างชาติต้องกรอกข้อมูลในระบบคงเดิม และกรณีที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่มีผล RRT-PCR หรือ ATK สามารถรับบริการ Professional ATK ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต

ที่ จ.ยะลา ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ร.ต.ต.ธรณินทร์ ลีม๊ะ รองสารวัตรด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ทางมาเลเซียเปิดให้คนไทยเข้าแบบ One day trip วันเดียวกลับไม่ต้องค้างคืน สำหรับคนที่เดินทางไปมาเลเซียต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม คือพาสปอร์ตต้องมีอายุไม่เกิน ยังไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ส่วน Border Pass ไม่ต่ำกว่า 1 เดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเดินทางเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ทุกคนต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 โดส และหากมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ต้องฉีดวัคซีน 3 โดส เฉพาะเดือนมิถุนายนนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เพิ่มขึ้นกว่า 300 คนต่อวัน จากยอดผู้ใช้บริการราว 9,300 คนต่อวันในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่คัดกรอง ป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัด.