พท.เสี้ยมเปลี่ยน‘มท.1’

ซูเปอร์โพลเผยศึกซักฟอกไม่มีอะไรใหม่ แค่โจมตีเสียดสีกัน ไว้วางใจ "ประยุทธ์" ให้ทำงานต่อ หนุนปรับ ครม.หาคนร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ "โฆษกรัฐบาล-เสกสกล" สวน พท.โหนผลโหวตนอกสภาทั้งที่ไม่น่าเชื่อถือ ประณาม  ส.ส.ก้าวไกลขาดวุฒิภาวะวางดอกไม้จันทน์ในสภา "พท." จ่อฟันดาบสอง  เตรียมยื่น กกต.-ป.ป.ช.ดำเนินคดีรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกเกือบทั้งหมด ฐานละเว้นหน้าที่ ทำผิดจริยธรรมและกฎหมายรวมทั้งทุจริต ได้ทีเสี้ยม พปชร.คุมเสียงไม่ได้ ยุ ส.ส.พปชร.เปลี่ยนเก้าอี้มท.1 "ส.ส.ก้าวไกล" เชื่อ "สมชัย" ร้องสอบ "ส.ส.กินกล้วย" แน่ ดักทาง กกต.-ป.ป.ช.จะตอบว่า "ไม่รู้" แบบ "บิ๊กป้อม" ไม่ได้

เมื่อวันอาทิตย์ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง รัฐมนตรีคนไหนรอด เสียงโหวตนอกสภา กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 2,175 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22-23 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.7 รู้อยู่แล้วว่าจะอภิปรายอะไร ไม่มีอะไรใหม่ โจมตีกัน เสียดสีกันทางการเมืองและสถาบัน หวังทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาของคนไทย หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ในขณะที่ร้อยละ 70.9 ระบุมีแต่สาดโคลน เอาเรื่องส่วนตัวมาโจมตี เหมือนดูละครน้ำเน่า ไม่ได้ประโยชน์, ร้อยละ 69.6 ระบุเห็นฝ่ายค้านบางคนอภิปรายได้ดี รัฐบาลควรนำไปแก้ไข, ร้อยละ 64.3 ระบุ เห็นชัดการเมืองไทยและหลักประชาธิปไตยไทยถูกแทรกแซงจากกลุ่มอำนาจผลประโยชน์และคนต่างประเทศ,  ร้อยละ 53.6 ระบุอื่นๆ เช่น พรรคเล็ก พรรคใหญ่ ต่อรองผลประโยชน์ มีทั้ง ดาวร่วง ดาวรุ่ง ไร้ค่ายสังกัด ประชาชนรู้ทัน เป็นต้น

ผลสำรวจพบว่า รัฐมนตรีที่ประชาชนวางใจให้ทำงานต่ออันดับแรกคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร้อยละ 61.1 รองลงมาคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ร้อยละ 59.2, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 58.7, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ร้อยละ 53.2, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร้อยละ 52.1, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ร้อยละ 51.9, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ร้อยละ 51.4, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ร้อยละ 50.8,  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร้อยละ 50.5, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ร้อยละ 50.3 และนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ร้อยละ 50.3 เท่ากัน

เมื่อถามถึงความต้องการของประชาชนต่อการปรับคณะรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.1 ระบุควรปรับคณะรัฐมนตรี หาคนเก่งมาร่วมงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง และความเดือดร้อนของประชาชนได้ดีกว่า ในขณะที่ร้อยละ 30.9 ระบุไม่ควรปรับ เพราะทำงานดีอยู่แล้ว ปรับไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์ เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ 5 อันดับแรก คุณลักษณะเฉพาะของบุคคลสำคัญที่ประชาชนต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.8 ระบุ เป็นชาย สูงวัย ซื่อสัตย์ ไม่โกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด ปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ มีผลงาน มากประสบการณ์ อดทน คุมความขัดแย้งของคนในชาติได้ รองลงมาคือร้อยละ 54.6 ระบุเป็นชาย อดีตนักธุรกิจ นักบริหาร มีผลงานประสบความสำเร็จทั่วโลกยอมรับ, อันดับสามคือ ร้อยละ 51.9 เป็นชาย สูงวัย มีประสบการณ์ กล้าทำ แก้ปัญหาใหญ่ๆ แก้ต้นตอปัญหาทำกิน, อันดับสี่ คือร้อยละ 39.4 ระบุเป็นชาย คนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์กว้างไกล โลกเสรีประชาธิปไตย, อันดับห้า คือร้อยละ 24.8 ระบุเป็นหญิง คนรุ่นใหม่ อายุน้อย แต่มีฐานะ มีตระกูลแกนนำการเมือง มุ่งมั่นรวบรวมนักการเมืองเป็นครอบครัวเดียวกัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แสดงความเสียใจกับประชาชนที่ผลการลงมติของ ส.ส.ไม่สอดคล้องกับผลโหวตนอกสภาที่ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีถึงร้อยละ 98.3 ว่า พรรคฝ่ายค้านอาจจะรู้สึกเสียทรงที่ผลการลงมติของ ส.ส.ทั้งสภาให้ความไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมากกว่า  แม้จะได้งัดข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาอภิปรายอย่างเต็มที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าและมโนเอาเอง รัฐมนตรีทุกท่านชี้แจงอธิบายข้อเท็จจริงให้สภาและสังคมเข้าใจได้ จึงพยายามยกผลโหวตนอกสภามาสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง และอ้างว่าเป็นเสียงของประชาชน ทั้งที่สังคมรู้กันอยู่แล้วว่าคนกลุ่มนี้อาจมีความเชื่อมโยงกับพรรคฝ่ายค้าน เช่นเดียวกับกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. ระบุถึงผลโหวตนอกสภาว่าประชาชนลงมติไม่อยากให้รัฐบาลนี้ทำหน้าที่ต่อไปแล้วนั้น เห็นได้ชัดว่าหวังพึ่งพาเสียงโหวตนอกสภาอย่างผิดสังเกต แต่ลืมไปว่ายังมีประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ได้ร่วมโหวตในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นผลการโหวตดังกล่าวจึงไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

โหวตนอกสภาไม่น่าเชื่อถือ

"หลังการลงมติในสภาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจึงเห็น ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงอาการอยู่ไม่เป็นสุข ต้องรีบออกมาชี้แจงแก้ตัวกันพัลวันว่าได้คาดการณ์ผลไว้อยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนและระหว่างการอภิปรายที่ดูดุดัน ขึงขัง และก้าวร้าวแบบหน้ามือเป็นหลังมือ รวมถึงการแต่งชุดดำวางดอกไม้จันทน์บริเวณที่นั่งนายกรัฐมนตรีของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แปลกประหลาด ขาดวุฒิภาวะ และน่าประณามอย่างยิ่ง เพราะสภาเป็นสถานที่อันทรงเกียรติและศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังทำเพียงเพราะไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ" นายธนกรกล่าว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า   ประชาชนยังรู้พฤติกรรมของฝ่ายค้านเป็นอย่างดี ตั้งแต่ขอยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เพียงเพราะว่าอยากใช้เวทีนี้เป็นเวทีเพื่อกล่าวหา โจมตีใส่ร้ายป้ายสีนายกฯและรัฐบาลเท่านั้นโดยไม่มีข้อมูลอะไรใหม่มาอภิปราย เอาเรื่องที่บรรดาสมาชิกพรรคหรือฝ่ายค้านมาแถลงข่าวรายสัปดาห์ ซึ่งประชาชนเขาได้ฟังมาหมดแล้ว มัวแต่อ้างผลโหวตนอกสภา ที่มีความน่าเชื่อถือน้อยมาก คนทำก็มาจากกลุ่มนักวิชาการบางคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อนายกฯ และรัฐบาลมาโดยตลอด ควรฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศบ้าง ประชาชนรู้ว่าที่ผ่านมาฝ่ายค้านไม่เคยทำอะไรเพื่อประโยชน์ของใครยกเว้นพวกพ้องนายใหญ่ หากไม่ปรับพฤติกรรมความหวังที่ชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ก็คงจะหมดหวังเช่นกัน

 "ควรแหกตาดูผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน "ซูเปอร์โพล" ว่า มองการอภิปรายไม่มีอะไรใหม่ ดีแต่โจมตีกัน และยังอยากให้นายกฯ อยู่แก้ไขปัญหาประเทศชาติต่อมาเป็นอันดับ 1 นี่คือเสียงประชาชน ฝ่ายค้านควรฟังเสียงประชาชนบ้าง แนะปรับพฤติกรรมทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่เอาใจแต่นายใหญ่เจ้าของคอก เหมือนคนไม่มีมันสมองคิดเองทำเอง รับคำสั่งนายใหญ่คนเดียวกลัวนายใหญ่ไม่ตกรางวัลให้โบนัสหรือเปล่า ถ้าคิดได้เพียงเท่านี้ มีแต่จะทำให้บ้านเมืองพังพินาศ วุ่นวายเดือดร้อนไม่รู้จักจบสิ้นอย่างแน่นอน" นายเสกสกล กล่าว

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาว่า ในส่วนพรรค ปชป.พอใจภาพรวมการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา 3 ประการ ดังนี้ 1.รัฐมนตรีของพรรคที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้ง 3 ท่านคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายจุติ ไกรฤกษ์, นายนิพนธ์ บุญญามณี สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านอภิปรายได้ครบถ้วนสมบูรณ์ 2. ส.ส.ประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมดลงมติไปในทิศทางเดียวกัน แสดงถึงความมีเอกภาพภายในพรรค 3.ผลการลงมติรัฐมนตรีของพรรคทั้ง 3 ท่าน อาจจะมีคะแนนที่แตกต่างกันบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติของการลงมติ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานต่อไปในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด ส่วนการปรับ ครม. ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคการเมือง ในส่วนของประชาธิปัตย์ ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่เป็นนัยสำคัญที่จะนำไปสู่การปรับ ครม.ในสัดส่วนของพรรคแต่อย่างใด พรรคจะใช้เวลาที่เหลือก่อนสภาจะครบวาระ ในการมุ่งมั่นทำงานตามนโยบายที่เคยประกาศไว้ให้สัมฤทธิผลให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวมต่อไป

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีทั้ง 3 คนสามารถชี้แจงต่อที่ประชุมสภาได้เป็นอย่างดี การที่รัฐมนตรีพรรค ปชป.ติดโผเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับความไว้วางใจจากสภาน้อยที่สุด โดยเฉพาะนายจุรินทร์นั้น ก็ต้องน้อมรับผลจากวิจารณญาณของ ส.ส.แต่ละคน แต่ทั้งนี้ ตนและพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความเชื่อว่ารัฐมนตรี, ส.ส., อดีต ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครของพรรค จะเดินหน้าทำงานให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเห็นว่านายจุรินทร์มีความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ในสภา ให้ความไว้วางใจนายจุรินทร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อไปในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ด้วย

จ่อยื่นดำเนินคดี 11 รมต.

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านระบุ หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีการยื่นตรวจสอบรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ตามข้อกล่าวหาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 11 คน สามารถยื่นตรวจสอบต่อเนื่องได้เกือบทุกคน ในประเด็นละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ที่มีการกล่าวหาทุกคน ประเด็นที่สองคือเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ที่จงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประเด็นที่สามคือ กระทำผิดกฎหมายจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และประเด็นที่สี่คือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่อทุจริตหรือเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง คือประเด็นหลักที่จะยื่นต่อ ป.ป.ช.

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส่วนจะยื่นใครบ้างนั้น คงต้องนำคำอภิปรายของแต่ละพรรคมาหารือกันอีกครั้ง ประเด็นไหนพรรคใดเป็นเจ้าภาพ ก็คงให้พรรคนั้นยื่นร่วมกัน แต่ถ้าประเด็นไหนอภิปรายร่วมกันทั้งหมด ก็จะยื่นในนามพรรคร่วมกัน จะปรึกษาหารือร่วมกันหรือไม่ หรือให้พรรคใดเป็นเจ้าภาพ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยกำลังพิจารณาเขียนคำร้อง เพราะยื่นไปแล้วต้องเป็นประเด็นที่สังคมได้ประโยชน์

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานที่ปรึกษากฎหมายพรรค พท. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คุยรายละเอียดว่าจะยื่นตรวจสอบใครบ้าง ในประเด็นอะไรบ้าง แต่ยืนยันว่ามีการยื่นตรวจสอบต่อเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ในรายละเอียด สัปดาห์หน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการหารือถึงความขัดเจนในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง

น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค พท. กล่าวว่า ผลการลงมติไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ สวนทางกับความรู้สึกของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ที่ต้องจำทนต่อการบริหารที่ผิดพลาด ส่อทุจริต ผิดกฎหมาย และไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้วันนี้รัฐบาลจะรอดจากการลงมติในสภา แต่วิกฤตศรัทธาของรัฐบาลที่เกิดขึ้นจะทำให้ไม่สามารถฝ่าด่านศรัทธาประชาชนได้เมื่อวันเลือกตั้งมาถึง การอภิปรายครั้งนี้ไม่สูญเปล่า จะมีการขยายผลต่อเนื่องหลังจากการอภิปราย โดยเฉพาะการยื่นดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จากวันนี้พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าใช้ทุกวินาทีของสภาผู้แทนราษฎรที่เหลืออยู่ ในการทำงานเพื่อประชาชนและตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลอย่างเข้มข้น จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง เชื่อว่าเมื่อวันนั้นมาถึง รัฐบาลจะไม่สามารถฝ่าด่านการลงมติของประชาชนได้

ส่วนกรณีผลโหวตคะแนนไม่ไว้วางใจพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีมากกว่ารัฐมนตรีคนอื่นนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ปกติพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคแกนนำจะคุมเสียงตัวเองให้เด็ดขาด  เสียงที่แตกมาเป็นกลุ่มจังหวัดเช่นนี้ เกิดจากการคุมเสียงไม่ได้ หรือได้รับสัญญาณจากคนที่มีอำนาจคอยอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้พรรคเขาคงต้องไปสอบกันดู ส่วนวัตถุประสงค์เกิดจากอะไร ก็พอจะวิเคราะห์ได้ เช่น ต้องการเปลี่ยนตัว รมว.มหาดไทย หรือต้องการส่งสัญญาณให้ชัดว่า พล.อ.อนุพงษ์ไม่ดูแล ส.ส. ซึ่งทราบว่า พล.อ.อนุพงษ์ก็ออกมายอมรับจะปรับปรุงตัว ต้องจับตาดูว่าจะเป็นการปรับปรุงตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือพวกพ้อง 

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คะแนนที่ออกมาสะท้อนว่า ส.ส.รัฐบาลจำนวนหนึ่งไม่ยอมรับการบริหารของ พล.อ.อนุพงษ์อย่างชัดเจน ซึ่งมีข่าวมาตลอดว่าจะไม่ยกมือให้ ก็เป็นตามนั้น เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องย้อนมองตัวเองว่าที่ผ่านมาทำอะไรไว้ และทำงานอย่างไร รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ที่อุ้ม พล.อ.อนุพงษ์มาตลอด จะพิจารณาว่าการให้ พล.อ.อนุพงษ์นั่ง รมว.มหาดไทย 8 ปี เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

ยื่นสอบ ส.ส.กินกล้วยแน่

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวการขย่มพล.อ.อนุพงษ์ เพราะต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเป็น รมว.มหาดไทย นายสมคิดกล่าวว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทำอะไรกันอยู่ กลัวอะไรกันอยู่ถึงไม่แสดงท่าทีให้ชัด การจะเปลี่ยนใครไม่ว่า แต่ควรเปลี่ยนได้นานแล้ว เพราะผลงานไม่มีให้เห็น เป็นตำแหน่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เพื่อต่างตอบแทนเท่านั้นเอง ส.ส.พลังประชารัฐควรตื่นได้แล้วเพราะเวลาเลือกตั้งใกล้มาถึง จะรีบทำอะไรก็รีบทำ

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลโหวตในสภาว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะรัฐบาลยังมีเสียงข้างมาก ย่อมมีเสียงโหวตไว้วางใจ แม้ผ่านการอภิปรายไปได้ รัฐบาลก็มีเวลาบริหารประเทศอีกประมาณ 8 เดือนถ้าอยู่ครบเทอม และต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปไม่เกินมีนาคม 2566 ทุกพรรคการเมืองต้องกลับไปขอการสนับสนุนจากประชาชนอีก ประชาชนยังคงจำได้ว่าพรรคไหนอยู่ฝ่ายรัฐบาล พรรคไหนอยู่ฝ่ายค้าน ถ้าประชาชนมีความสุขก็อาจเลือกพรรคร่วมรัฐบาลต่อ ถ้าทุกข์หนักก็อาจเลือกพรรคอื่น ประชาชนรอชี้ขาดในวันเลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันการแก้มาตรา 272 ร่วมกันในสภาต่อไป

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีไลน์หลุด ส.ส.พรรคเล็กเซ็นชื่อรับเงิน และมีสลิปการโอนเงินเข้าบัญชีหลุดออกมาว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป.ป.ช. แต่ กกต.ต้องเป็นหลัก เพราะเกี่ยวกับพรรคการเมือง เรื่องนี้ไม่น่าเงียบ มีผู้ที่ยื่นร้องแน่ๆ เท่าที่เห็นเตรียมพร้อมจะยื่นแล้วคือนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะอดีต กกต. น่าจะยื่นแน่นอน 100% เป็น กกต.เก่า น่าจะทำคำร้องได้ดี รู้ว่าต้องยื่นเอกสารหลักฐานใดไปให้ กกต.บ้าง และควรใช้กฎหมายข้อไหนในการยื่นร้อง

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ส่วนกรณีรับเงินมากกว่า 3,000 บาทหรือไม่ การตรวจสอบจะต้องอยู่ที่ ป.ป.ช. เพราะว่าการรับเงินต่อครั้งเกิน 3,000 บาท ต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบ สุดท้ายมันจะเป็นทรัพย์สินที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช.หลังพ้นจากตำแหน่ง ถ้ามันเยอะผิดปกติ ทาง ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบว่าได้มาจากไหน ในข่าวที่พูดกันว่า รับกันมาทุกเดือน มันก็เหมือนได้รับเงินเดือน 2 เท่า จะไปตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน เนื่องจากมีการโอนเงินด้วย เพราะการโอนเงินสำคัญเพราะมีฟุตปรินต์เอาไว้ พล.อ.ประวิตรอาจจะตอบว่าไม่รู้ก็ได้ แต่ ป.ป.ช.กับ กกต.จะตอบว่าไม่รู้ไม่ได้

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงผลการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 11 คน  ว่า ความรู้สึกหลังจากทราบผลคือไม่รู้จะพูดยังไง หรือภาษาอีสานคือ เบิดคำสิเว้า   เพราะจากการที่ตัวเองติดตามฟังการอภิปรายมาตลอด 4 วัน 4 คืน หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาเป็นเรื่องจริงที่สะท้อนว่ารัฐบาลไร้สามารถในการบริหารประเทศ อภิปรายไม่ไว้วางใจ รอดทุกคน ยกเว้นประชาชนที่กำลังจะอดตายในวิกฤตเศรษฐกิจ แถมยังถูกซ้ำเติมด้วยรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ เอาภาษีไปบำเรอพวกพ้อง เมื่อสภาก็พึ่งไม่ได้ ป.ป.ช. ก็พึ่งไม่ได้ พรรคไทยสร้างไทยขอเป็นที่พึ่งรับฟังเสียงของประชาชนเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาเป็นนโยบาย ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ สู้เพื่อคนตัวเล็ก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง