ยื่น8หมื่นรายชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น เลือกผู้ว่าฯทั่วปท.

"ช่อ-ไอติม” บุกสภายื่น 8 หมื่นรายชื่อจาก 77  จว.ทั่วประเทศ ชง "ชวน" ดันแก้ไข รธน. “ปลดล็อกท้องถิ่น" ระบุ 3 ข้อสรุป “เลือกตั้ง ผวจ.-กระจายงาน-กระจายงบ” ขออย่ามองเป็นร่างของ “พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า” ให้มองเป็นร่างของประชาชน หวังผู้แทนราษฎรทำหน้าที่สมชื่อ

ที่รัฐสภา วันที่ 11 กรกฎาคม ตัวแทนจากคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลได้นำรายชื่อประชาชนจำนวน 80,772  รายชื่อ จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยร่วมแสดงพลัง ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น  ปลดล็อกทุกพื้นที่ในไทยให้กำหนดอนาคตตัวเองได้ จากแคมเปญ "ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น" มายื่นต่อนายชวน  หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนางผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับเรื่อง

โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช กล่าวว่า คณะก้าวหน้าและเครือข่ายนำรายชื่อ 80,772 รายชื่อมายื่นต่อสภาในวันนี้  เป็นรายชื่อที่เราภาคภูมิใจ เพราะมีรายชื่อของประชาชนครบทั้ง 77 จังหวัด และใช้เวลารวบรวมเพียง​ 3 เดือน ความจริงมีมากกว่านี้ แต่ติดที่เป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี จึงทำให้ขาดคุณสมบัติ ข้อสังเกตของเราตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาในการรณรงค์ครั้งนี้ถือว่าพิเศษ โดยเราคาดว่าจะเป็นการรณรงค์ที่ยากลำบาก เพราะมีรายละเอียดทางกฎหมาย แต่เมื่อเข้าไปพูดคุยจริงทั้งมอเตอร์ไซค์วิน พ่อค้าแม่ขาย  เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา จนถึงพนักงานออฟฟิศ พบว่าทุกคนจากทุกอุดมการณ์การเมืองเข้าใจว่าประเทศนี้ต้องการให้ท้องถิ่นปลดล็อก นั่นคือการเลือกผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดด้วยตัวเอง ให้ท้องถิ่นได้เติบโตตามศักยภาพ นี่คือหัวใจของประชาธิปไตยและการพัฒนาประเทศ

น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า ความสำคัญของการยุติรัฐราชการรวมศูนย์เป็นเป้าหมายทางการเมืองตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ คือการต้องการให้ประเทศไทยยุติทรัพยากร งบประมาณ และอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อให้แต่ละพื้นที่กำหนดอนาคตและทิศทางของตัวเองเพื่อปลดล็อกประเทศไทยออกจากประเทศกำลังพัฒนาได้ ขณะนี้เรากำลังทำภารกิจ 2  แบบคือจากบนลงล่าง คือการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อให้เกิดการกระจายทรัพยากร งบประมาณ​ และอำนาจให้ท้องถิ่นทั่วประเทศไทยให้ได้ และจากล่างขึ้นบน คือการสร้างท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ทำงานอย่างโปร่งใส และมีวิสัยทัศน์ เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเมื่อมีงบประมาณ อำนาจ และผู้บริหารท้องถิ่นที่มีคุณภาพมากพอที่จะนำงบประมาณมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด

 “งานทั้งสองอย่างจะสำเร็จเป็นจริงได้หรือไม่อยู่ที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราคาดหวังว่าผู้แทนราษฎรทุกคนจะเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองที่พรรคไหนได้ประโยชน์ แต่เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน 70 ล้านคนได้ประโยชน์เหมือนกันทั้งหมด หวังว่าทุกคนจะทำหน้าที่ได้สมชื่อ และช่วยกันทำให้กฎหมายฉบับนี้สำเร็จออกมาเพื่อปลดล็อกโซ่ตรวน ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องการปลดล็อกนั้นเกิดขึ้นมาจากพื้นฐานการพยายามปลดล็อกเศรษฐกิจไทย และส่งเสริมประชาธิปไตยในการบริหารจัดการบ้านเมือง ซึ่งข้อเสนอสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ข้อ ดังนี้ 1.การกระจายอำนาจให้ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเลือกผู้นำในจังหวัดตนเอง เนื่องจากมีกระแสของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนในจังหวัดอื่นๆ ก็เริ่มตั้งคำถามถึงเรื่องการเลือกผู้บริหารจังหวัดสูงสุดของตนเองได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันประชาชนในจังหวัดอื่นสามารถเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เองได้ แต่เราก็เห็นว่าคนที่มีอำนาจสูงสุดคือผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากการแต่งตั้งของกระทรวงมหาดไทย 2.การกระจายงานให้ท้องถิ่นรับผิดชอบเรื่องการบริการสาธารณะทั้งหมดเป็นหลัก และ 3.การกระจายงบประมาณ ที่ปัจจุบันจะพบว่าท้องถิ่นได้รับงบประมาณเพียงร้อยละ 29 จากทั้งหมด ไม่รวมงบฝากที่นำไปแปะไว้กับจังหวัดต่างๆ ก็จะพบว่าจริงๆ แล้วจังหวัดต่างๆ ได้รับงบประมาณเพียงแค่ร้อยละ 23 เท่านั้น

นายพริษฐ์กล่าวว่า การมายื่นครั้งนี้มีความคาดหวังว่าประธานรัฐสภาจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณา และ ส.ส.กับ ส.ว.เห็นชอบข้อเสนอของเรา โดยอย่ามองว่าร่างดังกล่าวเป็นร่างของพรรคก้าวไกลหรือคณะก้าวหน้า แต่ให้มองว่าเป็นร่างของประชาชนทุกคน และไม่ว่าความคาดหวังในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็จะยังคงผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โปรดทราบ! 'วันนอร์' ลั่นตำแหน่งประธานสภาฯ หากไม่ได้ลาออก ใครก็เปลี่ยนไม่ได้

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้การต้อนรับสมาชิกพรรคประชาชาติ จากกรุงเทพฯ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และนนทบุรี จำนวน 400 คน