‘2ป.’เปิดกห.คุยหนู เด็กป้อมป้องนายไม่แย่ง เก้าอี้น้อง/โต้โทนี่!‘บิ๊กตู่’ ทำเพื่อชาติ

โฆษกรัฐบาลโชว์ภาพ “ประยุทธ์-อนุทิน-อนุพงษ์" นั่งหารือในห้อง รมว.กลาโหม “เสี่ยหนู” แจงแค่พาหมอผิวหนังไปตรวจอาการ "บิ๊กตู่" ไม่มีคุยเรื่องอื่น  วอนอย่าโยงการเมืองเลือกข้าง ยันเข้าป่ารอยต่อพบ "บิ๊กป้อม" บ่อย “เด็ก พปชร.” ย้ำ "ประวิตร" ปรารภเสมอไม่แย่งเก้าอี้น้อง "ทิพานัน" สวน “โทนี่” พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ ปชช. ไม่ต้องหนีคุกลี้ภัยเหมือนบางคน “หัวหน้าพรรค ภท.” ไม่สนแม้วด่าไว้ใจไม่ได้ บอกโลกนี้คือละคร ผลเลือกตั้งเป็นตัวตัดสิน “ฝ่ายค้าน” โหนก๊วน  51 นักวิชาการยื่นหลักฐานเพิ่มปม 8 ปีนายกฯ “ชวน” เซ็นคำร้อง "หมอระวี" ค้านสูตรหาร 100 ส่งศาล รธน.

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งภาพการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.กลาโหม) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ภายในห้องทำงาน รมว.กลาโหม  กระทรวงกลาโหม เข้ากลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวในช่วงเช้าที่ผ่านมา

โดยนายอนุชาระบุว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ประชุมหารือข้อราชการร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย โดยได้มีการหารือเรื่องสถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน และเรื่องที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการในเรื่องต่างๆ  ตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้

ต่อมานายอนุทินได้ชี้แจงภาพดังกล่าวว่า เป็นการเข้าไปตรวจอาการต่อเนื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์มีสะเก็ดที่บริเวณหลังฝ่ามือ ซึ่งเกิดจากการแพ้ที่คาดว่าจะมีการเกา โดยมีอาการตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ตนจึงพาแพทย์ด้านผิวหนังจากสถาบันโรคผิวหนังเข้าไปตรวจอาการ ยืนยันว่าไม่มีอะไรอาการดังกล่าวหายแล้ว

ถามว่า มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีอะไร แต่ตนเข้าไปในช่วงเวลาใกล้เที่ยงจึงรับประทานอาหารด้วยกัน เมนูกะเพราไก่ไข่ดาว

ถามต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝากอะไรมาหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ถามถึงการประชุม ครม.เมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งท่านก็ฟังอยู่ด้วยช่วงที่ตนชี้แจงเรื่อง อสม. แต่ไม่มีฝากเรื่องอื่น เรื่องการเมืองหรือเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ ท่านบอกให้ช่วยกันประคับประคองดูแลรัฐบาล  ช่วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  รักษาการนายกฯ ทำงาน ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ในวงกินข้าวครั้งนี้ตนจะชวนคุยอยู่คนเดียว

ถามว่า ถูกเชิญเข้าไปพร้อม พล.อ.อนุพงษ์หรือไม่  นายอนุทินปฏิเสธว่าไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายตนมาสองสัปดาห์แล้ว ให้พาแพทย์ที่เชี่ยวชาญเข้าไปติดตามการรักษา เป็นการนัดตามตารางงานอยู่แล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้เจอ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นสัปดาห์ ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์นั้นไม่ได้มีการนัดกับตน

ซักว่า กลัวภาพการเข้าพบดังกล่าวจะถูกนำไปเชื่อมโยงประเด็นการเมืองหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าผูกอะไรไปถึงอันนู้น ถ้ามีใครมาหาตนตอนใกล้เที่ยงก็ต้องชวนทานข้าวเท่านั้นเอง

ซักอีกว่า กลัวภาพดังกล่าวถูกนำไปเชื่อมโยงว่านายอนุทินสนิทกับ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.อนุพงษ์ มากกว่า พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คิดอย่างนั้นไม่ได้หรอก ตนก็ไปมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ตั้งหลายครั้ง เวลา พล.อ.ประวิตรเรียกไปหารือ หรือมีโอกาสอะไร สมมติช่วงอภิปรายงบประมาณ บางทีก็ไปขอรับฟังว่าพรรคพลังประชารัฐคิดยังไง หรือไปแจ้งว่าพรรคภูมิใจไทยทำอย่างนี้ อย่างวันนี้ก็ต้องไปกราบเรียนเรื่องกฎหมาย กยศ.ที่พรรคภูมิใจไทยขอโหวตในส่วนที่ไม่มีดอกเบี้ยของเงินกู้นี้ ก็ต้องไปเรียนท่านก่อน เพราะเดี๋ยวเห็นไม่ตรงกัน

เมื่อถามว่า ได้คุยเรื่องการทำงานของ พล.อ.ประวิตร ด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้คุยเลย ไปส่องพระกัน

‘ป้อม’ ไม่แย่งเก้าอี้น้อง

ขณะที่นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการประชุม ส.ส.พปชร.และการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5  จังหวัด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประวิตรได้แสดงความกังวลพร้อมทั้งมอบนโยบายให้ ส.ส.ดูแลประชาชน ในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมากที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน โดย พล.อ.ประวิตรได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ได้ต่อสายโทรศัพท์ไปหานายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ด้วยการคาดหวังให้การบริหารบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้

ถามว่า ได้มีการพูดถึงเรื่องการปรับ ครม.หรือไม่ นายรงค์ยืนยันว่า ไม่มีการพูดถึงประเด็นการปรับ ครม. มีเพียงแต่การพูดถึงสถานการณ์น้ำเป็นเรื่องใหญ่ หัวหน้าพรรคกำชับให้ ส.ส.ของพรรคทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ อย่าได้วิตกนำมาเป็นประเด็นปัญหาทางการเมือง

ซักถึงกระแสข่าวเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพี่น้อง “2 ป.” นายรงค์กล่าวว่า หัวหน้าพรรค  พปชร.ได้ย้ำตลอดว่า ทุกกระบวนการให้เป็นไปตามกฎหมาย

“พล.อ.ประวิตรได้กล่าวปรารภเสมอว่า ไม่แย่งเก้าอี้น้องและยังให้เกียรตินายกรัฐมนตรีอยู่เสมอ ซึ่งในฐานะลูกพรรคก็ได้รับทราบ และตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องปฏิบัติตามเจตจำนงของหัวหน้าพรรค” กก.บห.พรรค พปชร.รายนี้ระบุ

มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ 115/2565 เรื่องแต่งตั้งทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้การบริหารงานของพรรค และหัวหน้าพรรค เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามอุดมการณ์ วัตุประสงค์และนโยบายของพรรค อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 โดยแต่งตั้ง น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์  ส.ส.กทม., นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรค พปชร. และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ เป็นทีมโฆษกพรรค ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.65 เป็นต้นไป

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบโต้กรณีนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วูดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี วิจารณ์พาดพิงเกี่ยวกับนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลว่า ไม่ทราบว่านายทักษิณได้อ่านข่าวด้วยตนเองหรือไม่ ทำให้ออกมาวิจารณ์กันไปคนละเรื่องเช่นนี้ จึงอยากชี้แจงความจริงว่า  การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นแค่บางจังหวัด ความจริงคือ ถ้าผ่าน ครม.ก็จะขึ้นทั้งหมด 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่แบ่งเป็น 9 อัตราตามกลุ่มจังหวัดที่แตกต่างกัน เพราะมีสภาพเศรษฐกิจ สังคม ขนาดอุตสาหกรรมและความจำเป็นที่ต่างกัน ตามข้อสรุปการประชุม 3 ฝ่าย ไม่เคยชี้แจงว่าที่ขึ้นค่าแรงไม่ได้เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้จำนำข้าว

“กระทรวงแรงงานจึงมีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการค่าจ้าง 3 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล  โดยหาสมดุลระหว่าง ค่าจ้าง เงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ก่อนออกนโยบายเพื่อให้ทั้งนายจ้างอยู่ได้และลูกจ้างอยู่ดี จึงมีตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำออกมา จึงอยากฝากให้ท่านอ่านข่าวอีกครั้ง เพราะไม่มีคำไหนที่เอ่ยถึงกรณีโกงจำนำข้าว แต่เข้าใจว่าเรื่องโกงจำนำข้าวคงติดอยู่ในจิตใต้สำนึกท่าน ขอบคุณที่ยังจำได้ว่ารัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โกงจำนำข้าวไปหลายแสนล้าน แล้วเอาภาษีประชาชนไปเสวยสุข  จนทำให้คนไทยต้องชดใช้หนี้หลายปี" น.ส.ทิพานันกล่าว

ถามถึงกรณีนายทักษิณพาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าจะต้องลี้ภัยแล้วให้ไปเช่าบ้านตนเองอยู่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมาโดยตลอดด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่จำเป็นต้องลี้ภัยใดๆ และยังสามารถทำคุณประโยชน์ให้ชาติในทุกๆ ด้านได้ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเพียงปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาที่ผู้นำไม่เคารพกฎหมายหรือไม่มีจริยธรรม เอามาเปรียบเทียบกับการไร้จริยธรรมและการทุจริตคอร์รัปชันหนีคดีอย่างนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ และถึงแม้หาก พล.อ. ประยุทธ์ต้องยุติหรือไม่ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ท่านยังดำเนินชีวิตตามปกติได้ เพราะเป็นเพียงการกำหนดวาระตาม รธน. ไม่ใช่วาระสุดท้ายแบบใครบางคน

หนูชี้ผลเลือกตั้งคือคำตอบ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณพาดพิงเป็นคนไว้ใจไม่ได้ว่า ท่านชมต่างหาก รุ่นใหญ่อย่างนี้เอ่ยชื่อตนดีใจตายเลย และตนพูดมาตลอดว่าได้เป็นรัฐมนตรีก็เพราะท่าน ฉะนั้นไม่ต้องมาถาม

“ผู้ใหญ่ว่า ผู้ใหญ่ติ ผู้ใหญ่พูดถึง ก็ถือเป็นคำสั่งสอน  เราต้องมาดูตัวเราเองว่าเป็นไปตามที่เขาพูดหรือไม่ และมาดัดแปลงวิถีชีวิตให้ดีขึ้น ผมคิดถึงวันดีๆ เสมอ คิดถึงความเมตตา ความเอ็นดูที่ท่านให้ไว้กับผม ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีการเมืองอย่างนี้ เขาก็คงเป็นลุงผมเหมือนเดิม ทุกอย่างโลกนี้คือละคร และผลของการเลือกตั้งจะเป็นคำตอบทุกอย่าง ดังนั้นต้องรอผลการเลือกตั้ง” นายอนุทินกล่าว

ถามถึงกรณีหาก พล.อ.ประยุทธ์ถูกศาล รธน.ตัดสินเรื่องนายกฯ 8 ปี และเลือกคนในบัญชีเป็นนายกฯ ไม่ได้  จนต้องหาคนจากนอกบัญชี นายอนุทินกล่าวว่า ขอเอาไว้ให้ถึงจุดนั้นก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่เราสามารถทราบได้ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็ทำหน้าที่ของเราที่มีอยู่

ซักว่า กังวลหรือไม่ว่าอาจจะเกิดการยุบสภา นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้ดูวัตรปฏิบัติ พรรคการเมืองหัว หน้าพรรค ผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ของทุกพรรคลงพื้นที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว แสดงว่าเตรียมตัวเลือกตั้งแล้ว  เพราะมาถึงตรงนี้ก็ 3 ปีกว่าแล้ว ผู้ที่ช่ำชองในสนามการเมืองรู้แล้วว่าต้องมีความพร้อม ถ้าใครไม่มีความพร้อมจะเหนื่อย

“เวลายุบสภาแล้วสภาพของรัฐบาลก็เหมือนเป็ดง่อย  และหากรักษาการยาวๆ จะต้องถูกตรวจสอบ และทวงให้จัดเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ในรัฐธรรมนูญระบุหากยุบสภาแล้วต้องจัดเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน และ ส.ส.ที่จะย้ายพรรค ต้องย้ายภายใน 30 วัน ฉะนั้นเราอย่าไปคิดอะไรที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่กฎหมายกำหนด หากเลือกตั้งไม่ได้ภายใน  60 วันจะถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอยู่นอกเหนือรัฐธรรมนูญ และต้องมีผู้รับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่หัวหน้าพรรคการเมืองแน่นอน หากยุบสภาแล้วหัวหน้าพรรคการเมืองต้องอยากให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด” นายอนุทินกล่าว

ถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการยุบสภาอาจจะคาบเกี่ยวช่วงการประชุมเอเปก นายอนุทินกล่าวว่า ถ้ายุบสภาก็คือยุบสภา ไม่คาบเกี่ยวอะไรทั้งนั้น เพราะเมื่อยุบสภาแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อมีรัฐบาลมาบริหารประเทศ ถ้ายุบสภาแล้วต้องไปรับแขกบ้านแขกเมืองก็ต้องสงสารผู้นำ ใครเขาจะอยากมาคุยกับเรา ดังนั้นอย่าไปมองเขา แต่ให้มองเรา ว่าถ้าเราไปเจอใครที่กำลังจะออกแล้วรักษาการอยู่ด้วย จะได้ผลอะไรกับการเจรจา ฉันใดก็ฉันนั้น แต่ถ้าต้องยุบสภาก็คือยุบ อย่าไปผูกเรื่องอะไร

               “พูดตรงๆ ผมไม่เคยมองเรื่องยุบสภา เพราะผมยุบไม่ได้ คนที่ยุบสภาได้มีอยู่คนเดียวในรัฐธรรมนูญ เมื่อเราควบคุมเรื่องยุบหรือไม่ยุบไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำคือการเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดในการลงไปรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง  เมื่อไหร่เมื่อนั้น รัฐธรรมนูญปูทางหมดแล้ว ทั้งขีดเส้นและตีกรอบให้เราเดิน เราเดินออกนอกกรอบไม่ได้ ถ้าออกนอกกรอบก็ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรดีไปกว่าเดินตามรัฐธรรมนูญ เราพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะเหลืออีก 7 เดือน และอย่างไรก็ไม่มีทางเกินเดือนมีนาคม 2566” นายอนุทินกล่าว

ส่งค้านสูตรหาร 100 ศาล รธน.

ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว  ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยแกนนำ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือรายชื่อพยานเพิ่มเติมกรณีการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้พิจารณาส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อประกอบคำวินิจฉัย โดยมี นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทน หลังศาลรัฐธรรมนูญเรียกนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายปกรณ์ นิลประพันธ์  เลขานุการ กรธ.ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม 

นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้หารือและมีมติเห็นว่า พยานบุคคลทั้ง 2 ท่านยังไม่พอเพียงกับการสร้างดุลยภาพของการพิจารณาคดี ขอเสนอส่งรายชื่อพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมให้ศาล รธน.รับไว้พิจารณา ศาล รธน.ยังไม่ได้นัดไต่สวนพยาน เพียงแต่ทำบันทึกเป็นคำถามส่งให้นายมีชัยและนายปกรณ์ตอบคำถาม แล้วส่งกลับไปยังศาล รธน. ด้วยเหตุนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเปลี่ยนวิธีการ เป็นการส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมผ่านประธานสภาไปยังศาล รธน. ประกอบด้วยความเห็นของนักวิชาการด้านนิติศาสตร์ทั้ง 51 ท่าน ที่แสดงความคิดเห็นต่อสังคม และเสียงการสัมภาษณ์พิเศษของนายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย และ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล  อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและอดีตกรรมการ ป.ป.ช. ต่อประเด็นการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันความเห็นของฝ่ายค้านว่า พล.อ.ประยุทธ์พ้นวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 24 ส.ค.65 

  "เรื่องนี้เป็นคดีทางการเมืองและข้อกฎหมายเป็นการเฉพาะ ข้อเท็จจริงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์กัน เพราะชัดแจ้งอยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเกิน 8 ปีติดต่อกัน ยังไม่ถือว่าเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เพราะข้อเท็จจริงได้ปรากฏต่อสาธารณะไปแล้ว  เชื่อมั่นว่าหลักฐานเพิ่มเติมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นหลักฐานที่มีเหตุผลชัดเจนในเจตนารมณ์ และหนักแน่นเพียงพอให้ศาลรัฐธรรมนูญนำประเด็นไปสู่การพิจารณาได้” นพ.ชลน่านกล่าว

ขณะที่ นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงกรณีการตรวจสอบรายชื่อและคำร้องของ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และคณะ ที่ขอให้ประธานรัฐสภาส่งเรื่องไปยังศาล รธน.เพื่อวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า จากลายเซ็นสมาชิกรัฐสภาทั้ง  106 คน มี 3 คนที่ลายเซ็นไม่เหมือนที่ให้ไว้กับรัฐสภาก่อนหน้านี้ จึงส่งกลับไปให้เจ้าตัวยืนยัน ปรากฏว่ามีการยืนยันกลับมา 2 ลายเซ็น จึงเหลือผู้เข้าร่วมยื่นรายชื่อทั้งสิ้น 105  คน ถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 ประกอบมาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1)  และข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 14

 “วันนี้ (31 ส.ค.) ประธานรัฐสภาได้ลงนามในคำร้องหนังสือดังกล่าวแล้ว เพื่อจัดส่งหนังสือไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญ และจะนำส่งภายในเย็นวันนี้ทันที ขณะเดียวกันได้ส่งหนังสือแจ้งไปยัง นพ.ระวี กับคณะ และนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป” ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุ

วันเดียวกัน นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายเจือ ราชสีห์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ได้เข้ามารายงานตัว ส.ส.ใหม่ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

โดย น.ส.มัลลิกากล่าวถึงกรณี ส.ส.พปชร.เสนอให้ พล.อ.ประวิตรดึงกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปอยู่ในความดูแลของพรรค พปชร.ว่า  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. นำพรรคเข้าร่วมรัฐบาลด้วยจุดประสงค์ 3 อย่าง และได้เกิดสัมฤทธิผลทั้ง 3  อย่างแล้ว โดยหนึ่งในนั้นคือการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวกับเกษตรกร คือนโยบายประกันรายได้ โดยกระทรวงหลักที่รับผิดชอบคือกระทรวงพาณิชย์ กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นพันธกิจของพรรคและเป็นความมุ่งมั่นต่อประชาชน ฉะนั้นคิดว่าไม่ใช่แค่พรรค ปชป.ที่จะยืนหยัดอยู่ตรงนี้ แต่ประชาชนจะยืนหยัดอยู่เคียงข้าง เพราะนโยบายประกันรายได้ ใน 3 ปีที่ผ่านมานายจุรินทร์ได้ผลักดันอย่างสัมฤทธิผลแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พร้อมเลือกสว.รอบ2

เตรียมการเลือก สว.ระดับจังหวัดทั่วประเทศคึกคัก เลขาธิการ กกต.เตือนผู้สมัคร สว.มารายงานตัวให้ทันเวลาก่อน 09.00 น. ย้ำสายเพียง 1 วินาทีก็ไม่ได้