ฉีดวัคซีนทะลุ80ล.โดส

นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนขานรับการเปิดประเทศ เผยนักท่องเที่ยวลงทะเบียน Thailand Pass ผ่าน tp.consular.go.th แล้วกว่า 9 หมื่นคน ฝากเตือนระวังเว็บไซต์ปลอม ปลื้มเสียงตอบรับการท่องเที่ยว เชื่อเศรษฐกิจปลายปีนี้คึกคัก ไทยพบติดเชื้อเพิ่ม 7.9 พัน ดับ 53 ราย ฉีดวัคซีนแตะ 80 ล้าน เด็ก-ผู้ปกครอง รร.นิยมคำสร้อยฯ โวยชุดตรวจ ATK ไร้คุณภาพ กลายเป็นความโกลาหล เชียงใหม่ติดอีก 429 ราย สั่งปิด "7 สถานที่เสี่ยง” ในพื้นที่ 5 อำเภอ

เมื่อวันอาทิตย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ติดตามผลการเปิดประเทศและขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในการเปิดประเทศนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ วันที่ 5 พ.ย.64) มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งแบบการยกเว้นการกักตัว (Test and Go), พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (Sandbox Programme) และการกักตัว ณ สถานกักกัน (Alternative Quarantine) รวม 16,595 คน ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์

นายธนกรกล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าการเปิดประเทศด้วยระบบ Thailand Pass (ณ วันที่ 6 พ.ย.) มีผู้ลงทะเบียนขอเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Thailand Pass ทางเว็บไซต์ https://tp.consular.go.th แล้วจำนวน 90,165 คน ได้รับอนุมัติแล้ว 33,788 คน และฝากเตือนว่า ขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพสร้างเว็บไซต์ www.thailandpass.org อ้างว่าเป็นของภาครัฐ ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บไซต์ปลอม ขอให้ทุกคนระวังอย่าหลงเชื่อ นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ คือเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 300,000 คน (คิดจากจำนวน 10% ของปี 62 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเดือนละ 3 ล้านคน) เมื่อรวมกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อนหน้านี้ ตลอดปีนี้คงอยู่ที่ประมาณ 700,000 คน

ในส่วนของโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 ตอนนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่ 65,661 คน มียอดการจองโรงแรมที่ได้เครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย SHA Plus ตลอดไตรมาส 3 จำนวน 951,710 คืน มีเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนของคนไทยที่เที่ยวในประเทศก็คึกคักไม่แพ้กัน ซึ่งโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ในส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 มีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 809,255 คน ผู้ประกอบการ 5,941 ราย ยอดการจองโรงแรมที่พักสะสม 808,315 ห้อง ทำให้ยอดสะสมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1-3 กว่า 8.9 ล้านคน มูลค่าสะสมรวมกว่า 3,266.8 ล้านบาท และในส่วนของโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่รัฐบาลจะสนับสนุนค่าแพ็กเกจท่องเที่ยว 40% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ จำนวน 1 ล้านสิทธิ ล่าสุดมีบริษัททัวร์สมัครลงทะเบียนเพิ่มขึ้นกว่า 727 ราย และบริษัทนำเที่ยวที่เปิดถุงเงินแล้ว 1,816 ราย ยอดรวมมูลค่าการเดินทางและค่าใช้จ่ายการสะสม 1.4 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 4 พ.ย.64) โดยประชาชนสามารถจองแพ็กเกจทัวร์ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรง และใช้สิทธิทั้ง 2 โครงการได้ถึง 31 มกราคม 2565 และเชื่อมั่นว่าภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีความคึกคักมากขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า นายกฯ รับทราบปัญหาผู้ลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass บางรายไม่ได้รับ QR Code หรือได้รับล่าช้า โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงระบบให้สามารถบริการผู้เดินทางได้สะดวกขึ้น เพื่อรองรับคนไทยที่ต้องการกลับบ้านและชาวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยเพื่อท่องเที่ยวหรือทำงาน ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กรมควบคุมโรค ได้ร่วมกันเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถบริการผู้เดินทางได้สะดวกขึ้น เพื่อลดภาระเจ้าหน้าที่ในการตรวจเอกสาร จากเดิมระบบกำหนดให้รอผลการตรวจสอบใบวัคซีนภายใน 7 วัน ปัจจุบันให้ลดลงเหลือ 3 วันแล้ว

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,960 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 7,522 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 7,307 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุก 215 ราย, มาจากเรือนจำ 427 ราย, เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,967,999 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 6,950 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,849,968 ราย อยู่ระหว่างรักษา 98,367 ราย อาการหนัก 2,048 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 449 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 53 ราย เป็นชาย 26 ราย หญิง 27 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 44 ราย มีโรคเรื้อรัง 7 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม. 6 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 19,664 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 703,581 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 80,221,553 โดส

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 7 พ.ย. ได้แก่ กทม. 736 ราย, เชียงใหม่ 482 ราย, สงขลา 417 ราย, ปัตตานี 408 ราย, นครศรีธรรมราช 392 ราย, นราธิวาส 348 ราย, ยะลา 344 ราย, ชลบุรี 249 ราย, สมุทรปราการ 216 ราย และประจวบคีรีขันธ์ 204 ราย

สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครเปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 53 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 644 ราย รักษาหาย 60 ราย

ที่ จ.มุกดาหาร กรณีชุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK ยังไม่มีคำยืนยันจากผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนคำสร้อยพิทยาสรรค์ อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ถึงแหล่งที่มาของชุดตรวจโควิดแบบ ATK ที่ไม่ได้คุณภาพ แต่วันนี้มีเสียงสะท้อนจากเด็กและผู้ปกครอง กรณีตรวจหาเชื้อโควิดควรให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข้าเก็บตัวอย่าง เพื่อให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้ารับบริการ และเปิดเรียนออนไซต์ (on site) ได้เพียง 3 วันก็ต้องหันมาเรียนออนไลน์ (online) อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หลังจากโรงเรียนคำสร้อยพิทยาสรรค์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. จนทำให้ได้ผลเป็นบวกรวมกว่า 90 คน

ด้านเด็กหญิงปัณฑารีย์ นารีนุช นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สะท้อนว่า เพราะใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้คุณภาพ จนทำให้ได้ผลตรวจที่คลาดเคลื่อน กลายเป็นความโกลาหลและตื่นตระหนกว่าจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในโรงเรียน ไม่เฉพาะแต่โรงเรียนคำสร้อยพิทยาสรรค์ที่ต้องปิดเรียน แต่โรงเรียนที่อยู่รอบข้างก็ต้องปิดไปด้วย เพราะบางครอบครัวมีสมาชิกเรียนอยู่ที่โรงเรียนระดับมัธยม

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 429 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 425 ราย อีก 4 รายเป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือน ก.ค.64 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 15,468 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4,831 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 70 ราย ขณะที่การตรวจ ATK เมื่อวันที่ 6 พ.ย.64 จำนวน 1,909 ราย พบผู้มีผลบวก 163 ราย ขณะที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่มีมติสั่งปิด 7 สถานที่เสี่ยง ในพื้นที่ 5 อำเภอที่พบคลัสเตอร์​ระบาด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังพบมีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนทั้งในชุมชน หอพัก และแคมป์คนงานจำนวนมาก ประกอบด้วยพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่, อำเภอสารภี, อำเภอดอยเต่า, อำเภออมก๋อย และอำเภอดอยสะเก็ด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง