หนังตัวอย่างซักฟอกทุจริต3โครงการ

เพื่อไทยโหมโรงซักฟอก!   โชว์หนังตัวอย่างทุจริตรัฐบาล แฉ 3 โครงการกรมศุลกากร 4 พันล้าน โยงบริษัทขายเรือดำน้ำ นายทุนบริจาคเงิน พปชร. ลั่นของจริงรอฟังในสภา มั่นใจน็อก "บิ๊กตู่" ได้แน่ สวนดุสิตโพลชี้ประชาชนหนุนอภิปรายไม่ไว้วางใจ   "นายกฯ" มากสุด รองลงมา "ประวิตร-อนุทิน-จุรินทร์-ศักดิ์สยาม" ขณะที่ซูเปอร์โพลเชื่อ รบ.ผ่านฉลุย เชียร์ "ประยุทธ์" ทำงานต่อ

ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ไทม์ไลน์ในการอภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 11 คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบไปด้วย 1.กลุ่ม 3 ป. ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม,   พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 2.กลุ่มแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ 3.กลุ่มรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ได้แก่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน 

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า การจัดสรรเวลาอภิปรายนั้น วิป 3 ฝ่ายได้กำหนดวันอภิปรายทั้งหมด 4 วัน เริ่มวันที่ 19-21 ก.ค. เวลา 08.30-00.30 น. และวันสุดท้าย 22 ก.ค. เวลา 08.30-23.30 น. ลงมติวันที่ 23 ก.ค. เวลา 10.00 น. โดยการจัดสรรเวลาของแต่ละฝ่ายรวมทั้งหมด 63 ชั่วโมง แบ่งเป็น พรรคร่วมฝ่ายค้าน 45 ชั่วโมง ที่เหลือก็เป็นของประธานสภาฯ ครม. และพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ การอภิปรายครั้งนี้จะพิเศษกว่าทุกครั้ง ซึ่ง ส.ส.ฝ่ายค้านสามารถลุกขึ้นอภิปรายรัฐมนตรีได้มากกว่าหนึ่งคน เพราะที่ผ่านมาสามารถใช้สิทธิ์ลุกขึ้นอภิปรายรัฐมนตรีได้เพียงหนึ่งคน เช่น หากอภิปรายนายกฯ แล้วสามารถอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นได้อีกหนึ่งคน รวมทั้งหากมีฝ่ายใดลุกขึ้นประท้วงก็ให้หักเวลาในฝ่ายนั้นๆ 

สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก ในวันที่ 19 ก.ค. มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เริ่มต้นด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดญัตติการอภิปรายฯ ส่วนความพร้อมของพรรคเพื่อไทยในการอภิปรายนั้น พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมมาก มั่นใจว่าการอภิปรายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดความเสียหาย ทุกอย่างผิดพลาดอย่างร้ายแรง และศรัทธาของ พล.อ.ประยุทธ์ก็หมดแล้ว

แฉหนังตัวอย่างซักฟอก

นายยุทธพงศ์กล่าวถึงปัญหาการทุจริตภายในของรัฐบาลว่า คนที่ต้องรับผิดชอบคือ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสันติ ในส่วนของกระทรวงการคลัง กรมศุลกากรมีหน้าที่ในเรื่องของการเก็บภาษี มีด่านอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งกรมศุลกากรจะมีกล้องซีซีทีวีคอยตรวจจับสิ่งของผิดกฎหมาย และได้ทำเรื่องของบประมาณเพื่อบำรุงรักษากล้องซีซีทีวี จำนวน 670 ล้านบาท แต่แปลกตรงที่ซื้อของใหม่ ตั้งแต่ปี 2563 ทำไมต้องเสียค่าจ้างบำรุงรักษา แสดงให้เห็นว่าเป็นเงินกินฟรีหรือไม่ ต่อมาคือค่าจ้างบำรุงรักษาซ่อมเครื่องบำรุงตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ ระยะ 2-4 วงเงิน 1.8 พันล้านบาท ความจริงแล้วตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ด่านต่างๆ ที่ตรวจสอบปิดมาแล้ว 3 ปี ไม่มีการเข้าออกประเทศ ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส อาจจะส่อไปในทางทุจริต ส่วนอีกโครงการคือตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ ระยะ 5 วงเงิน 1.4 พันล้านบาท รวม 3 โครงการ 4 พันล้านบาท ให้กับบริษัทที่ผลิตเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์มาขาย 

“เรื่องทุจริตดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับบริษัท CSOC ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย บริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทที่ขายเรือดำน้ำโดยไร้เครื่องยนต์ มีความเชื่อมโยงกับคนในนามสกุล ชื่อย่อ อ. ที่กินเรียบธุรกิจ ส่อถึงความทุจริต กลุ่มดังกล่าวก็เป็นกลุ่มที่บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐตอนจัดโต๊ะจีน 5 ล้านบาทอีกด้วย ทำให้เห็นความไม่โปร่งใส มีเรื่องทุจริตเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบ เพราะสัญญาโครงการต่างๆ ล้วนแต่เข้าที่ประชุม ครม.ทั้งสิ้น เป็นเพียงหนังตัวอย่าง ของจริงให้คอยติดตามในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่ามาบอกว่า ฝ่ายค้านเที่ยวนี้เล่นแรง เพราะเป็นเที่ยวสุดท้าย ต้องได้เสียกันแล้ว มั่นใจหลักฐานเที่ยวนี้น็อกลุงตู่ได้แน่" นายยุทธพงศ์ระบุ

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,021 คน ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในวันที่ 19-22 ก.ค.65 โดยพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 83.38 เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะที่ร้อยละ 16.62 ระบุยังไม่ถึงเวลา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 71.02 สนใจติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังมีขึ้น ขณะที่ร้อยละ 28.98 ไม่สนใจ

ทั้งนี้ ประชาชนอยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1 ร้อยละ 75.67 เรื่องผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ, อันดับ 2 ร้อยละ 73.49 สาเหตุของสินค้าแพง การควบคุมราคาสินค้า       อันดับ 3 ร้อยละ 70.71 การทุจริต คอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง, อันดับ 4 ร้อยละ 64.45การแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน, อันดับ 5 ร้อยละ 60.58 การใช้งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง อนุมัติโครงการต่างๆ    

ส่วนสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1 ร้อยละ 80.18 เนื้อหาที่นำมาอภิปรายไม่ซ้ำ ค้านอย่างมีเหตุผล มีหลักฐาน,  อันดับ 2ร้อยละ 77.50 ควบคุมอารมณ์ สุภาพ ให้เกียรติกัน, อันดับ 3 ร้อยละ 76.11 นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง สำหรับสิ่งที่ประชาชนไม่อยากเห็นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1 ร้อยละ 84.33 การโต้เถียง ทะเลาะเบาะแว้ง การประท้วงบ่อยครั้ง  อันดับ 2 ร้อยละ 68.95 เล่นเกมการเมืองมากเกินไป ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน, อันดับ 3 ร้อยละ 64.84 พูดนอกประเด็น นำเรื่องเก่ามาพูด          

โพลหนุนอภิปรายฯ 'บิ๊กตู่'

เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าการอภิปรายที่กำลังจะมีขึ้นจะส่งผลให้เกิดการยุบสภาหรือไม่? ส่วนใหญ่ร้อยละ 46.03 เห็นว่ามีผล ขณะที่ร้อยละ 35.46 ระบุว่าไม่มีผล, ร้อยละ 18.51 ไม่แน่ใจ ส่วนประชาชนคิดว่ารัฐมนตรีคนใดที่ควรจะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1 ร้อยละ 78.51 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  อันดับ 2 ร้อยละ 65.17 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, อันดับ 3ร้อยละ 61.30 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข,  อันดับ 4 ร้อยละ 50.20 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์, อันดับ 5 ร้อยละ 38.59 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม     

วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจเรื่อง อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,130   ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.4 ระบุการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้,  ร้อยละ 80.5 ระบุเป็นเรื่องปกติธรรมดาทางการเมือง ที่มีแต่การแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์พวกพ้อง และร้อยละ 59.3 ระบุเป็นโอกาสให้รัฐบาลและรัฐมนตรีได้ชี้แจงแสดงผลงาน

ที่น่าสนใจคือ 5 อันดับผลงานรัฐบาลกับการแก้วิกฤตของประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.5 ระบุทั่วโลกชื่นชมประเทศไทยเก่ง แก้วิกฤตโควิดได้ดีเยี่ยมระดับโลก, ร้อยละ 80.9 ระบุปกป้องเสาหลักของชาติ ควบคุมความขัดแย้งของคนในชาติ ไม่ให้รุนแรงบานปลาย, ร้อยละ 76.4 ระบุฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดีไทย-ซาอุดีอาระเบีย และนานาประเทศ สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจร่วมกัน, ร้อยละ 75.2 ระบุกล้าเปลี่ยนแปลงนโยบาย ทำเรื่องกัญชาให้ถูกกฎหมาย ช่วยชาวบ้านให้ปลูกได้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และร้อยละ 73.1 ระบุนโยบายเยียวยาวิกฤตเศรษฐกิจ เงินในกระเป๋าประชาชน เช่น โครงการ คนละครึ่ง ลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมัน และ ช่วยเด็กนักเรียนยากจนพิเศษ เป็นต้น

นอกจากนี้ 5 อันดับบุคคลในรัฐบาลที่ควรทำงานต่อไป พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.7 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์, ร้อยละ 55.9 ระบุนายอนุทิน, ร้อยละ 52.1 ระบุ พล.อ.ประวิตร, ร้อยละ 48.3 ระบุนาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และร้อยละ 45.7 ระบุนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีแต่การแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์พวกพ้องครอบครัว ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติและของพี่น้องประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างแท้จริง และยังเชื่อว่ารัฐบาลจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นนี้ไปได้

นายนพดลยังเปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ความขัดแย้ง แบ่งขั้ว และทางออก พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.9 ระบุ คนไทยวันนี้ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหามากขึ้น และร้อยละ 73.4 ระบุสื่อโซเชียลมีเดีย ยุยง ปลุกปั่น แบ่งขั้วของคนไทย สั่นคลอนเสาหลักของชาติมาจากนอกประเทศ ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.7 ระบุความขัดแย้ง การใช้ความรุนแรงของคนในชาติคือ ตัวถ่วง ฉุดรั้ง การพัฒนาประเทศ โดยมีร้อยละ 58.5 ระบุมีขบวนการปั่นกระแสเกลียดชัง แบ่งขั้วคนไทยในประเทศ และร้อยละ 53.6 ระบุคนไทยมีน้ำใจ โอบอ้อมอารีต่อกัน ลดน้อยลง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' การันตี ภท. ไม่ปรับ ครม. ชี้ 8 รมต. ทำงานคืบหน้า

'อนุทิน' ย้ำรัฐมนตรีภูมิใจไทย 8 คน ไม่มีขยับ ชี้ทุกคนทำงานเต็มที่ผลักดันนโยบายคืบหน้าตลอด นายกฯ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับ ครม. พร้อมอุ้ม 'เกรียง' มอบ พช. ดูแลเพิ่มอีกกรม

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

'กูรูการเมือง' ชำแหละ! ปั่นเฟกนิวส์ 'วันนอร์' ไขก๊อกประธานสภา

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เบื่อกาลวินาศมาถึง อะไรต่อมิอะไรก็วิปริตแปรปรวนไป

ซูเปอร์โพลตอกย้ำ คะแนนนิยม ‘ก้าวไกล’ เหนือกว่า ‘เพื่อไทย’ 1 เท่าตัว

พรรคก้าวไกลมีคะแนนสูงกว่าเพื่อไทยอยู่ประมาณหนึ่งเท่าตัว แต่พรรคก้าวไกลก็ยังจะไม่มีคะแนนนิยมมากพอที่จะชนะการเลือกตั้งจนตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ถ้ายังทำงานการเมืองแบบนี้ต่อไป