ลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ บิ๊กป้อมฟิตทัวร์ตลอดก.ย./จตุพรลั่นชุมนุมยาว/โพลระอาม็อบ

"ทิพานัน" ย้ำ "ประยุทธ์" ทำตามกระบวนการพิจารณาคดีศาล รธน. ไม่ใช่เครื่องฟอกขาวเพราะไม่ใช่คดีทุจริต เตือนอย่ากดดันศาลให้รอคำวินิจฉัย “บิ๊กป้อม” ฟิตจัดวางคิวลุย ตจว.ทุกวันจันทร์ตลอดเดือน ก.ย. “กระบี่-ตาก-นราธิวาส” ด้าน "เพื่อไทย" เฉ่ง "วิษณุ" เลิกอ่านข้อหลีกเลี่ยงกฎหมาย อ้างคนไทยนับ 8 ปีทั้งนั้น ดักคอหากไม่นับ 24 ส.ค.57 ปชช.จะไม่เชื่อมั่นองค์กรอิสระ ไล่ให้รีบโยนผ้า “จตุพร” นำชุมนุมแยกราชประสงค์ ลั่นเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง เชื่อหลังมีคำวินิจฉัยจะเป็นจุดแตกหักลุยจนกว่าจะบรรลุชัย "ซูเปอร์โพล" เผยผลสำรวจ 90%  ไม่ต้องการม็อบ

เมื่อวันอาทิตย์ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องกดดันที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา รมว.กลาโหม แนะนำให้ยอมแพ้ ไม่ต่อสู้ในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อมีผู้ร้องในศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และศาลได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล และตามกระบวนการวิธีพิจารณาคดีของศาลก็กำหนดให้ผู้ถูกร้องชี้แจง ทีมกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ดำเนินการชี้แจงตามข้อกฎหมายและตามที่ถูกร้อง ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินหรือไปเกี่ยวข้องใดๆ ให้เสียกระบวนการ ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินเอง ทุกอย่างดำเนินการตามบทบัญญัติของ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ซึ่งเป็นไปโดยไม่ได้มีพฤติกรรมกดดันศาลเลย แตกต่างจากการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น

"การชี้แจงของทีมกฎหมายไม่ใช่เครื่องฟอกขาวให้ใคร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการกระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่ เป็นปัญหาการตีความข้อกฎหมาย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงไม่ควรสื่อสารให้สังคมเกิดความสับสน ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ยึดมั่นในหลักนิติธรรม ไม่ใช่เรื่องจำได้หรือจำไม่ได้ว่าดำรงตำแหน่งมากี่ปี เพราะนี่คือวิธีทางกฎหมาย คือชี้แจงในข้อกฎหมาย พรรคเพื่อไทยจึงควรเคารพกฎหมายและรอฟังคำวินิจฉัยของศาล รธน."

ส่วนการทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่กล่าวหาว่าไม่ให้ความสำคัญกับพลเอกประยุทธ์นั้น น.ส.ทิพานันกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเข้ามาบริหารประเทศในระหว่างที่รอการพิจารณาของศาล เพื่อให้นโยบายต่างๆ ขับเคลื่อนไปได้อย่างไม่เกิดสุญญากาศ ซึ่งเสียงจากภาคเอกชนก็เกิดความเชื่อมั่น ไม่ส่งผลกระทบให้ธุรกิจหรือเศรษฐกิจสะดุด หรือเกิดความกังวลใดๆ ท่านมีความรู้และความสามารถ ท่านมีทั้งแรงปัญญา แรงใจ แรงกาย ที่จะบริหารประเทศไม่ให้สะดุด  และที่สำคัญท่านสั่งการและทำงานที่ประเทศไทยไม่ใช่จากต่างประเทศ ทันเวลา ทันใจ จริงใจต่อการพัฒนาชาติแน่นอน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ที่  จ.กระบี่ ว่า พล.อ.ประวิตรมีกำหนดการติดตามโครงการที่ดูแลรับผิดชอบ ทั้งเรื่องที่ดิน เรื่องแหล่งน้ำ การพัฒนาเมืองและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นภารกิจหลักในฐานะรองนายกฯ อยู่แล้ว ซึ่งการลงพื้นที่มีข้อดีคือการได้พบปะประชาชน เมื่อมีปัญหาจะได้มาร้องเรียนโดยตรง ในขณะที่มีข้อเสนอแนะเราก็รับฟัง และจะได้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

'ป้อม' ฟิตลุย ตจว.ต่อเนื่อง

 “ท่านประวิตรเป็นคนแข็งแรง มีหัวใจที่มีความตั้งใจจะทำงานอยู่แล้ว และทำงานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาอาจไม่ได้ลงพื้นที่เยอะ แต่ช่วงนี้อยู่ในช่วงรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จึงต้องทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จะได้ดูแลประชาชนได้อย่างเต็มที่ รัฐบาลทำงานมาอย่างต่อเนื่อง คนปักษ์ใต้ยังรักทั้งลุงตู่และลุงป้อม แฟนคลับลุงตู่และลุงป้อม ยังเหนียวแน่น เชื่อว่าการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตรจะได้รับการต้อนรับสนับสนุนจากพี่น้องกระบี่ และชาวใต้เหมือนเช่นเคยอย่างแน่นอน" นายชัยวุฒิกล่าว

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี General Prawit Wongsuwon" ที่ระบุ FC  ทำขึ้น ได้โพสต์ข้อความว่า "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี มีการวางกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัดทุกวันจันทร์ตลอดทั้งเดือน ก.ย. 2565

โดยในวันที่ 5 ก.ย. มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.กระบี่ วันที่ 12 ก.ย.ลงพื้นที่ จ.ตาก และวันที่ 19 ก.ย.ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งการลงพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นการลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจทั้งในฐานะรองนายกฯ และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีควบคู่ไปด้วย ทั้งในส่วนงานที่รับผิดชอบเรื่องปัญหาแรงงาน, ปัญหาเกษตรกรชาวสวนปาล์ม,  การบริหารจัดการน้ำ, การบริหารจัดการที่ดิน, การแก้ปัญหาด้านที่ดินทำกินให้เกษตรกรและคนยากจน การคืนโฉนดอนุญาตทำประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 เป็นต้น"

ทั้งนี้ หลัง พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกฯ ได้ลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่แรกก่อนวางคิวลงพื้นที่ต่อเนื่อง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล รธน.ว่า ขณะนี้มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวกันจำนวนมาก แต่ไม่ควรแสดงออกด้วยการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ  ไม่ควรมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดไปแทรกแซง ก้าวก่ายการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญทั้งทางตรงและทางอ้อม ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายอย่างเป็นอิสระ เชื่อมั่นว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญได้ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างมีอิสระ ผลการวินิจฉัยจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างแน่นอน

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย  (พท.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึงวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์  ว่าไม่ได้นับรวมตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 แต่ไม่ได้ระบุชัดควรเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไรว่า วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์คนไทยเขานับ 8 ปีกันทั้งนั้น ซึ่งมีการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องมา นายวิษณุจะมองข้อกฎหมายอย่างไร  แต่ตนมองข้อเท็จจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ มา 8 ปีจริงๆ ปฏิเสธอะไรไม่ได้ คนไทยเขารู้ เลิกอ่านข้อหลีกเลี่ยงกฎหมายได้แล้ว เอาข้อเท็จจริงมาตัดสินเลยว่าอะไรคืออะไร หากท่านอยู่ต่อท่านจะเสียหาย ไม่มีทางดีขึ้น มีแต่เสียกับเสีย ปฏิบัติตาม 8 ปีเถอะ

พท.ขยันยุให้ 'บิ๊กตู่' โยนผ้า

เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับประเด็นที่นายวิษณุระบุหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่เห็นด้วย แต่เราไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ตนคิดอย่างปกติธรรมดาอย่างคนในสังคม หากศาล รธน.วินิจฉัยว่าไม่ได้เริ่มนับรวมตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 ประชาชนจะไม่มีความเชื่อมั่นในสถาบันการเมือง องค์กรอิสระ เพราะเขารู้ว่า 8 ปีจริงๆ  หากจะดันทุรังอยู่ไปก็แล้วแต่ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรเราไม่ทราบ เพียงแค่นายวิษณุพูดเหมือนนำร่อง เป็นแนวความเห็นของนายวิษณุ ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเดินหน้าตาม

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ยื่นคำชี้แจงจำนวน 20 หน้าต่อศาลรธน.ว่า ประชาชนคงไม่อยากเห็นเนติบริกรเป็นเนติศรีธนญชัย ทำตัวเป็นเครื่องฟอกขาวให้ใคร คำชี้แจง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์เขียนมาตั้งนาน แต่ได้แค่ 20 หน้า 8 ปี  ตกปีละ 2 หน้าครึ่ง เพราะคงไม่รู้จะเขียนอะไรมากไปกว่านี้  ประชาชนแปลกใจที่จู่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ทำตัวเหมือนลืมเหตุการณ์ทั้งหมดชั่วขณะ ถึงขนาดจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นนายกฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่ และเป็นมาครบ 8 ปีแล้ว ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดเองว่าเป็นนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57  และเป็นต่อเนื่องมา ประชาชนไม่อยากเห็นการตะแบง ตัดตอน บิดเบือน เพื่อช่วยเหลือกัน

 นายอนุสรณ์กล่าวว่า ประเทศต้องมีหลักนิติธรรม  เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเขียนชัด ไม่ต้องการให้เป็นนายกฯ รวมกันเกิน 8 ปี และไม่จำเป็นต้องเป็นติดต่อกัน  เพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ยังล้มเหลวขนาดนี้ เหลืออีกไม่ถึง 8 เดือนจะเอาอะไรมาการันตีว่าจะทำผลงานได้ดีขึ้น พล.อ.ประวิตรในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ก่อนหน้านี้เหมือนลุกก็โอย นั่งก็โอย  มาก็หลับ กลับก็ล้ม แต่พอ พล.อ.ประยุทธ์ถูกส่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตรใช้ใจบันดาลแรงจนดูมีเรี่ยวมีแรงมากขึ้น แทนที่ ครม. ส.ส.พรรค พปชร. พรรคร่วมรัฐบาลจะเสียขวัญ กลับดูมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ทำราวกับว่า พล.อประยุทธ์ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย พี่เลี้ยงกุนซือของ พล.อประยุทธ์ต้องช่วยกันห้าม ไม่ใช่ช่วยกันยุให้สู้ต่อ ต้องรีบโยนผ้าอย่าให้ประเทศเสียหายมากไปกว่านี้

ด้านนายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายอนุสรณ์ว่า เลิกเอาความรู้สึกของตัวเองมาตัดสินเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี เพราะนายอนุสรณ์ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย อย่าออกมาฟันธงเอาเองว่านายกฯ ประยุทธ์อยู่ครบ 8 ปีแล้ว โดยขอให้รอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อน ขณะเดียวกันขอให้เลิกเรียกร้องให้นายกฯ ประยุทธ์ลาออก หากนายอนุสรณ์และพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่านายกฯประยุทธ์อยู่ครบ 8 ปีแล้ว ก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน นายกฯ ประยุทธ์จะไม่ลาออกเพื่อไปเข้าทางพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน จะทำงานไปจนกว่าจะไม่สามารถทำได้

วันศาลวินิจฉัยจุดแตกหัก

ที่แยกราชประสงค์ คณะหลอมรวมประชาชนซึ่งนำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา จัดกิจกรรมกลางเมือง "หยุดอำนาจ 3 ป.เพื่อนับหนึ่งประเทศไทย” โดยใช้รถยนต์เป็นเวที ส่วนผู้เข้าร่วมชุมนุมใช้พื้นที่ทางเท้าและบันไดทางเข้าลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์เท่านั้น

ก่อนเข้าสู่การปราศรัย นายจตุพรกล่าวว่า หลายคนสงสัยว่าทำไมตนพร้อมด้วยคณะหลอมรวมประชาชนถึงมาที่แยกราชประสงค์ เพราะสถานที่แห่งนี้คือสัญลักษณ์ทางการเมือง มีประวัติ พวกตนจะได้ฉายภาพความเสียหายตลอด 8 ปี ของทั้ง 3 ป.ที่ครองอำนาจ ยืนยันว่าจะไม่เอาทั้ง 3 ป. หรือ ป.ที่ 4 เพราะทั้งหมดสร้างความเสียหาย สร้างความแตกแยก เอื้อกลุ่มทุน คณะหลอมรวมจึงต้องการจุดประกายประชาชนทราบ เชื่อว่าสถานการณ์ประเทศไทยจะเป็นไปตามลำดับ ความชอบธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เราจะเดินหน้าจนกว่าจะบรรลุชัย

”จุดแตกหักคณะหลอมรวมประชาชนกับ 3 ป.ต้องบังเกิดในยกสุดท้าย ครั้งนี้แค่ระหว่างทาง เมื่อคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญออกมาผลจะเป็นบวกหรือลบ จะเป็นการแตกหักในสังคมไทยอยู่แล้ว แล้วเราจะรอผลการตัดสินใจของประชาชน” นายจตุพรกล่าว

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง เชื่อมั่นศาล บ้านเมืองสงบสุข  กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,156  ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน ที่ผ่านมา โดยเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการเมือง  หลังศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ  90.9 ระบุไม่ต้องการเห็นการเมืองพาคนลงถนน ชุมนุมใหญ่ เผชิญหน้า ขัดแย้งรุนแรงบานปลาย เสียภาพลักษณ์  กระทบการประชุมเอเปก การลงทุน ท่องเที่ยว รองลงมาคือ ร้อยละ 89.7 ระบุเบื่อหน่ายการเมือง แก่งแย่งผลประโยชน์ ร้อยละ 88.4 หยุดนักการเมืองเคลื่อนไหวชี้นำ แทรกแซง กระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 87.9 เป็นห่วง การเมืองขัดแย้ง ซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาเดือดร้อน ปากท้องของประชาชน ร้อยละ 8.73 ไม่ต้องการรัฐประหาร  วงจรอุบาทว์ สั่นคลอนบ้านเมือง ต่างชาติไม่ยอมรับ

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อกฎหมาย  ศาล และกระบวนการยุติธรรม เพื่อบ้านเมืองสงบสุข ประเทศชาติเดินหน้าต่อได้ พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ  91.5 ระบุยึดกฎหมาย บ้านเมืองมีหลักยึดจะไม่วุ่นวาย  ร้อยละ 89.4 เชื่อมั่นศาล ยอมรับผลการพิจารณา และร้อยละ 89.0 เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม

ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงการให้โอกาสรักษาการนายกรัฐมนตรี พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.8 ให้โอกาส ใครเป็นนายกฯ ก็ได้ ขอบ้านเมืองสงบสุข ไม่ซ้ำเติมวิกฤต  รองลงมาคือร้อยละ 14.7 ไม่ให้โอกาส.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

14 พ.ค.ได้ลุ้น คกก.ค่าจ้างฯ ถกค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ

'คารม' ย้ำขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค.นี้ คกก.ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ