สุทินผวาแผนล้มเลือกตั้ง

"สาธิต" หนุนสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 ไม่ต้องกลัวขัด รธน. ตำหนิคนกลับไปกลับมา "สมศักดิ์" ปัดดีล "แม้ว" ยกหลักคณิตศาสตร์แจง เชื่อทุกพรรคเห็นด้วย "สุทิน" ผวาหนัก กลัวแผนล้มเลือกตั้ง ลังเลยื่นตีความปมนายกฯ 8 ปี หวั่นประทับตราให้

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นายสาธิต ปิตุเตชะ  รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งสัญญาณอาจกลับไปใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 ว่าขณะนี้กฎหมายอยู่ขั้นตอนการพิจารณารายมาตรา วาระ 2 หลังจากผ่านวาระ 3 ต้องส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หากสมมติว่ามีความเห็นสูตร 500 อาจขัดรัฐธรรมนูญ และหาก กกต.คิดว่าเป็นปัญหาจะกลับไปสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นจะไม่เสียเวลานำไปสู่การพิจารณาของสภาร่วม เพื่อมาแก้ไขในมาตรา 23 เกี่ยวกับสูตรการคำนวณ ส.ส. รวมทั้งมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของ ปชป.เห็นด้วยหรือไม่ที่จะกลับมาสูตร 100 รองหัวหน้าพรรค ปชป.ตอบว่า ไม่มีความเสี่ยงและสอดคล้องกับ กมธ.เสียงข้างมาก และที่ผ่านมา กกต.มาให้ความเห็นทุกขั้นตอน ว่าการใช้สูตร 500 จะมีความหมิ่นเหม่ผิดรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นหากทำกฎหมายที่รอบคอบ ปลอดภัย จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย และสอดคล้องกับหลักการ

เมื่อถามว่า มีการมองสาเหตุที่กลับมาสูตร 100 เพราะฝ่ายรัฐบาลอาจจะไม่ได้เปรียบจากสูตร 500 นายสาธิตตอบว่า  ตนไม่ได้มองว่าใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบ แต่ตนร่างกฎหมายและกติกาเลือกตั้งเพื่อความเป็นธรรม ส่วนใครจะได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน และกติกาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

เมื่อถามอีกว่า การที่ทำให้วุ่นวายเพื่อไปสู่การคว่ำกฎหมายลูกในวาระ 3 เพื่อออก พ.ร.ก.เกี่ยวกับการเลือกตั้งเป็นประโยชน์กับฝ่ายบริหาร นายสาธิตระบุว่า การออก พ.ร.ก.อาจจำเป็น แต่การออก พ.ร.ก.โดยไม่มีทุกฝ่ายมาร่วมร่างกติกาในขั้น กมธ.ร่วมมันจะเป็นความขัดแย้งในขั้นตอนต่อไป ดังนั้นการจะทำให้บ้านเมืองราบรื่นควรเป็นไปตามหลักการและกลไก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากกลับไปใช้หาร 100 จริง ประชาชนจะไม่เชื่อมั่นในเสียงการประชุมร่วมรัฐสภา ต้องตำหนิคนที่พยายามเปลี่ยนและกลับไปกลับมาว่ามีผลอะไรที่คิดแบบนั้น ตนทราบว่าประชาชนรู้ คือใครคิดอย่างไรและอยากให้เป็นอะไร มันปิดกันไม่มิด

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีเสนอทบทวนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จนถูกมองว่ามีนัยทางการเมืองว่า ไม่มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด แต่ถ้าเราทำผิดรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกันไปหมด แล้วยังจะทำให้ประชาชนสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันไปเป็นคนละเรื่องคนละราว ดังนั้นอยากให้คนที่มาวิพากษ์วิจารณ์ตนไปคำนวณคณิตศาสตร์ดู ถ้าคำนวณแล้วจะรู้ว่ามีปัญหาจริง ไม่ใช่ว่าตนจะต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตนได้อ่านและคำนวณตัวเลขดูแล้วคิดว่า ถ้าหลายพรรคได้คำนวณดูเช่นกันคงจะไม่รับในสูตรหาร 500 เชื่อมั่นว่าสูตรหาร 500 เป็นไปไม่ได้ แต่จะเป็นสูตรอะไรตามมานั้นตนไม่ทราบ 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้คว่ำวาระ 3 เพื่อกลับใช้สูตรหาร 100 นายสมศักดิ์ ตอบว่า ยังมั่นใจว่า 500 เป็นไปไม่ได้ ถึงจะยกมือและมีมติไป เรื่องกฎหมายอาจจะไปได้ แต่ข้อเท็จจริงหารออกมาไปไม่ได้ ตนเข้าใจอย่างนั้น เพราะเอาหลักคณิตศาสตร์มาคิด ขอให้ทำความเข้าใจหลักคณิตศาสตร์กันหน่อย

ส่วนกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ระบุว่าดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยแล้วนั้น นายสมศักดิ์ชี้แจงว่า ตนไม่ได้ดีล และ นพ.วรงค์เป็นหมอ ลองไปคำนวณตามสูตรคณิตศาสตร์ดูบ้าง

 ถามว่า ในเรื่องดังกล่าวได้พูดคุยกับนายกฯ บ้างหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่ได้คุย และไม่ได้คุยกับใคร ตนเพียงแค่คิดตามหลักคณิตศาสตร์ ประกอบกับหลักกฎหมาย แล้วมาคำนวณเป็นตัวเลขผลลัพธ์ออกมาทำให้ตนตกใจ มันเป็นไปไม่ได้แล้ว และทุกคนคงคำนวณได้อย่างที่ตนคำนวณออกมา

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรค ปชป. กล่าวว่า เรื่องนี้จบไปแล้ว ส.ส.ของพรรคแต่ละคนจะยืนยันการลงมติเก่าของตัวเอง ตามหลักการให้ลงมติกลับไปกลับมาเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ยกเว้นแต่ว่าเมื่อผ่านการลงมติในวาระที่ 3 แล้วต้องส่งร่างกฎหมายลูกไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาให้ความเห็น ซึ่งในที่นี้หมายถึง กกต. จะมีความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเป็นอื่น ตอนนั้นพวกเราจะได้พิจารณาทบทวนอีกครั้ง

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า นี่คือความไม่มีจุดยืน ไม่มีอุดมการณ์ เหมือนที่เขาบอกว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ คือไม่มีรากเหง้าของความคิดที่เป็นแก่นสาร สะท้อนให้เห็นว่าวันหนึ่งเอา 100 วันหนึ่งเอา 500 ไม่ได้เปรียบอย่างที่คิด ไปเคาะเครื่องคิดเลข ตนรู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลคุยไปคุยมาไม่ได้เปรียบ บางพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่า ส.ส.พึ่งมีได้ 55 คน แต่หวังจะได้ส.ส.เขต 60 คน แบบนี้กลับมา 100 ดีกว่า หมายความว่าอยู่บนพื้นฐานได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ไม่ได้คิดจะวางระบบที่ดีให้กับประเทศ

“มองว่าการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมานั้น อาจต้องการทำให้สับสน อาจนำไปสู่การโหวตคว่ำกฎหมายลูกในวาระ 3 แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ หากปล่อยให้สูตรหาร 500 ผ่านไปจนประกาศกฎหมายออกมา และเมื่อถึงการเลือกตั้งแล้วรัฐบาลแพ้โดยที่ยังเป็นรัฐบาลยังรักษาการอยู่ อาจจะมีการใช้กลไกให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ”ประธานวิปฝ่ายค้านระบุ

ประธานวิปฝ่ายค้านยังกล่าวถึงการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกัน แต่ส่วนตัวไม่อยากยื่น เพราะหวั่นจะกลายเป็นการประทับตรา อยากให้นายกฯ แสดงสปิริตเอง เพราะนายกฯ น่าจะนับเลข 1-8 เป็น

นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวว่า ส่วนตัวยังสนับสนุนให้ใช้สูตรหาร 100 เนื่องจากเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่ โดยต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญ หรือ กกต. จะมีความคิดเห็นกลับมาอย่างไร เห็นว่าชอบหรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือขอให้แก้ไข ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ออกมาแสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ อาจจะมีนัยทางการเมืองสำคัญซ่อนอยู่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง