พท.ทุบเตียง‘ชัยวุฒิ’ รมว.DESซัดต่ำ!ขู่ฟ้องหมิ่น ป้อมปัดปฏิวัติตู่ทำคนเดียว

อภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่สองเริ่มเดือด! “ประเสริฐ” ลากไส้ “จุรินทร์” ปมทุจริตถุงมือยางภาคสอง เปิดเส้นทางฟอกเงินข้ามประเทศส่งกลับไทย สงสัยเงินตกแถวสนามบินน้ำ ซัดเพิกเฉยไม่ระงับเงิน 2 พันล้าน ทำ อคส.เสียหาย "อู๊ดด้า" ปัดทุจริต เผยสั่งฟันชดใช้ 400 ล้านแล้ว "ศักดิ์สยาม” ยันโปร่งใสที่ดินเขากระโดง "พท." เลื่อยขาเตียง "ชัยวุฒิ" แฉผิดจริยธรรมร้ายแรง ชูหญิงอื่นเหนือภรรยาตัวเอง โยงคนสนิทเอี่ยวงานกระทรวง "บิ๊กป้อม" โดนหาร่วมปฏิวัติ แจงกลางสภา "นายกฯ ทำคนเดียว"

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เป็นวันที่สอง โดยตั้งแต่เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางถึงอาคารรัฐสภา เพื่อเข้าร่วมการประชุม

ผู้สื่อข่าวได้ถามกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุที่นายกฯ พูดถึงตนเองตลอด เพราะยังมีตนอยู่ในใจ พล.อ.ประยุทธ์ชี้ไปที่ปากพร้อมกล่าวว่า "ปากเขามีไว้พูด ทุกคนก็พูดได้หมดแหละ"

ถามว่าพอใจภาพรวมการอภิปรายอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ก็ดี เมื่อถามวันนี้นายกฯ มีหมัดเด็ดอะไรที่จะชี้แจงกับประชาชนหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า "ไม่มีมั้ง หมัดเด็ดอะไรล่ะ ไม่ได้ชกมวย"

ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เริ่มเวลา 08.35 น. มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยนายศุภชัยแจ้งลำดับการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ดังนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การคลัง, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม

สำหรับระยะเวลาอภิปรายวันที่ 19 ก.ค. ที่ใช้ไปทั้งหมด 14 ชั่วโมง 10 นาที  โดย ครม.ใช้ไปแล้ว 2 ชั่วโมง 18 นาที พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล 12 นาที ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน 11 ชั่วโมง 18 นาที  คงเหลือ 33 ชั่วโมง 41 นาที 

พท.ซัดทุจริตถุงมือยาง

 จากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์ ในข้อกล่าวหาการทุจริตถุงมือยางภาค 2 ว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้เรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นอย่างดี และทราบดีว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริงในวงเงิน 2 พันล้านบาท กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่นายจุรินทร์มีสาเหตุเนื่องจากกลุ่มผู้ทุจริตเป็นบุคคลใกล้ชิด พฤติกรรมของนายจุรินทร์คือไม่อายัดเงินให้ทันต่อเหตุการณ์ กระทั่งกลุ่มผู้ทุจริตนำเงิน 2 พันล้านบาทไปฟอกเงินกระจายไปตามบัญชีต่างๆ จนไม่สามารถติดตามนำเงินกลับมาได้

"อคส.ได้ทำสัญญาซื้อถุงมือยาง 7 สัญญา มูลค่า 1.8 แสนล้านบาท โดยสร้างข้อมูลเท็จว่ามีการสั่งซื้อถุงมือยางจากบริษัท 7 แห่งเป็นจำนวนมาก เป็นเหตุให้องค์การคลังสินค้าต้องรีบหาถุงมือยาง โดยทำสัญญากับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด โดยจัดซื้อ 500 ล้านกล่อง มูลค่า 1.12 แสนล้านบาท ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 2 พันล้านบาทจากองค์การคลังสินค้า โดยที่ปัจจุบันยังไม่ได้รับมอบถุงมือยางแต่อย่างใด และได้ยกเลิกการทำสัญญากับบริษัท การ์เดียนฯ ไปแล้ว" นายประเสริฐกล่าว

เขากล่าวว่า หลังนายสุชาติ เตชจักรเสมา อดีตประธานบอร์ด อคส. หมดวาระ ได้แต่งตั้งนายวิชัย โภชนกิจ ซึ่งเคยเป็นอธิบดีสมัยที่นายจุรินทร์รับตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ๆ ซึ่งมีประวัติไม่ชอบมาพากลเรื่องหน้ากากอนามัยราคาแพง นอกจากนั้น ยังตั้งนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต เป็น ผอ.อคส. ซึ่งสนิทสนมกับครอบครัวนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ น้องชายนายจุรินทร์เป็นอย่างมาก ท้ายที่สุด ผลจากการที่นายจุรินทร์ทราบดีว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริงใน อคส. แต่ไม่กระทำการใดๆ เลย ส่งผลให้เกิดความเสียหาย มีผู้กระทำผิดโดยมีการฟอกเงิน 2 พันล้านบาทอย่างเปิดเผย ไร้ยางอาย สาเหตุเพราะไม่อายัดเงินในบัญชีให้ทันต่อสถานการณ์ ภายหลังเงินออกจากบัญชีหมดแล้วค่อยดำเนินการอายัด

สำหรับเส้นทางการฟอกเงินเริ่มต้นที่วันที่ 2 ก.ย.63 บริษัท การ์เดียนฯ รับโอนเงินจาก อคส. 2 พันล้านบาท เป็นค่ามัดจำ วันที่ 14 ก.ย.63 นายจุรินทร์ทราบเรื่องการทุจริต แต่เงิน 2 พันล้านบาทถูกถ่ายโอนแล้ว ต่อมาวันที่ 29 ก.ย.63 ป.ป.ช.มีมติอายัดบัญชี เท่ากับระยะเวลา 27 วัน มีการปล่อยให้มีการฟอดเงินอย่างสะดวกสบายอย่างไร้ยางอาย ส่งผลให้ผู้ทุจริตกระจายเงินไปยังนิติบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายหลังจากที่บริษัท การ์เดียนฯ ได้รับโอนจาก อคส.แล้ว ได้มีการสร้างบัญชีม้ากระจายเงินสดไปยังบัญชีต่างๆ จำนวน 1.8 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 3 ก.ย.63-3 พ.ย.63 บริษัท การ์เดียนฯ ถอนเงินสดจากบัญชีต่างๆ รวม 56.33 ล้านบาท ยังมีการโอนเงินอย่างมีพิรุธไปยัง 8 บริษัท รวม 967 ล้านบาท ที่น่าแปลกใจอีกเรื่องคือ มีการโอนเงินไปยังบริษัท RN ของประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 301 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่การฟอกเงินในประเทศอย่างเดียว แต่เป็นการฟอกเงินข้ามประเทศ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องติดตามต่อคือเมื่อนำเงินไปฟอกต่างประเทศแล้ว เงินบินกลับมาประเทศไทยเข้ากระเป๋าใคร ซึ่งตนสงสัยว่าอาจจะเข้ามาที่กระทรวงแถวสนามบินน้ำ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือไม่ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคล ซึ่งสงสัยว่าไม่ใช่ค่าถุงมือยาง แต่เป็นการฟอกเงินลักษณะตัวแทน หากนายจุรินทร์มีคำสั่งอายัดเงิน ความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น แต่นายจุรินทร์กลับทอดเวลาให้มีการฟอกเงินอย่างลอยนวล

ต่อมานายจุรินทร์ชี้แจงว่า นายประเสริฐฉายหนังเก่า ที่พูดมาทั้งหมดกว่า 90% เป็นเรื่องที่ได้เคยพูดมาแล้ว เพียงแต่มาเติมว่าตั้งแต่วันที่อภิปรายครั้งก่อนจนถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า และว่าตนไม่กล้าจัดการกับประธานบอร์ดองค์การคลังสินค้า (อคส.) นอกจากนี้เรื่องที่ผู้อภิปรายพูดไม่เป็นความจริง เพราะที่ ป.ป.ช.ไต่สวนนั้นเป็นเพราะ อคส.กระทรวงพาณิชย์ไปยื่นแจ้งกับ ป.ป.ช. ไม่ใช่ข้อมูลนายประเสริฐ และเรื่องการทุจริตก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน เพราะยังไม่เคยไปชี้แจงกับ ป.ป.ช.เลย ที่กล่าวหาว่าตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่จริงทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

นายจุรินทร์กล่าวว่า ภารกิจของ อคส.ในการที่ต้องทวงเงินคืนนั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องถุงมือยาง แต่มีเงิน 3 ก้อน 1.ทุจริตจำนำข้าว 2.ทุจริตถุงมือยาง 2 พันล้านพร้อมดอกเบี้ย และ 3.ทุจริตมันสำปะหลังคู่แฝดทุจริตจำนำข้าว โดยกรณีทุจริตถุงถือยาง 2 พันล้าน พร้อมดอกเบี้ยเกิดขึ้น ผลการสอบดังกล่าวก็ออกมาแล้วว่าผู้ที่ต้องชดใช้เงินนี้มี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เจตนาทำให้รัฐเสียหาย มี 4 ราย ต้องชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่กรรมการชี้ว่าผิดทางวินัย 3 ราย รวมทั้งประธานบอร์ด อคส.ด้วย ส่วนกลุ่มที่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงมี 3 ราย ต้องชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปยุติที่กระทรวงการคลัง และเรื่องนี้ก็ได้ส่งไปยังกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สวนปราบโกงจำนำข้าว

จากนั้นนายจุรินทร์ได้กล่าวถึงเงินก้อนที่สองที่จะต้องทวงคืน คือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากกรณีทุจริตจำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทยสร้างไว้ ก่อความเสียหายให้ อคส. 548,061 ล้านบาท จน อคส.ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,180 คดี ทั้งแพ่ง อาญา ค่าเสียหายกว่า 500,000 ล้านบาท

แต่นายประเสริฐได้ประท้วงว่า ประชาชนอยากฟังเรื่องเส้นทางการเงินที่ตนอภิปราย ไม่ใช่มาตอบเรื่องอื่น หรือเอาเรื่องอื่นมากลบ แบบนี้เป็นการเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ทำให้นายจุรินทร์ตอบโต้ว่า “ผมไม่ได้เอาชั่วใส่ใคร ถ้าชั่วจริงมันก็ต้องชั่ว การดำเนินการทางกฎหมายต้องเกิด เหมือนทุจริตถุงมือยาง ถ้าทุจริตจริงก็ต้องจัดการและเส้นทางการเงินที่ท่านพูดนั้น ป.ป.ช.ดำเนินการ ปปง.ก็เป็นองค์กรตามกฎหมายที่ดำเนินการ ที่ต้องชี้แจงทุจริตจำนำข้าว เพราะท่านเขียนในญัตติกล่าวหาตนว่ามีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริต เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐ หรือ อคส."

เวลา 09.52 น. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ถึงความไม่โปร่งใสในการออกเอกสารสิทธิ ในโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินที่มีการออกโฉนดโดยไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ให้บรรดานายทุน นักธุรกิจ เช่น ที่เกาะนุ้ยนอก ที่เป็นเกาะกลางทะเล จ.กระบี่ โดยนายนิพนธ์ชี้แจงว่า การออกเอกสารสิทธิบนเกาะนุ้ยนอก จังหวัดกระบี่ โดยมิชอบนั้น ได้สั่งการให้กรมที่ดินดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้ละเลย

เวลา 11.42 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีที่ถูกอภิปรายปัญหาข้อพิพาทที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณเขากระโดง อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ ว่า ปัญหาที่ดินเขากระโดงเกิดขึ้นมายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2052 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิของกรมที่ดินและ รฟท. ยืนยันว่าตนไม่เคยแทรกแซง

 "เรื่องข้อกล่าวหาที่ว่าการขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ เป็นนิติกรรมอำพราง ซื้อขายปลอม ไม่มีหลักฐานการชำระเงิน เพื่อให้ตัวเองได้รับประโยชน์จากการรับงานของ หจก.บุรีเจริญนั้น ยืนยันมีการซื้อขายกันจริง ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.61 กับนายศุภวัจน์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับผม หลักฐานการโอนเงินก็มีเรียบร้อยจากธนาคารธนชาต สาขาบุรีรัมย์ โดยโอนทั้งสิ้น 3 ครั้ง รวมมูลค่า 119.5 ล้านบาท ส่วนเหตุไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เพราะกิจกรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเข้าสู่ดำรงตำแหน่ง" นายศักดิ์สยามกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวตอบโต้นายศักดิ์สยามว่า หลักฐานค่อนข้างมัดตัวได้แน่น เตรียมพูดคุยกับฝ่ายกฎหมายของพรรคและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินการถือครองธุรกิจที่ใข้นิติกรรมอำพรางเพื่อเอาผิดต่อไป

ต่อมาเวลา 12.40 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง กรณีทุจริตโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับที่เคยแถลงข่าวรายสัปดาห์ นายสันติชี้แจงขั้นตอนการเปิดประมูลทั่วไป ตามข้อเสนอ ม.เกษตรศาสตร์ ในฐานะเป็นที่ปรึกษาโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซี ที่ให้ใช้วิธีเชิญบริษัทเอกชนมาร่วมคัดเลือก

อัด'ชัยวุฒิ'โยงชู้สาว

เวลา 15.35 น. นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ดี แต่ รมว.ดีอีเอสนำมาใช้ขณะที่ยังไม่มีความพร้อม เอื้อประโยชน์ให้บัดดี้ ที่หมายถึงเพื่อน คนสนิท พวกพ้อง โดยเซ็นแต่งตั้งที่ปรึกษา 7 ท่าน หนึ่งในนั้นคือเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้น ม.1 มีความสนิทแนบแน่น ที่สำคัญเป็นผู้บริหารเจ้าของบริษัทไอที ได้ตั้งเป็นที่ปรึกษา ซึ่งไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการล็อกสเปกศูนย์ดิจิทัลชุมชน เอื้อประโยชน์พวกพ้อง

จากนั้น น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชัยวุฒิ มีพฤติการณ์จงใจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีความประพฤติเสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดี ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยทำร้ายจิตใจภรรยาของตัวเองอย่างแสนสาหัส จนภรรยาต้องออกมาโพสต์ข้อความ “ได้ทราบเรื่องของครอบครัวคนที่รัก ว่าสามีพูดกับภรรยาว่าฉันเลือกวิถีชีวิตแบบนี้สามคนผัวเมีย เธอรับไม่ได้ก็ออกไป แล้วผู้หญิงอีกคนก็มีลูกมีสามีแล้ว ฟังแล้วก็หดหู่ใจ #ค่านิยมสถาบันครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป" 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของ น.ส.ชนก ส่งผลให้ ส.ส.หญิงพรรคพลังประชารัฐและ ส.ส.หญิงพรรคร่วมรัฐบาลลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะๆ อาทิ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม., น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. ที่ระบุว่าเนื้อหาจะส่งผลกระทบ เป็นตราบาปกับบุตรของรัฐมนตรี เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ควรจะพูดถึงเพียงแค่การบริหารราชการบกพร่อง ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นชี้แจงสนับสนุนการอภิปรายของ น.ส.ชนกว่า เรื่องนี้บรรจุอยู่ในญัตติ เหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ที่สำคัญเกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติราชการ บุคคลนี้มีกระบวนการก้าวก่ายการจัดซื้อจัดจ้างในกระทรวง ตนเห็นใจทุกฝ่าย หลายคนที่ประท้วงเหมือนว่า น.ส.ชนกผิด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจากนายชัยวุฒิ ดังนั้นขอสรุปเลยว่ามีเรื่องชู้สาวจริงๆ ทั้งสื่อมวลชนและสังคมต่างรับรู้

ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงนายศุภชัย โพธิ์สุ ที่ทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุมระบุว่า ขอให้พูดถึงปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเรื่องชู้สาวนั้น ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่หากปล่อยไปอาจเกิดความเสียหาย 

น.ส.ชนกยังอภิปรายต่อว่า ตราบาปที่เพื่อนสมาชิกได้กล่าวอ้างนั้น ตนไม่ได้เป็นคนทำ เพราะก็เป็นแม่ เป็นภรรยาเป็นเพื่อนของภรรยารัฐมนตรีชัยวุฒิเช่นกัน พฤติกรรมของรัฐมนตรีที่กล่าวอ้างมาทั้งหมด ในที่สุดทราบว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีการหย่าร้างกับภรรยา เมื่อถึงช่วงนี้ได้มีการเปิดรูปนายชัยวุฒิที่ถ่ายร่วมกับบุคคลหลายคน โดยมีการเบลอหน้าทุกคน ยกเว้นนายชัยวุฒิ 

ทำให้นางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า เรื่องนี้จะเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ประธานควรสั่งให้หยุดการอภิปราย เรื่องนี้เป็นเรื่องครอบครัว การเอารูปอย่างนี้ขึ้นสมควรหรือไม่ ขอให้ประธานวินิจฉัยด้วย แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ถูกต้อง

นายศุภชัยที่ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ได้วินิจฉัยว่า ไม่ต้องบรรยายภาพว่าเป็นอย่างไร ขอให้คิดถึงใจเขาใจเราด้วย ถ้าหากมีคลิปหรือภาพอะไรขออย่าเปิดอีกเลย ต่อมานายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอให้ประธานสภาฯ ใช้ข้อบังคับที่ 70 ที่ระบุว่าหากเนื้อหาเพียงพอ สามารถสั่งให้ยุติการอภิปรายได้ เพราะตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่ากำลังจะพูดเรื่องอะไรต่อ 

จากนั้น ประธานสภาฯ วินิจฉัยอีกครั้งว่า แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเสื่อมเสียต่อจริยธรรมอันดี แต่ไม่ต้องลงในรายละเอียดไปถึงบุคคลอื่น คิดว่าทุกคนคงเข้าใจแล้ว ขออย่าพาดพิงถึงบุคคลที่สามอีก จากนั้นทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะๆ เพราะมั่นใจในข้อมูลของตัวเอง โดยฝ่ายค้านมองว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในญัตติที่ได้ยื่นอภิปราย ด้าน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานที่บกพร่อง แต่เป็นเรื่องครอบครัว ซึ่งมีความละเอียดอ่อน 

สุดท้าย น.ส.ชนกอภิปรายว่า นายชัยวุฒิมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอื้อประโยชน์ในกระทรวงที่รัฐมนตรีบริหารอยู่หรือไม่ จึงไม่สามารถไว้วางใจนายชัยวุฒิได้จริงๆ อันเรื่องราวตัณหานี้สาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง อุตส่าห์หัดวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน 

นายชัยวุฒิได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า จริงๆ ก็ไม่ได้ประสงค์ให้มีการปิดกั้น อยากให้พูดให้หมด รูปภาพจะเปิดก็เปิดไปเถอะ ของมันไม่จริงมันก็ไม่มีอะไร ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวคิดว่าการอภิปรายในประเด็นเรื่องแบบนี้ไปไกลไปหน่อย มาตรฐานมันต่ำ มีเรื่องให้พูดตั้งเยอะ การพูดเรื่องที่มันต่ำคนพูดก็จะต่ำไปด้วย ภาพจะติดตัวท่านไป คิดว่าคนที่ให้ข้อมูลท่านพูดเรื่องนี้ ไม่ได้หวังดีกับท่าน เพราะนอกจากภาพที่ไม่ดีจะติดตัวไปแล้ว มันจะมีคดีติดตัวด้วย ในคดีหมิ่นประมาท ไปฟังคนโน้นคนนี้ แล้วมามโนไปอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วเอามาพูดในสภา ข้อเท็จจริงไม่มี สุดท้ายก็ไปสู้กันที่ศาล ไม่ใช่ตนฟ้อง แต่คนที่เสียหายเขาฟ้อง แต่โชคดีที่ท่านไม่ได้พูด  

 “ทุกคนถ้ารู้จักผม จะรู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร คุณไม่รู้จักผมก็อย่ามาอภิปรายในเรื่องส่วนตัวผม ไปฟังคนโน้นคนนี้พูดมาแล้วเอามาพูด มันไม่ใช่” นายชัยวุฒิกล่าว

รมว.ดีอีเอสกล่าวว่า ส่วนเรื่องในงานคนที่คุณพูดทั้งหมดไม่ได้มีข้อเท็จจริง ที่เป็นความเสียหายต่อการทำงานของตน มีเพียงคนรู้จักและเพื่อนมาช่วยตนทำงาน มาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนในสภาก็มีเพื่อนมาช่วยให้งานเดินหน้าและทำงานให้บ้านเมือง ส่วนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างดิจิทัลชุมชน เป็นเรื่องในปี 2563-2564 เป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง และไม่ได้มีความเสียหาย หรือมีการฟ้องร้อง แต่ตนจะตรวจสอบดูว่าได้แก้ไขอย่างไรไปบ้าง

ป้อมโยนตู่ปฏิวัติคนเดียว

เวลา 16.50 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กรณีหลีกเลี่ยงกฎหมายป้องกันทุจริต ใช้อำนาจแทรกแซง ป.ป.ช. กรมศุลกากร ให้พ้นจากคดีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน พล.อ.ประวิตรมีบุญคุณกับ ป.ป.ช.อย่างไรจึงลงมติว่าไม่ผิด มีประชาชนมาร้อง กมธ.ป.ป.ช.ให้ฟื้นคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร เพราะคำแถลง ป.ป.ช.ยังขาดความชัดเจน ระหว่างที่นายธีรัจชัยอภิปรายได้ไม่กี่นาที ถูก ส.ส.พลังประชารัฐรุมประท้วงตลอดเวลาว่าอภิปรายในสิ่งที่ ป.ป.ช.ลงมติตัดสินไปแล้ว ไม่ควรเอามาพูดอีก ทำให้การอภิปรายติดขัดตลอดเวลา  

นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมอนุญาตให้พูดต่อได้ แต่หลังจากนายศุภชัยอนุญาตให้อภิปรายต่อ ปรากฏว่าการอภิปรายของนายธีรัจชัยกลับเน้นแต่การยกเหตุผลมาแย้งมติ ป.ป.ช.ที่ลงมติ พล.อ.ประวิตรไม่มีความผิดกรณีนาฬิกายืมเพื่อน ไม่ยอมอภิปรายเข้าเนื้อหาที่เกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร จนนายศุภชัยเตือนอยู่หลายครั้งให้รีบเข้าประเด็น

กระทั่งนายธีรัจชัยตั้งคำถามว่า พล.อ.ประวิตรแทรกแซง ป.ป.ช. กรมศุลกากร เพื่อช่วยคดีตัวเองหรือไม่ เพราะกระบวนการตรวจสอบที่ควรเป็นไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรมีอำนาจบารมี ป.ป.ช.ชุดนี้มาจากการรัฐประหาร ถ้าไม่มีคนคอยแทรกแซง ผลการตัดสินคงไม่ออกมาแบบนี้ 

จากนั้น พล.อ.ประวิตรขอใช้สิทธิชี้แจงทันทีว่า ข้อกล่าวหาผู้อภิปรายทั้งหมดในเรื่องนาฬิกา ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่อาจกล่าวล่วงเรื่อง ป.ป.ช.ได้ ไม่เกี่ยวข้องเรื่อง ป.ป.ช. ส่วนการที่ตนมีเพื่อนดีสักคน แต่คุณคงไม่เคยมี เราคบมาแต่ชั้นประถม ลูกสาวเขาก็เหมือนลูกตน

"เรื่องปฏิวัติไม่เกี่ยวข้อง (ก่อนที่จะรีบชี้มือไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่นั่งอยู่ข้างๆ) พร้อมบอกว่า “นี่ครับ คนปฏิวัติ ท่านนายกฯ คนเดียว” ท่ามกลางเสียงหัวเราะจาก ส.ส.รอบห้องประชุม โดย พล.อ.ประยุทธ์ก็ยกมือเชิงสนับสนุนคำพูด พล.อ.ประวิตรเช่นเดียวกัน จากนั้น พล.อ.ประวิตรพูดต่อไปว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยก็ไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็เอาตนมาเกี่ยวข้อง ตนยังไม่รู้เลยจะปฏิวัติเมื่อไร 3 ป.อะไร พูดไปเรื่อย เอาเรื่องจริงเข้าว่าดีกว่า ตนก็มีเพื่อนดีๆ ที่จะให้ยืมอะไรได้ แต่ถ้าจะให้ตอบเรื่อง ป.ป.ช. ไม่อาจก้าวล่วงได้ 

เวลา 17.55 น. นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องยาเสพติด ในทำนองไม่รู้ว่ารัฐบาลปล่อยปละละเลยหรือไม่ ทำให้การแพร่ระบาดยาเสพติดทวีความรุนแรงเป็นอย่างมาก มักพบว่าคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง กลุ่ม 3 ป. ตั้งแต่บริหารจากยุค คสช.จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน บริหารประเทศทำให้เสียหายเป็นอย่างมาก

พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงการแก้ปัญหายาเสพติด รวมทั้งระบุว่า ที่บอกรัฐบาลพูดมากก็ตั้งใจจะเล่นรัฐบาลมากๆ เป็นแท็กติก ที่บอกว่าจะทำลายนั่งร้าน เด็ดหัว คำพูดนี้ควรที่จะใช้ในสภาหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ท่านเองก็มีนั่งร้าน แต่ไม่มีหัว เพราะหัวขาดไปแล้ว ขอบคุณครับ สวัสดีครับ  

ต่อมาเวลา 18.47 น. นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่า ขอกล่าวหา พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะที่กำกับดูแลการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) มีหน้าที่สั่งการให้ กปภ.ชี้แจงข้อเท็จจริง หรือทำรายงานยับยั้งการกระทำของ กปภ. ที่ขัดต่อนโยบายรัฐบาลหรือมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการเอกชนร่วมลงทุนน้ำประปาปทุมธานี-รังสิต ซึ่งรัฐมีความเสี่ยงที่จะเสียหายกว่า 36,513 ล้านบาท  เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมหากาพย์การโกง ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดทำกันเป็นขบวนการ จัดฉากเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนเพียงรายเดียว คือความพยายามที่จะพยายามต่อสัญญาโครงการน้ำประปาปทุมธานี-รังสิต กับการประปาส่วนภูมิภาคไปอีก 20 ปี คือที่การกระทำผิดเสร็จสิ้นสมบูรณ์ งานนี้ พล.อ.อนุพงษ์ดิ้นไม่รอดแน่นอน เพราะผลประโยชน์ของโครงการนี้มันหอมหวน

พล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงว่า กปภ.มีการทำสัญญากับบริษัทบริษัทหนึ่งโดยมีอายุสัญญา 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2541 ถึงวันที่ 14 ต.ค.2566 จากนั้นก็มีการศึกษา พบว่าหากทำเองจะคุ้มค่ามากที่สุด จากนั้นตนเห็นชอบตามนั้น ไม่ทราบว่านายเลิศศักดิ์เอาที่ไหนมาว่า ตนจะไปเปลี่ยนแปลง ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ โดยได้ให้ความเห็นชอบไปตามนี้ เมื่อสิ้นสุดสัญญาการประปาฯ จะทำเอง ไม่ต้องกังวล ส่วนที่กล่าวอ้างว่าปล่อยปละละเลยหรือไปรู้เห็นเป็นใจอะไรนั้น เป็นเท็จหมด เพราะไม่ให้แน่นอน ตราบใดที่มีอำนาจอยู่จะไม่มีการแก้สัญญาแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง