
ไทยติดเชื้อเพิ่ม 2,257 ราย ดับ 28 ราย ศบค.เตือนทำกิจกรรมคนหมู่มากในพื้นที่โล่งแจ้งต้องสวมแมสก์ “หมอยง” ชี้โควิดระบาดระลอกที่ 6 จากโอมิครอน BA.5 พุ่งหลายหมื่นคนมากกว่าระลอก 5 แน่ คาดพีกสูงปลาย ก.ค.ถึง ส.ค. แต่ยอดนอน รพ.และเสียชีวิตลดลงใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่ อย.ยันมียาโมลนูพิราเวียร์พอเพียงพอรักษา อย่าซื้อกินเองผ่านออนไลน์
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ไม่ประมาท แม้จะได้รับรายงานทางการแพทย์ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง สั่งเตรียมความพร้อมระบบสาธารณสุขไทยในทุกด้าน ทั้งการรักษา ศักยภาพเตียง ยา และเวชภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเสริมความเข้มแข็งในการเปิดเสรีการใช้ชีวิต โดยย้ำว่าการสวมใส่หน้ากากและการฉีดวัคซีนยังเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คนที่มีโรคประจำตัวหรือผู้สูงอายุควรสวมใส่หน้ากากตลอดเวลาขณะออกจากบ้านและเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย
รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,257 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,256 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 28 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัว 24,191 ราย และมียอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,120 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 จำนวน 2,329,746 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสมจำนวน 2,329,561 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 770 ราย ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่ 28 ก.พ.64-12 ก.ค.65 รวม 140,544,783 โดส
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า หลังการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ พบว่าการติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งช่วงวันหยุดยาวที่ประชาชนมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว หรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อไปสู่จังหวัดอื่นๆ มากขึ้น และแม้ที่ผ่านมาจะมีประกาศให้สามารถเลือกไม่สวมหน้ากากอนามัยได้ในพื้นที่เปิดโล่ง แต่หน้ากากอนามัยยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้อโรคโควิด-19 รวมถึงโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ได้ ดังนั้นแม้จะเป็นการร่วมกิจกรรมในพื้นที่เปิดโล่ง เช่น ดูดนตรีสด ดูหนังกลางแปลง เชียร์กีฬา แต่หากเป็นการอยู่ร่วมกันจำนวนมาก การเว้นระยะห่างทำได้ยาก ขอให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยง
นอกจากนี้ ขอให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ปิด การระบายอากาศไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนยังไม่ครบตามเกณฑ์ 3 เข็ม ผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด-19 ระลอกที่ 6 ยังไม่ถึงจุดสูงสุด โดยการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่นี้นับเป็นระลอกที่ 6 เป็นการระบาดด้วยสายพันธุ์โอมิครอน BA.5 จะมีจุดสูงสุดปลายเดือนนี้และตลอดเดือนสิงหาคม ซึ่งเดือนหน้านักเรียน มหาวิทยาลัย จะเปิดเทอมหมด และจะเริ่มลดลงในช่วงนักเรียนสอบและปิดเทอม ทุกอย่างต้องเดินหน้า ด้วยมาตรการให้ความสำคัญในการลดการติดเชื้อ และจะไม่มีการปิดเมือง ปิดประเทศ ปิดโรงเรียนแล้ว ทุกอย่างมีความสำคัญกับอนาคตของประเทศ
สำหรับจำนวนผู้ป่วย ถ้าคิดเป็นสัดส่วนจะพบว่ามีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลประมาณ 10% หรือน้อยกว่า และมีอัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ไม่เกิน 1% ของผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือน่าจะเป็น 0.1% หรือน้อยกว่าของผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขนี้กำลังลดลงไปใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ เราจึงเห็นสัดส่วนของการนอนโรงพยาบาลและการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีผู้ป่วยหลายหมื่นคน จะมีผู้เข้ารับการรักษาและแจ้งยอดให้กระทรวงสาธารณสุข อยู่ที่ 2,000 คน และมีการเสียชีวิต 20 คน ส่วนยอดผู้ป่วยติดเชื้อทั้งสิ้นหลายหมื่นคน ซึ่งสูงกว่าระลอกที่ 5 แน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ทั้งนี้ กลุ่มเสี่ยงสูงควรได้รับวัคซีนให้เต็มที่เพื่อลดอาการ และถ้าติดเชื้อถึงแม้จะมีอาการน้อย ทันทีที่รู้ว่าติดเชื้อ ควรจะได้รับยาต้านไวรัสเพื่อการรักษาในทันทีให้เร็วที่สุดเพื่อลดการนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิต
ขณะที่ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การระบาดรอบนี้ น่าจะเป็นการระบาดรอบใหญ่ เหมือนช่วงเดือนมี.ค. ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1, BA.2 ตัวเลขผู้ติดเชื้อขณะนี้กำลังเพิ่มเป็นทวีคูณ และจากนี้ไปไม่นานจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ รวมทั้งผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดขณะนี้กำลังเปลี่ยนเป็น BA.5 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้เร็วที่สุด ติดต่อกันง่ายที่สุด และหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าทุกสายพันธุ์เดิม ตัวเลขผู้ติดเชื้อของกระทรวงสาธารณสุขต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เพราะรายงานเฉพาะผลตรวจ RT-PCR ขอให้ดูตัวเลขของผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ และผู้เสียชีวิตเป็นหลัก แนวโน้มกำลังเพิ่มขึ้นแน่นอน
ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีการขายยาโมลนูพิราเวียร์ทางสื่อออนไลน์ว่า อย.ได้เร่งตรวจสอบการขายยาออนไลน์ทุกช่องทาง สั่งระงับโฆษณาและดำเนินคดีโฆษณาขายยาผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มตลาดร้านค้าออนไลน์แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นช่องทางที่ใช้ส่งต่อยาผิดกฎหมาย และจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ลักลอบขายในทุกช่องทาง รวมถึงร่วมกับกรมควบคุมโรคเฝ้าระวังการนำเข้ายาตามด่านต่างๆ เพื่อสกัดไม่ให้มีการนำเข้ายาผิดกฎหมายหรือยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทาง อย.เข้ามาในประเทศ
“กระทรวงสาธารณสุขมีการสำรองยาโมลนูพิราเวียร์ที่เพียงพอสำหรับการรักษาโควิดในไทย แต่ที่สำคัญ ขอให้รับยาจากแหล่งที่ถูกต้องคือโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่ได้รับจัดสรรยาจากภาครัฐ ไม่ควรซื้อยาผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ โดยยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ ซึ่งแพทย์จะมีการประเมินอาการและสั่งจ่ายตามข้อบ่งใช้ตามแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ นอกจากนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์ยังมีข้อควรระวัง โดยเฉพาะห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และต้องมีการติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากยา หากสั่งซื้อทางออนไลน์มากินเองอาจได้รับยาปลอม ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อตัวผู้ป่วยเอง และการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา ไม่สามารถใช้ยาโมลนูพิราเวียร์รักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้อีกต่อไป” นพ.ไพศาล ระบุ
ส่วนกรณี รพ.เอกชนแห่งหนึ่งย่านคลองหลวง ที่มีการโฆษณาแพ็กเกจยารักษาโควิดนั้น อย.ลงพื้นที่ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสถานพยาบาลดังกล่าวได้มีการโฆษณาแพ็กเกจรักษาโรคโควิด-19 หลายรูปแบบให้ผู้ป่วยเลือกรับบริการ บางแพ็กเกจมีการโฆษณาด้วยข้อความว่าจะมีการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ หรือยาโมลนูพิราเวียร์ให้ผู้ป่วยด้วย ซึ่งไม่มีการขออนุญาต กรณีนี้ทาง สบส.ได้มีการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' หัวโต๊ะ ภท. วางนโยบายหาเสียง คัดผู้สมัครรอบสุดท้าย
'อนุทิน' หัวโต๊ะ ภท. ถกวางนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง คัดผู้สมัคร สส. รอบสุดท้าย '3 แคนดิเดตนายกฯ' พยายามให้ชัดวันนี้
'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี
ศก.สู่ยุคโตตํ่า! คุมเข้มร้านทอง กดเงินบาทแข็ง
"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคโตต่ำเป็น New Normal หลังกินบุญเก่ามานาน
ทุกพรรคจัดทัพลุยเลือกตั้ง
ทุกพรรคพร้อมลุยเลือกตั้ง! "อนุทิน” ยันแคนดิเดตนายกฯ ภท.ไม่มีเซอร์ไพรส์เพิ่ม
เลือก‘คำถามประชามติ’ สมควรมีรธน.ใหม่หรือไม่
ครม.เคาะเลือกคำถามประชามติ “สมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่”
พระราชทานเหรียญทองราชินี
"ในหลวง" เสด็จฯ ไปส่ง “พระราชินี” ทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศแข่งขันกีฬาซีเกมส์

