อ่วมขึ้นก๊าซLPG ตรึงดีเซล35บาท บัตรคนจน5ก.ย.

อ่วม! 1 ก.ย.ขึ้นค่าก๊าซหุงต้มอีก 1 บาท/กก. ดันถัง 15 กิโล ราคา 408 บาท คลังจ่อถกพลังงานขยายเวลามาตรการลดภาษีดีเซลถึงสิ้นปี กบน. ยังตรึงดีเซลลิตรละ 35 บาท ดีเดย์ 5 ก.ย.-19 ต.ค. ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Thailand Ready : Moving onto  the Next Chapter” ว่า กระทรวงการคลังเตรียมหารือร่วมกับกระทรวงพลังงานในการพิจารณาขยายระยะเวลามาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่ออีก 2-3  เดือน หรือจนถึงสิ้นปี 2565 จากปัจจุบันมีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่  20 ก.ย.นี้ เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบันยังมีความผันผวนอยู่ ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนในเรื่องราคาพลังงานอีกด้วย ส่วนมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้านั้น กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการตรึงราคาค่าไฟฟ้าผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) อยู่แล้ว โดยเป็นการช่วยเหลือแบบเฉพาะเจาะจง  เน้นกลุ่มฐานรากที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก

 “เรื่องราคาน้ำมันนั้น กระทรวงการคลังจะซัพพอร์ตผ่านมาตรการภาษีได้แค่ไหนคงต้องมีการพูดคุยและพิจารณากัน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานได้มีการหารือกันตลอดเวลา โดยต้องดูว่ากลุ่มไหนได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็มีมาตรการช่วยเหลือแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ รวมถึงผู้ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมาตรการช่วยเหลือช่วงสั้นๆ ขณะเดียวกันก็ต้องดูภาพรวมการจัดเก็บรายได้ควบคู่กันไปด้วย” นายอาคมระบุ

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า ในวันที่ 1  ก.ย.65 ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จะปรับขึ้น 1 บาท/กิโลกรัม (กก.) ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานเป็นประธาน ส่งผลให้ก๊าซหุงต้มประเภทถังขนาด 15 กก. จะปรับราคาขึ้นอีกถังละ 15 บาท ไปอยู่ที่ 408 บาท/ถัง จาก 393  บาท/ถัง โดยรัฐยังคงช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท/คน/3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.65 ขณะที่น้ำมันดีเซลในประเทศยังคงตรึงราคาขายปลีกอยู่ที่ 34.94 บาท/ลิตร ไม่ให้เกินเพดาน 35 บาท/ลิตร ตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) 

ในส่วนของค่าไฟฟ้านั้น เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการของบกลาง 8,000 ล้านบาท ว่าจะมีเข้ามาอุดหนุนส่วนลดค่าไฟตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้ไฟกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เมื่อไหร่ ทำให้ค่าไฟงวดใหม่รอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.65 ต้องปรับตามค่าเอฟทีที่ปรับขึ้นเป็นอัตรา 93.43 สตางค์/หน่วย จากงวดก่อนอยู่ที่ 68.66 สตางค์/หน่วย เมื่อรวมค่าไฟฐานจะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 4.72 บาท/หน่วย เป็นอัตราสูงสุด (นิวไฮ)  ของไทยอีกครั้ง จากงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่  4 บาท/หน่วย ตามมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ได้แจ้งไปยัง 3 การไฟฟ้าแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)  การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  (กฟภ.) 

 “ตามกระบวนต้องให้เวลาการไฟฟ้าฯ เตรียมตัวเรื่องการออกบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นเดือน แต่เมื่ออนุมัติงบไม่ทัน ค่าไฟงวดใหม่วันที่ 1 ก.ย.นี้ ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วยตามที่ กกพ.ประกาศไว้  แล้วค่อยมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายย้อนหลัง อาจทำให้เสียเวลาและสร้างความยุ่งยากให้ทุกฝ่าย” แหล่งข่าวระบุ

ด้านนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้คงราคาน้ำดีเซลไว้ที่ลิตรละ 34.94 บาท เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านค่าครองชีพของประชาชน ถึงแม้ราคาน้ำมันยังคงผันผวนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดีเซลวันที่ 30  ส.ค.65 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 145.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  หรือเพิ่มขึ้น 10.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งราคาดีเซลอยู่ที่ 134.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ ปัจจุบัน วันที่ 28 ส.ค.65 ติดลบ 119,764 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 78,301 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ  LPG ติดลบ 41,463 ล้านบาท

ขณะที่นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนวันแรก 5 ก.ย.65 ถึงวันที่ 19 ต.ค.65 โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน  ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย  จำกัด (มหาชน), สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ, สังกัดกรมบัญชีกลาง, ที่ว่าการอำเภอทั้ง  878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย,  สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา หรือสามารถลงทะเบียนผ่าน  https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ  https://welfare.mof.go.th

สำหรับในครั้งนี้จะเป็นการลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ใหม่ทั้งหมด ดังนั้นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน และผู้ที่ไม่เคยมีบัตรดังกล่าวจะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน

ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการลงทะเบียนสามารถเลือกลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ หรือลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนได้ โดยการลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในส่วนผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ แบบฟอร์มการลงทะเบียนและหนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของโครงการ

 “ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน ช่วงเวลาที่มีการเปิดรับลงทะเบียนยังคงได้รับสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง  จนกว่าจะมีการประกาศให้เริ่มใช้สวัสดิการสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์รอบใหม่ รวมถึงขยายเวลาการหมดอายุบนหน้าบัตรออกไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้ที่มีบัตรในปัจจุบันจะยังคงได้รับสวัสดิการเหมือนเดิม และสามารถใช้สิทธิ์ได้เหมือนเดิมทุกประการ จนกว่าจะมีการประกาศให้เริ่มใช้สวัสดิการสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์รอบใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง” นายพรชัยระบุ

โฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยด้วยว่า มีประชาชนเข้ามายืนยันสิทธิ์คนละครึ่ง เฟส 5 ผ่านแอปเป๋าตัง ณ วันอังคารที่ 30 ส.ค. เวลา 23.00 น. โดยเป็นกลุ่มผู้เคยใช้สิทธิ์ เฟส 4 กดยืนยันสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ 18.61  ล้านราย จากกลุ่มเดิมทั้งหมด 26.27 ล้านราย สำหรับสิทธิ์ที่เหลืออยู่ 7 ล้านคน ที่ยังไม่ได้เข้าแอปเป๋าตังเพื่อเข้ามายืนยันสิทธิ์นั้นยังมีเวลา และขณะนี้ระบบแอปเป๋าตังพร้อมให้บริการแล้ว ส่วนประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือไม่เคยใช้สิทธิ์โครงการระยะที่ 4 ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการครบจำนวน 2.30 แสนสิทธิ์แล้ว และยังมีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วม 426,328 ร้านค้า แบ่งเป็นรายเดิม 415,852 ร้านค้า และร้านค้ารายใหม่จำนวน 10,476 ร้านค้า ทั้งนี้ขอแนะนำให้ประชาชน เริ่มใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าครั้งแรกตั้งแต่ 1-14 ก.ย.65 “คนละครึ่งเฟส 5” ทั้งหมดเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ถึง  31 ต.ค.65 ระยะเวลา 2 เดือน วงเงิน 800 บาทต่อราย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง