รบ.ยิ้มน้ำมันลด ‘การเมือง’เตือน ค่าเงินบาทอ่อน

“ธนกร” ตีปี๊บข่าวดีราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง แต่กระตุกประชาชนอย่าลืมประหยัดพลังงาน “กล้า” สุดเซ็ง ฝ่ายค้านปล่อยผี “สุพัฒนพงษ์” สอท.-ทสท.ประสานเสียงเร่งดูแลเรื่องค่าเงินบาทอ่อน ผวาเป็นจุดเริ่มต้นวิกฤต

เมื่อวันอาทิตย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ข่าวดีของประชาชนผู้ใช้รถใช้น้ำมัน ที่ล่าสุด บริษัทผู้ค้าน้ำมันทั้ง ปตท. และบางจาก ได้ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลงอีกลิตรละ 80 สตางค์ ยกเว้นอี 85 ที่ลดลง 50 สตางค์ มีผล 05.00 น. วันที่ 16 ก.ค. ซึ่งเป็นการลดราคาลงต่อเนื่องครั้งที่ 5 ในรอบครึ่งเดือนแรกของ ก.ค. ส่งผลให้ราคาต่อลิตรในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลที่ไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จาก 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ราคา 45.15 บาทต่อลิตร ลงมาอยู่ที่ 38.75 บาทต่อลิตร ทำให้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันต่างๆ ทั่วประเทศค่อนข้างคึกคัก มีประชาชนผู้ใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์มาใช้บริการเติมน้ำมันกันอย่างหนาแน่น

 “การที่ราคาน้ำมันโลกปรับลดลงสะท้อนว่าอุปสงค์-อุปทานในตลาดน้ำมันโลกเริ่มดีขึ้น แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาน้ำมันโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะปรับขึ้นไปสูงอีกหรือไม่ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง และยังฝากถึงประชาชนว่า ถึงแม้ราคาน้ำมันจะลดลง แต่ก็ยังต้องย้ำขอความร่วมมือให้ช่วยกันใช้พลังงานอย่างประหยัด รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายประจำวันอย่างรอบคอบเพื่อความไม่ประมาท เพราะสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกยังวางใจไม่ได้ ยังมีความผันผวนจากหลายปัจจัย” นายธนกรกล่าว

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ คาดหวังประเด็นที่จะอภิปราย จะต้องเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้อง โดยเฉพาะวิกฤตน้ำมันแพง แต่กลับไม่มีชื่อ รมว.พลังงานอยู่ในญัตติ จึงขอให้ทุกฝ่ายทางการเมือง อย่าปล่อยให้ธุรกิจน้ำมันเป็นแดนสนธยาที่ไม่มีใครกล้าแตะ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และอดีต รมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นว่า มี 2 เรื่องที่กระทบปากท้องต้องจับตา ประกอบด้วย 1.การขึ้นค่าเอฟทีไฟฟ้าและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงสูงสุดในรอบ 15 ปี และมีแนวโน้มผันผวน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาวแน่นอน ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และหากรัฐไม่เตรียมการรับมือดี ๆ ก็อาจติดกับดักระเบิดระลอกใหม่ต่อไปได้

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงค่าเงินบาทอ่อนตัวที่สุดในรอบ 16 ปีว่า เรื่องนี้ค่อนข้างมีปัญหา เพราะตัวเลขของไทยเริ่มไม่ดี ตอนนี้ตัวเลขของไทยขาดดุลการค้า เพราะนำเข้าพลังงานจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ไทยมีตัวเลขที่เกินดุลการค้า จึงทำให้ความเชื่อมั่นของต่างชาติเริ่มลดน้อยลง แม้ตัวเลขส่งออกเราจะดีก็ตาม แต่ตัวเลขนำเข้าเราสูงขึ้นมาก

“สภาพเศรษฐกิจบ้านเราต้องกระตุ้นให้คนมีเงินออกมาจับจ่ายใช้สอย ออกมาท่องเที่ยว รัฐต้องจัดงานอีเวนต์ใหญ่ๆ การจะให้ขึ้นดอกเบี้ยเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาช่วงสั้น แต่จะลุกลามในระยะกลางและระยะยาว คนไม่มีกำลังซื้อจะทำให้แย่ต่อไป กำลังซื้อจะหดตัว” นายสุพันธุ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย