บิ๊กตู่เร่งMOU นำเข้าแรงงาน สกัดค้ามนุษย์

นายกฯ สั่งเร่งทำ MOU นำเข้าแรงงานที่ขาดแคลน ตัดวงจรค้ามนุษย์ "สุชาติ" เด้งรับลูกนัด 5 กระทรวง-ภาคเอกชนหารือ 11 พ.ย. ประสาน "บิ๊กโจ๊ก" ออกหมายจับแก๊งขนต่างด้าวผิด กม. พร้อมส่ง ปปง.ยึดทรัพย์

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มอบหมาย ถึงกรณีการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวทะลักเข้าไทยว่า ได้มีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และมอบหมายให้มีการพิจารณาดำเนินการทำบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู นำเข้าแรงงานในส่วนที่ขาดแคลน แต่จะต้องปลอดภัยจากโควิด-19 ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการที่ขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้างที่ต้องหยุดชะงัก และบางกิจกรรมที่ขาดแคลน

ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการลักลอบ แม้ทุกวันนี้จะมีการสกัดกั้นและควบคุม รวมถึงการส่งกลับแรงงานที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายทุกวัน ตลอดจนได้มีการติดตามสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนำพาแรงงานเถื่อนเข้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนายทุน ข้าราชการ เรือ รถรับจ้าง ถือเป็นขบวนการค้ามนุษย์

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหากรณีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองจำนวนมากภายหลังมีการเปิดประเทศว่า ตั้งแต่เดือน มี.ค.63 เราได้ห้ามนำเข้าแรงงานตามเอ็มโอยู ทำให้หลายกิจการในประเทศได้ปิดตัวลง ผู้ใช้แรงงานได้เดินทางกลับประเทศตัวเอง และจะกลับเข้ามาประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากมีการปิดด่านชายแดน แต่วันนี้รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศ ส่งผลให้กิจการการค้า การท่องเที่ยว ตื่นตัวและมีการฟื้นฟูกิจการขึ้นมา ทำให้ขาดแคลนแรงงาน จึงมีแรงงานพยายามลักลอบเข้าเมืองจนมีการจับกุมได้จำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานไปยังชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีกลุ่มเอ็นจีโอแรงงานข้ามชาติและทูตชายแดนประสานงานอยู่ ว่าอย่าให้แรงงานต่างด้าวเสียเงินเข้ามาในประเทศไทยในระยะเวลานี้ เพราะหากมาถึงแล้วถูกจับกุมถือว่าเสียเงินเปล่า เพราะเรามีการพิจารณาเอ็มโอยูให้ในเร็ววันนี้

นายสุชาติกล่าวว่า ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ กระทรวงแรงงานได้เชิญหน่วยงานจาก 5 กระทรวง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือว่ากระทรวงแรงงานจะนำเข้าแรงงานตามเอ็มโอยู ซึ่งเรื่องนี้มีกระบวนการเป็นขั้นตอน ต้องผ่านการพิจารณาของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. และเรื่องนี้นายกฯ มีข้อสั่งการมายังตน 1 เดือนมาแล้ว มีการหารือใน ศปก.ศบค. และมีการรับหลักการไปเรียบร้อย อยู่ระหว่างรอตกผลึก ก่อนนำเข้าเอ็มโอยูอย่างถูกต้อง ถึงจะเดินทางเข้ามาได้อย่างถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ในวันที่ 11 พ.ย. ได้เชิญประธานหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนักธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมหารือ ขอให้เชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาได้จบในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม วันนี้วัคซีนเราเพียงพอแล้ว จึงกล้าตัดสินใจจะนำเข้าเอ็มโอยู โดยมีเงื่อนไขกักตัว 14 วัน และก่อนจะครบกำหนด ทางกระทรวงแรงงานจะนำวัคซีนในโควตา มาตรา 33 มาฉีดให้กับแรงงานต่างด้าว เพื่อให้เกิดเข้ามาทำงานในประเทศไทยไม่มีการแพร่เชื้อให้กับคนไทย

“สำหรับผู้ประกอบการที่ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายนั้น กระทรวงแรงงานได้ประสานกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกหมายจับผู้นำพา และจะนำเข้าสู่กระบวนการของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อทำการยึดทรัพย์ ถึงบอกว่าเราเอาจริงนะเรื่องพวกนี้ รออีกแค่ไม่กี่วันเอง แค่ 20 วัน หรือไม่ถึง 2-3 สัปดาห์ ก็จะจบกระบวนการในการนำเข้าเอ็มโอยูแล้ว” รมว.แรงงานระบุ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลักลอบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย จะส่งผลต่อการประเมินอันดับของไทยเกี่ยวกับเรื่องการค้ามนุษย์ ที่ไทยกำลังแก้ปัญหาอยู่หรือไม่ ว่าไม่เป็นไร ยังดีอยู่

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. กองกำลังสุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) โดย ฉก.ลาดหญ้า ได้รับการเเจ้งข้อมูลจากผู้นำชุมชนในพื้นที่ อ.สังขละบุรี เเละชุดปฏิบัติการข่าว (ชป.ขว.) กกล.สุรสีห์ ว่าจะมีขบวนการนำพาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงได้ทำการสนธิกำลัง ลาดตระเวน-ซุ่มตรวจ ร่วมกับ ชป.ขว.กกล.สุรสีห์, หมวดป้องกันชานแดน ( มว.ปชด)., กองร้อยทหารพรานที่ 1402 (ร้อย.ทพ.1402), กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 134 (ร้อย.ตชด.134), สภ.สังขละบุรี, ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี เเละสาธารณสุข จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย จำนวน 218 คน (ช.125, ญ.93) บริเวณ บ.ห้วยกบ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

จากการซักถามได้ข้อมูลว่าเสียค่าใช้จ่ายรายละ 25,000-26,000 บาท เดินทางมาจาก จ.พะโค, จ.เมาะละเเหม่ง, จ.ย่างกุ้ง เเละ จ.กอกาเร็ก ประเทศเมียนมา โดยจะเข้าไปทำงานที่ กทม., สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, ชลบุรี, ราชบุรี, ปราจีนบุรี เเละประจวบคีรีขันธ์ หน่วยได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิขั้นต้น ไม่พบผู้มีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส เเละนำตัวส่ง สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง