เขย่าเก้าอี้‘บิ๊กป๊อก’ 6สส.สมุทรปราการหนุน‘ลุงป้อม’นั่งมท.1ปรับครม.ได้รมต.แน่

6 ส.ส.สมุทรปราการยอมรับโหวตหัก “อนุพงษ์”  เพราะไม่เคยดูดำดูดี “กรุงศรีวิไล” กราบเท้าลุงป้อมขอโทษ  แต่บอกไม่ได้ทำอะไรผิด หวังให้มานั่ง มท.1 แทน “ประวิตร”  ลงพื้นที่ตรวจเรื่องน้ำเมืองปากน้ำ โปรยยาหอมปรับ ครม.ต้องมีเก้าอี้รัฐมนตรีแน่ ศท.ขอ 3 วันชัดเจนเรื่อง 4 ส.ส.แหกมติ ส่วน ก.ก.จี้ 5 งูเห่าลาออกย้ายรัง “บิ๊กป้อม” เมินเรื่องแจกกล้วย ท้าสอบเหมือน “นาฬิกาเพื่อน” ไปเลย “ป.ป.ช.”  ประกาศจับตาอยู่

เมื่อวันจันทร์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากการลงคะแนนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำนวน 6 รายโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 7/2565 ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องนี้  โดยหันมามองผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเดินทางกลับ  และตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังคงสงวนท่าทีและเลี่ยงตอบคำถามประเด็นการเมือง

ในขณะที่นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ  พรรค พปชร.ยอมรับถึงการโหวตดังกล่าวว่า เป็นเหตุผลบางอย่างของผู้ใหญ่ ส่วนตัวไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ และหลังจากโหวตไป พล.อ.ประวิตรไม่ได้เรียก ส.ส.ในกลุ่มให้เข้าไปหา หรือพูดคุย หรือตำหนิอย่างใด เพราะหัวหน้าพรรคเป็นบุคคลที่น่ารักและเคารพนับถือ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวอาจถูกมองว่า ส.ส.ภายในพรรคไม่เชื่อฟัง พล.อ.ประวิตร นายอัครวัฒน์กล่าวว่า ทั้งกลุ่มเคารพหัวหน้าพรรค แต่ไม่ขอก้าวล่วงความคิดผู้ใหญ่ในกลุ่มและไม่สามารถตอบแทนได้ แต่ยืนยันว่าเหตุผลที่ทำไปทั้งหมดเพราะอยากให้ จ.สมุทรปราการพัฒนาไปในทางที่ดี  ไม่มีการเรียกร้องเรื่องตำแหน่งแต่อย่างใดเลย และไม่มีความน้อยใจ 

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มไลน์ ส.ส.ที่มีอยู่ร้อยกว่าคนแสดงความไม่พอใจกับการโหวตของ 6 ส.ส.สมุทรปราการ นายอัครวัฒน์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไรเลย และยังมีโทรศัพท์มาให้กำลังใจอีกด้วย มีเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้นที่มีปัญหา 

นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.สมุทรปราการ พรรค พปชร. กล่าวว่า ความคิดอาจแตกต่าง แต่ไม่ได้แตกแยก โดยมองว่าสมุทรปราการควรไปไกลกว่านี้ และมั่นใจว่าหาก พปชร.มีการตั้งกรรมการสอบก็สามารถชี้แจงได้ ไม่น่ามีปัญหา 

 ส่วนนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ  พรรค พปชร. กล่าวว่า โจทย์ใหญ่คือ รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นแม่บ้านรัฐบาล และเคยสัญญาว่าในพื้นที่ จ.สมุทรปราการมีอะไรให้แจ้ง แต่พอแจ้งก็ไม่ได้รับการตอบสนอง นี่เรียกว่า กระตุกหนวดเสือ เสือหลับจึงเรียกให้ตื่นว่ามาดูลูกๆ บ้างว่าเป็นยังไง

“อย่าว่าแต่ลุงป๊อกเลย ลุงตู่ถ้าไม่ถูก ผมก็ขึ้นเวทีอภิปราย" นายกรุงศรีวิไลระบุ 

 เมื่อถามว่า อยากให้ใครเป็น รมว.มหาดไทย นายกรุงศรีวิไลหันมาตะโกนตอบว่า “ลุงป้อม”  

'กรุง' กราบเท้า 'ลุงป้อม'

               และเมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประวิตรในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการแก้ปัญหาน้ำแล้งและป้องกันน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและบางปะกง จ.สมุทรปราการ โดยมีตัวแทนหน่วยราชการท้องถิ่น อาทิ น.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ ส.ส.สมุทรปราการต้อนรับ  โดยเมื่อ พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึงที่เทศบาลตำบลบางเมือง นายกรุงศรีวิไลที่มารอต้อนรับได้รีบเข้าไปก้มกราบเท้า  พล.อ.ประวิตรที่เพิ่งลงจากรถยนต์ ทำให้ พล.อ.ประวิตรพูดว่า “ลุกขึ้นๆ เดี๋ยวลุกไม่ขึ้น ก็แก่พอกัน” จากนั้นได้ทักทายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและ ส.ส.สมุทรปราการที่มารอต้อนรับ

ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับฟังรายงาน พล.อ.ประวิตรได้ปิดห้องเคลียร์ใจกับ 6  ส.ส.สมุทรปราการ โดยใช้เวลาประมาณ 10  นาที โดยมีเพียง น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ เขต  3 พรรค พปชร.ที่ไม่มา จากนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวภายหลังว่าให้ไปถามเขาดูเอง 

               เมื่อถามว่า ติดใจหรือไม่กับการโหวต พล.อ.ประวิตรส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “ก็ต้องแล้วแต่ที่เขาโหวตไป” ถามต่อว่าไม่โกรธใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อถามย้ำว่าได้เคลียร์ใจกันแล้วหรือไม่ และได้ขอโทษแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า เขาขอโทษ ต่อข้อถามว่าให้อภัยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องเอาเข้ากรรมการบริหารพรรค แต่ไม่ต้องสอบเพราะมันทำไปแล้ว ซึ่งบทลงโทษก็มีอยู่แล้ว    

เมื่อถามว่า กลุ่ม ส.ส.สมุทรปราการจะลงสมัครรับเลือกตั้งกับพรรค พปชร.ในครั้งหน้าใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามเขาดู ถามตนเองไม่ได้

ขณะที่นายกรุงศรีวิไลกล่าวว่า ได้ไปกราบที่เท้าของ พล.อ.ประวิตร และบอกว่าได้ทำตามหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการกราบก็เป็นการขอโทษ แต่ก็ไม่มีใครจะมาว่าอะไร เพราะคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และความจริงคือ มท.1 ไม่ได้ดูแลอะไรเราเลย ชัดๆ คือเรื่องของงบประมาณ  

ด้านนายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. กล่าวว่า ที่ผ่านมา 3 ปี จ.สมุทรปราการ​ไม่ได้รับการประสานดูแลเรื่องท้องถิ่น โดยเฉพาะการเสนอโครงการผ่าน มท. แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ และรับแรงเสียดทานจากประชาชน ยืนยันการตัดสินใจโหวตอยู่บนพื้นฐานการเป็นผู้แทนราษฎรและความถูกต้อง เป็นการแสดงออกทางการเมืองภายใต้ครรลองระบอบประชาธิปไตย และถือว่าเรื่องนี้จบแล้ว 

นายต่อศักดิ์ยังกล่าวถึงการโหวตไม่ไว้วางใจนายสุชาติ  ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ว่าเป็นเพราะเรื่องของปัญหาการทำการเมืองท้องถิ่นทับซ้อนพื้นที่กัน ซึ่งยืนยันว่า ส.ส.สมุทรปราการ​ก้าวหน้าทำงานครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด และสมุทรปราการรักกันดี​ ไม่มีแตกแยก ซึ่งนายสุชาติ​มีพื้นที่ทางการเมืองของตัวเองที่​ จ.ชลบุรี​ ซึ่งก็มีปัญหาหนักให้ไปดูแลพื้นที่ตัวเอง ส่วนในวันข้างหน้าผู้ใหญ่จะว่าอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติตาม และจะไม่มีแรงกดดันให้ผู้ใหญ่ยกโทษให้ นี่เป็นการแสดงออกทางการเมืองครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในครั้งหน้า 

เมื่อถามว่า สมัครรับเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงสมัครในนามพรรค พปชร.หรือไม่ นายต่อศักดิ์กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ใหญ่จะพิจารณา แต่ ส.ส.สมุทรปราการ​ทำงานเป็นทีม ถ้าสมุทรปราการ​ก้าวหน้าไปทางไหนก็พร้อมไปด้วย

ขณะที่ น.ส.นันทิดากล่าวในเรื่องนี้ว่า ไม่ทราบเพราะทำงานในส่วนท้องถิ่น ส่วนที่มองว่าผู้ใหญ่คนดังกล่าวอาจหมายถึงนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหมนั้น น.ส.นันทิดาหัวเราะก่อนบอกว่า กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าเป็นกลุ่มท้องถิ่น ไม่ได้ขึ้นกับพรรคการเมือง

ทั้งนี้ ในระหว่างที่ พล.อ.ประวิตรตรวจราชการในเรื่องน้ำท่วมที่ จ.สมุทรปราการ ได้กล่าวในช่วงท้ายว่า “พื้นที่สมุทรปราการมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาลในการทำงานทุกอย่าง ขอขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรค พปชร.ถึง 6 คน ซึ่งถึงแม้ได้ ส.ส.มาก แต่ยังไม่ได้รัฐมนตรี ไม่ต้องห่วงครับ ยังไงก็ต้องได้ครับ ยังไงก็ต้องได้  เพราะว่าทำงานให้รัฐบาลก็ต้องได้รับการพิจารณานะครับ  หลังจากปรับ ครม.เมื่อไหร่ก็ต้องได้จะได้เป็น”

ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) กล่าวถึง 4 ส.ส.ที่ลงมติสวนมติพรรคว่า พรรคได้มอบหมายให้นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรค รวมถึงฝ่ายกฎหมายพรรคเป็นคนสอบสวนเป็นรายบุคคลเพื่อพิจารณาบทลงโทษ ซึ่งภายใน 3  วันนี้ก็น่าจะมีความชัดเจนเกิดขึ้น

“สมาชิกของพรรคเศรษฐกิจไทย ถ้าใครจะออกไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นก็ไม่ได้ห้าม ใครจะอยู่ก็อยู่ด้วยใจ และต้องเป็นเลือดแท้ของพรรค ส่วนความสัมพันธ์กับพรรคเล็กนั้นขอตัดขาด ไม่ต้องติดต่อกันอีก เพราะเบื่อกับการเมือง การต่อรองและผลประโยชน์ส่วนตัว” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

บิ๊กป้อมท้าสอบเรื่องแจกกล้วย

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึง 5 ส.ส.งูเห่าที่โหวตสวนมติพรรคว่า เป็น ส.ส.กลุ่มเดิมที่ได้แสดงเจตจำนงไม่เห็นด้วยกับการทำงานของพรรคอยู่แล้ว ซึ่งเรามีมติชัดเจนตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่าการขับให้พ้นพรรคไม่เกิดประโยชน์ ฉะนั้นแทนที่จะหันมาถามพรรค ก.ก. ควรไปถาม ส.ส.ทั้ง 5 คนทำไมไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และเดินไปตามที่คิดว่าควรเป็นมากกว่า

สำหรับความเคลื่อนไหวกรณีไลน์หลุดชื่อของนักการเมืองพรรคเล็กบางคนรับเงินรายเดือน เดือนละ 100,000  บาท พร้อมมีการแฉสลิปโอนเงิน โดยนายพิเชษฐ สถิรชวาล  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.ยอมรับว่ารับเงินในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เห้ย ไปรับกับใคร ผมจะรู้มั้ย” เมื่อถามว่า ไม่เคยเจอนายพิเชษฐใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่เจอ เจอก็ในเรื่องของการทำงานเท่านั้นเอง"

เมื่อถามว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับสอบเรื่องนี้แล้ว พล.อ.ประวิตรสวนว่า “อ๋อ รับไปเลย ก็เหมือนนาฬิกาผม รับไปเลย เรื่องจริงเป็นอย่างไรก็ว่ากันไป ผมไม่กลัวหรอก”  

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า สมาคมได้รวบรวมพยานหลักฐานเรื่องดังกล่าวจากแหล่งที่ปรากฏในสื่อสำนักต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย กลุ่มไลน์ต่างๆ และแหล่งข่าวได้ชัดเจนเพียงพอแล้ว  และในวันอังคารที่ 26 ก.ค. เวลา 10.00 น. จะนำหลักฐานเหล่านั้นไปมอบให้ ป.ป.ช.เพื่อสอบสวนเรื่องดังกล่าว

ส่วนนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ยอมรับว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ติดตามกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่ของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว อะไรที่ปรากฏข้อมูลข่าวสาร ป.ป.ช.จะมีศูนย์เฝ้าระวังอยู่ หากมีการร้องเรียนมา  ป.ป.ช.จะได้มีพยานหลักฐาน หรือถ้าไม่มีการร้องเรียนแต่มีเหตุอันควรสงสัย ป.ป.ช.สามารถหยิบยกขึ้นมาตรวจสอบได้  ไม่ใช่แค่กรณีนี้ แต่ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ ป.ป.ช.จะเฝ้าระวังทั้งหมด

นายนิวัติไชยกล่าวว่า หากบอกว่าเป็นการกู้ยืมเงินแล้วข้อเท็จจริงพบว่าเป็นการยืม ไม่ถือว่าผิดอะไร เพราะสามารถกู้ยืมได้ แต่หากไม่ใช่เรื่องกู้ยืม เป็นการให้อาจจะผิดตามกฎหมายของ ป.ป.ช. เพราะ ส.ส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถรับผลประโยชน์ที่คิดเป็นเงินเกิน 3,000 บาท ฝ่าฝืนมีความผิดมาตรา 128 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี  หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการให้เงินต้องดูว่าให้เพื่ออะไร ให้เพื่อแลกกับการโหวตหรือไม่  ซึ่งจะเป็นอีกประเด็นหนึ่งคนละกรณี อาจเข้าข้อหารับสินบน  ฐานความผิดต่อหน้าที่ราชการ และถ้าเป็นการให้เงินหรือรับเงินสินบน เพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จะเข้าข่ายจริยธรรมร้ายแรงด้วย

โรยเกลือหลังกฎหมายลูก

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวถึงการยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช.หลังการอภิปรายว่า คงมีการดำเนินยุทธการโรยเกลือ ในประเด็นที่มองแล้วเข้าองค์ประกอบที่จะยื่นต่อ ป.ป.ช. และบางส่วนก็จะยื่นต่อองค์กรอิสระ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมตัวร่าง โดยจะทยอยยื่นเรื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ ซึ่งตัวเลขยังไม่ชัดเจน ต้องให้ผ่านการพิจารณากฎหมายลูกไปก่อนถึงหารือกัน แต่ยืนยันว่าฝ่ายค้านจะยื่นให้ ป.ป.ช.หลายคนแน่นอน

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ในฐานะผู้อภิปรายเปิดโปงการทุจริตโครงการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 ของกองทัพว่า หากนายกฯ ปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้ พรรคจะฟ้องมาตรา 157 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่อย่างแน่นอน และที่ผ่านมาเคยมีคนที่ต้องรับผิดชอบในกรณีเช่นว่านี้แล้วคือ กรณีของอดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมที่ทำผิดวินัยร้ายแรง จากการให้เอกชนเข้ามาดำเนินการปรับปรุงอาคาร ก่อนที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะประกาศประกวดราคาและลงนามทำสัญญากับเอกชนอย่างเป็นทางการ

วันเดียวกัน ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร มีการแถลงข่าวผลการโหวตเสียงประชาชนลงมติไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ คู่ขนานสภาผู้แทนราษฎร โดยนักวิชาการจาก 4 สถาบัน ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน 30 ปีพฤษภาประชาธรรม

​ โดย​นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เสียงของประชาชนที่มาร่วมโหวต 5.2  แสนคนลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีทั้ง 11 คนไม่มีใครผ่านเลย โดยคะแนนที่ออกมาอยู่ระหว่าง 96%-97% ที่ไม่ไว้วางใจ โดยไว้วางใจเพียง 3-4%  ทั้งนี้มีรัฐมนตรี 3 คนที่ได้คะแนนไว้วางใจ 4% ไม่ไว้วางใจ  96% คือ พล.อ.อนุพงษ์, นายจุติ ไกรฤกษ์ และนายสุชาติ  ที่เหลือ 97% หมดเลย รวมทั้งนายกฯ  โดยอันดับ 1 ที่ถูกไม่ไว้วางใจมากที่สุดคือ พล.อ.ประวิตร อันดับ 2 คือ พล.อ.ประยุทธ์                

​“จากการตรวจสอบของเราไม่พบว่ามีการโหวตซ้ำในมือถือ หรือไม่พบเลข IP ซ้ำในเครื่อง ผลโหวตที่ออกมา เพียงแต่ว่าจะมี 1 คนที่มีมือถือเกิน 1 เครื่อง” นายปริญญากล่าว

 ​นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า การที่นักวิชาการ 4 สถาบัน ร่วมกับกลุ่มที่จัดงานพฤษภา 35 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเปิดขยายช่องทางการมีส่วนร่วมที่มีนัยสำคัญทางการเมืองในอนาคต  ซึ่งมีกิจกรรมให้ประชาชนร่วมลงมติในนโยบายสำคัญ ซึ่งการโหวตครั้งนี้สรุปสั้นๆ ว่า สภาล้าหลัง-ประชาชนก้าวหน้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง