ติดเชื้อใหม่นอน รพ. 1,828 ราย ดับเพิ่ม 35 คน นายกฯ กำชับดูแลผู้ป่วยโควิดทุกคน สั่งเข้มคัดกรองคนเข้า-ออกประเทศทุกช่องทาง สกัดฝีดาษลิง พร้อมเตรียมเผชิญเหตุ สสจ.ภูเก็ตโต้ข่าวพบป่วยฝีดาษลิงรายที่ 2 แจงเป็นอีสุกอีใส ส่งตรวจแล็บอีกครั้ง 2-3 วันทราบผล ส่วนกลุ่มเสี่ยง 19 ราย โล่งลบทั้งหมด
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกกลุ่ม ให้สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขเพื่อรับการรักษาได้โดยสะดวก รวดเร็ว ครอบคลุมและทั่วถึง หลังยอดป่วยโควิด-19 ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ปรับระบบสายด่วน 1330 ให้รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่ม
สำหรับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 1,828 ราย ไม่มีผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 2,355,986 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 2,173 ราย หายป่วยสะสม 2,356,098 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) และผู้ป่วยกำลังรักษา 23,605 ราย โดยมีจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 903 ราย และเสียชีวิต 35 ราย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงโรคฝีดาษวานรว่า ขณะนี้มีรายงานข่าวว่าอาจจะพบผู้ติดเชื้ออีก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมแผนเผชิญเหตุป้องกันและการควบคุมโรคฝีดาษลิง โดยต้องรับฟังในทางการแพทย์ ซึ่งมีการแถลงออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว จะต้องเข้มงวดในเรื่องการคัดกรองคนเข้าประเทศในทุกช่องทาง และทำให้ประชาชนมีความเข้าใจในส่วนของโรค รวมทั้งแนวทางการป้องกันและข้อควรปฏิบัติเมื่อพบอาการหรือเข้าข่ายโรคด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.มีการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานรอยู่แล้ว โดยได้จัดเตรียมเวชภัณฑ์ และสั่งการให้ รพ.โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เตรียมการรักษา เตรียมห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ให้ดี ต้องรีบเช็กแล็บ และสั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตั้งระบบติดตาม ถ้าเกิดมีผู้ป่วยฝีดาษลิง ต้องติดตามผู้สัมผัส ติดตามลำดับชั้นให้ได้โดยเร็ว
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคฝีดาษวานรเบื้องต้นอาจจะแนะนำให้รับไว้ใน รพ.ทุกรายก่อน จนกว่าจะทราบผลยืนยันจากห้องแล็บ เพื่อให้การสอบสวนโรคชัดเจนขึ้น ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการหลบหนีเหมือนกรณีชายไนจีเรีย
ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 16.45 น. นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงถึงกรณีมีข่าวในสื่อโซเชียลว่ามีการขนย้ายผู้ต้องสงสัยเป็นโรคฝีดาษวานรจากโรงพยาบาล (รพ.) ถลาง ไปที่ รพ.วชิระภูเก็ต ว่าบุคคลที่ตรวจพบเป็นคนไทย เพศชาย เป็นผู้ป่วยที่เข้าข่ายคือมีไข้ มีผื่น ลักษณะดังกล่าวต้องส่งตรวจ PCR เจาะเลือด ถ้าเจอลักษณะแบบนี้ต้องตรวจอย่างละเอียด ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับชาวไนจีเรีย
ส่วนผลตรวจทางห้องปฏิบัติการกลุ่มผู้เสี่ยงสูงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษวานรรายแรกของไทยรวม 19 รายนั้น ผลเป็นลบแล้วทั้ง 19 ราย ให้กักตัว 21 วัน เมื่อครบ 21 วันจะเก็บตัวอย่างส่งตรวจอีกครั้ง
นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการ รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยที่พบเป็นชายไทยอายุ 40 ปี มีอาการไข้ 3 วัน และมีตุ่มออกมากขึ้นทั้งตัว ไม่มีต่อมน้ำเหลืองโต ทาง รพ.ถลางจึงส่งต่อมาที่รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อตรวจวินิจฉัย PCR ห้องปฏิบัติการหาเชื้อโรคฝีดาษวานรหรือไม่ ทั้งนี้ เบื้องต้นวินิจฉัยเป็นโรคอีสุกอีใส สอบถามประวัติไม่มีประวัติสัมผัสเสี่ยงกับชาวต่างประเทศ ไม่ไปเที่ยวบริการกับการขายบริการ เป็นคนที่อยู่กับครอบครัวอยู่บ้านปกติ และไม่มีอาชีพเสี่ยง เมื่อพบเคสแบบนี้จึงต้องเข้ามาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น ส่งตัวอย่างตรวจที่ห้องปฏิบัติการ ใช้เวลาประมาณ 2-3 วันจึงจะทราบผลการตรวจ โดยทุก รพ.ทุกคลินิก มีความพร้อมเฝ้าระวัง คัดกรองโรค คัดแยกผู้ป่วย ตามมาตรการควบคุมโรคฝีดาษวานร" นพ.วีระศักดิ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯจี้สางมาเฟียภูเก็ต!
"เศรษฐา" ลงภูเก็ต สั่งตำรวจจับตามาเฟียต่างชาติ
กกต.อวยคณะก้าวหน้า ‘ธีรยุทธ’ชงปมเลือกสว.
“อิทธิพร” เปิดติวเข้มเลือกตั้งสภาสูง ย้ำอย่าพยายามฝ่าฝืนกฎหมายเพราะโทษหนัก
เศรษฐาชี้อย่าเทียบคดีโจ๊กกับบิ๊กต่อ
"เศรษฐา" ชี้คำสั่งเด้ง "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการเป็นอำนาจ
ปัดยึดเก้าอี้ปธ.สภา แกนนำ‘เพื่อไทย’ลิ้นพันแจง/‘วันนอร์’ลั่นทำไม่ได้ไปเอง
“เศรษฐา” ย้ำ รมต.ให้ใช้ผลงานเป็นภูมิคุ้มกัน “สุทิน” รับเสียดายถ้าต้องหลุดเก้าอี้
ลือสะพัด! เปลี่ยนโฆษกรัฐบาล 'จิรายุ' เสียบแทน 'หมอชัย'
มีความเคลื่อนไหวเรื่องการยกเครื่องการทำงานของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลลุยต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' ขยายตลาดช่วยชุมชนโกยรายได้
รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' เพิ่มมูลค่าขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการชุมชนโกยรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น